ตอนที่ 112 : ปีใหม่

พื้นที่ในรถนั้นมีไม่มากนักแต่ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นได้อยู่บ้าง ท่าขับของฟ่านฉิงเหมยเองก็ถือว่าดูดีเป็นอย่างมาก

ขับรถมาได้ 1 ชั่วโมง เมื่อเข้ามาในซอยเล็ก ๆ ฟ่านฉิงเหมยก็ทำการจอดรถทันที

หวังเย่าพบว่าฟ่านฉิงเหมยนั้นมีกระเป๋ามิติ 2 อัน อันหนึ่งไว้เก็บของใช้ส่วนตัว ส่วนอีกอันไว้ใช้เก็บของขนาดใหญ่อย่างเฮลิคอปเตอร์และวัสดุอื่น ๆ

“เข้าบ้านกันเถอะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่หวังเย่าเห็นเธอมีความสุขแบบนี้ เธอโดดไปมาอย่างกับเด็กและฮัมเพลงออกมา

แต่เขาก็เข้าใจได้ว่าเธอโดดเดี่ยวมาหลายปี ไม่มีใครอยู่กับเธอแม้แต่ในวันเกิด เธอก็ต้องฉลองตัวคนเดียว ความโดดเดี่ยวนี้มันน่าปวดใจ

ที่พักระดับไฮเอนด์ไม่ต่างกันมากนัก มันมีการติดตั้งลิฟท์ด้วย บอกได้ว่าถ้ามีเงินก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นจริง ๆ

เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่ 12  พวกเขาก็เดินออกมาจากลิฟท์และตรงไปที่ห้อง 3  หลังจากเข้ามาในห้องหวังเย่าก็ต้องตะลึง มันเป็นห้องที่มีขนาดเท่ากับ 2 ห้องรวมกันเลยก็ว่าได้  มีการตกแต่งที่สวยงามดูสมกับเป็นผู้หญิง สีของห้องเป็นสีโทนฟ้าชมพู มันทำให้หวังเย่าคิดว่าเขาได้เข้ามาในห้องเจ้าหญิงน้อยอย่างไรอย่างนั้น

“บ้านเธอสวยจริง ๆ ”  หวังเย่ากล่าวชมออกมา

“นายมีรสนิยมดีนี่ ฉันเป็นคนตกแต่งเอง”  ฟ่านฉิงเหมยพูดขึ้นมาอย่างภูมิใจ

ทั้งสองพูดคุยกันก่อนจะลงไปที่ชั้นล่างเพื่อซื้อของใช้สำหรับหวังเย่า  แม้ว่าทั้งสองจะไม่พูดอะไรออกมาแต่ก็เห็นด้วยที่จะพักด้วยกันในคืนนี้

หลังจากที่ซื้อของเสร็จพวกเขาก็ไปที่ร้านอาหารกันต่อ บรรยากาศโรแมนติกทำให้ทั้งสองพูดคุยกันอย่างมีความสุข

วันนี้เป็นวันปีใหม่ ใบหน้าของทุกคนล้วนแต่แสดงความยินดี

บ้านตามท้องถนนต่างก็เปิดไฟเอาไว้ จึงทำให้เมืองนี้ราวกับเป็นเมืองแห่งแสงสว่าง มีพลุนับไม่ถ้วนถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนเกิดฉากที่งดงาม

ทั้งสองออกไปเดินเล่นและกินอาหารต่าง ๆ จนถึง 4 ทุ่มแล้วจึงกลับไปที่บ้าน

“วันนี้….”  ฟ่านฉิงเหมยหน้าแดงด้วยความอายและพูดขึ้น  “วันนี้คือวันแห่งความทรงจำ ฉัน….หวังเย่า บ้านฉันมีแค่เตียงเดียว นาย…”

หลังจากที่ทั้งสองคนอาบน้ำและเปลี่ยนชุดแล้ว ฟ่านฉิงเหมยก็เอาแต่ก้มหน้าด้วยความอาย

หวังเย่ารู้ว่าเธออยากจะบอกอะไร เขากอดเธอเอาไว้ก่อนจะอุ้มเธอไปที่เตียงแล้วปิดไฟ จากนั้นก็มีเสียงถอดชุดดังขึ้นในความมืด

“อย่าถอดหมดนะ…”  ฟ่านฉิงเหมยลังเล

หวังเย่าจูบเธอ จึงทำให้เธอพูดอะไรไม่ได้ก่อนจะส่งเสียงครางออกมา

วันต่อมาทั้งสองคนตื่นขึ้นมาในตอนเที่ยงเพราะเมื่อคืนนั้นต่างคนต่างเหนื่อยเกินไป ฟ่านฉิงเหมยเดินเซไปมาอยู่สักพัก

วันนี้เป็นวันปีใหม่ ทั้งสองคนยังคงนอนด้วยกันต่อ พวกเขารู้สึกว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ควรทำในตอนนี้

วันต่อมาทั้งสองก็ไปที่โถงฝึกซ้อม ที่นี่ใหญ่พอสำหรับการวิวัฒนาการสัตว์อสูร

ฟ่านฉิงเหมยรออยู่ในห้องต้อนรับ เธอนั่งรอไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับหวังเย่าที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

“เรียบร้อยแล้วหรือ ? ทำไมถึงเร็วแบบนี้ ? ”  ฟ่านฉิงเหมยไม่อาจจะทำใจเชื่อได้ การวิวัฒนาการอสูรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันน่าจะกินเวลาหลายวัน หรือไม่ก็หลายเดือน แต่นี่กลับใช้เวลาไม่กี่นาทีอย่างนี้นะหรือ

หวังเย่าพูดขึ้น “ก็เร็วแบบนี้แหละ”

ฟ่านฉิงเหมยรีบเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะพบกับก็อบลินเงาที่เลเวลเพิ่มขึ้นจาก 43 เป็น 46 ระดับของมันก็ขึ้นมาเป็นสวรรค์ขั้นกลางด้วย

“นี่..หวังเย่า ระดับผู้ดูแลของนายอยู่ระดับไหนกัน”  ฟ่านฉิงเหมยแปลกใจ

หวังเย่าอยากบอกความจริง แต่เขาก็กลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ ยังไงซะก็อบลินเงานี่ก็มีค่าประสบการณ์เยอะอยู่แล้ว

ฟ่านฉิงเหมยพูดคุยกับก็อบลินเงาอยู่สักพักและตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของมัน

หวังเย่าได้เช่าห้องซ้อมและเอาหินกฎออกมาตรวจสอบ

หินกฎนี้ล้ำค่า ระดับของมันสูงมาก มันอาจจะมีค่าเท่ากับเมือง หวังเย่าถึงกับไม่กล้าเอามันออกมาดูที่บ้าน

เมื่อดูหินนั้นแค่ไม่กี่อึดใจ  หวังเย่าก็รู้สึกได้ถึงธาตุไฟที่แข็งแกร่ง มันทำให้เขานึกถึงทะเลไฟขึ้นมาทันที

“ช้า ๆ ไม่ต้องรีบ “  หวังเย่ามีหลายเรื่องต้องทำ เขาไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจหินกฎในตอนนี้มากนัก ยังไงซะเขาก็มีธุระมากมายที่ต้องจัดการอยู่

ในห้องซ้อมนั้นเขาฝึกทักษะกระบี่บินอยู่ครึ่งวันรวมถึงทักษะมีดและธนูด้วย จากนั้นเขาก็ได้กลับบ้านไปพร้อมกับฟ่านฉิงเหมย

มหาวิทยาลัยจะเปิดเรียนในช่วง 16-18 ของเดือนนี้ ดังนั้นเวลาที่เหลืออีกครึ่งเดือนนี้ หวังเย่าก็ไม่ทำอะไรอื่นนอกจากฝึก, กินและนอน

เมื่อถึงวันเปิดเรียน หวังเย่าและฟ่านฉิงเหมยก็ไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย ตอนนั้นทั้งสองคนทำเหมือนไม่รู้จักกันเพราะกลัวว่าจะโดนนินทา ยังไงซะจ้าวเมิ่งซีก็ต้องใช้เวลาปรับตัวและยังไม่รู้อะไรในตอนนี้

ฟ่านฉิงเหมยรายงานตัวได้ไม่นานก็ต้องออกไปหาประสบการณ์นอกเมือง เธอไม่ชินกับการอยู่ที่มหาวิทยาลัยและต้องให้เวลาหวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีอยู่ด้วยกัน

“หวังเย่า ตอนที่ฉันได้อยู่กับนาย มันทำให้ฉันมีความสุขมาก ถ้าเมิ่งเอ๋อร์ไม่ตกลง ฉันก็จะไม่ฝืน ฉันจะเป็นคนเดินจากไปเอง”  ฟ่านฉิงเหมยพูดขึ้น

หวังเย่าส่ายหน้าและพูดขึ้นอย่างมั่นใจ  “ไม่ต้องกังวล เธอคือแฟนฉันอีกคน”

ฟ่านฉิงเหมยไม่ได้พูดอะไรต่อ เธอแก่กว่าหวังเย่า 2 ปีแต่กลับเตี้ยกว่าหวังเย่า เธอต้องเขย่งเท้าถึงจะจูบหวังเย่าได้

ไม่นานหลังจากที่ฟ่านฉิงเหมยจากไป จ้าวเมิ่งซีก็กลับมาที่โรงแรมและพบว่าหวังเย่ารอเธออยู่แล้ว

“หวังเย่า ฉันคิดถึงนายจริง ๆ ”  จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอน เธอเป็นแฟนฉันนี่ ถ้าเธอไม่คิดถึงฉันแล้วจะไปคิดถึงใคร ? ”  ถึงหวังเย่าจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดนิด ๆ เขาไม่ได้รู้สึกผิดกับการตัดสินใจของตัวเอง ในฐานะคนที่ทะลุมิติมาแล้ว เขาไม่ได้สนใจธรรมเนียมเดิมอะไรมากนัก

เมื่อโลกนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง กฎและธรรมเนียมต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปด้วย และตอนนี้คนที่แข็งแกร่งนั้นสามารถมีภรรยาได้หลายคนแล้ว

ยังไงซะ มนุษย์ก็ยุ่งอยู่กับการพัฒนาตัวเอง ส่วนรัฐบาลก็ยุ่งอยู่กับการต้านทานสัตว์อสูร ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ หากผู้คนยังทำตามกฎหมาย เรื่องการมีเมียหลายคนจึงไม่ถูกมองว่าเป็นปัญหาอะไร ตราบใดที่ไม่มีการบังคับขืนใจกันก็พอแล้ว

“นายคิดถึงฉันมากแค่ไหน ? ”  จ้าวเมิ่งซียิ้มออกมา

หวังเย่าเกาหัวและพูดขึ้น  “ฉันแทบอยากจะสั่งให้พวกองค์กรใต้ดินไปลักพาตัวเธอมาเลยก็ว่าได้”

“ได้ ฉันจะปล่อยนายไปก็ได้”  จ้าวเมิ่งซีสลัดตัวจากอ้อมกอดของหวังเย่า ก่อนจะเอากล่องหนึ่งออกมาให้กับเขาและพูดขึ้น  “นี่ฉันให้นาย”

หวังเย่ารับมันไว้ ก่อนจะเอาขวดนมดินออกมาจากกระเป๋ามิติ  “ฉันเองก็มีของขวัญให้เธอเหมือนกัน”

จ้าวเมิ่งซีเปิดฝาออกก่อนจะได้กลิ่นหอม เธอก้มหน้ามองไปที่นมนั่นด้วยความสงสัยทันที

“นี่อะไรกัน ? ”

“นมดิน มันดีสำหรับผู้หญิง มันจะลดการแก่ชราและทำให้ผิวพรรณขาวขึ้น”  หวังเย่าอธิบาย

เขาได้นมดินมาครึ่งถัง แบ่งได้ 100 ขวด เขาให้ฟ่านฉิงเหมยไป  10 ขวด ฟ่านฉิงเหมยใช้แล้วได้ผลดี มันทำให้เซ็กส์ของพวกเขาดูน่าตื่นเต้นไปด้วย

จ้าวเมิ่งซีได้ยินแบบนั้นก็ตาเป็นประกายขึ้นมา เธอจับขวดนมดินไว้แน่น เธออยากกินมันตอนนี้ แต่ก็กลัวว่ามันจะหมดเร็ว

แต่เมื่อเห็นหวังเย่าเอาขวดนมออกมาอีก 9 ขวด มันจึงทำให้จ้าวเมิ่งซียิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า