ตอนที่ 113 : อาวุธและชุดเกราะ
เทอมใหม่เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่หวังเย่าก็ยังคงเอาแต่ฝึกซ้อมตามเดิม
เพราะการออกไปนอกเมืองก่อนหน้านี้นั้นมันทำให้เขาได้ของกลับมาเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รีบออกไปนอกเมืองอีกครั้ง เขาเอาแต่ฝึกซ้อมอย่างใจเย็น
ทักษะมีดของเขาในตอนนี้ได้ขึ้นไประดับสูงแล้ว ทักษะกระบี่บินก็ขึ้นไปถึงส่วนที่สอง เลเวลของตือโป๊ยก่ายเองก็เพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
นี่คือข้อมูลของตือโป๊ยก่ายในตอนนี้
****
สายพันธุ์ : อสูรแสง
ระดับ : สวรรค์
เลเวล : 37
สกิล : 1. กลืนแสง ดูดซับแสงจนทำให้มองไม่เห็นตัว, 2. ขโมยเงา ขโมยเงาของสิ่งต่าง ๆ ได้, 3. ทะลุ สามารถเปลี่ยนเป็นเงาพุ่งทะลุสิ่งของได้
****
เพื่อที่จะยืนยันสกิลทั้งสาม หวังเย่าก็ได้ทำการทดสอบดู ยกตัวอย่างเช่นเขาได้ให้ตือโป๊ยก่ายใช้สกิลนี้ต่อหน้าตะเกียง แต่ก็พบว่าตัวตนของมันหายไปราวกับไม่มีตัวตนอยู่
หวังเย่ายังให้ตือโป๊ยก่ายเข้าไปในเงาของเพื่อนร่วมชั้นและตามอีกฝ่ายอยู่เป็นอาทิตย์โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
สกิลทะลุเองก็โดดเด่น เมื่อใช้สกิลนี้ตือโป๊ยก่ายก็สามารถทะลุเหล็กหนาได้ แม้แต่รูเล็กเท่ากับเข็มมันก็ผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
“คุณหวัง เกราะเกล็ดมังกรของคุณเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันมีทั้งหมด 15 ชุด เรามีบริการจัดส่ง”
ตอนที่หวังเย่ากินข้าวกับจ้าวเมิ่งซีอยู่นั้นก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา
“ได้ ฉันจะไปรับ” หวังเย่าบอกที่อยู่และรีบวางสายทันที
เมื่อเขาได้เกล็ดมังกรมา เขาก็ไปหาร้านรับทำเกราะก่อนจะให้ทางร้านจัดทำเกราะขึ้นมาในราคา 200,000 เครดิต
20 นาทีต่อมาก็มีชายแก่พร้อมกับคนคุ้มกันสองคนได้นำเกราะมาให้เขา
“เมิ่งเอ๋อร์ เธอเลือกสิ”
จ้าวเมิ่งซีได้ยินรายละเอียดที่หวังเย่าอธิบายถึงชุดเกราะนี้ ก็พบว่าชุดเกราะนี้มีความทนทานใกล้เคียงกับระดับ S ชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันมีราคาอย่างน้อย 1 ล้านเครดิต
เธอเลือกมาชุดหนึ่ง ส่วนที่เหลือหวังเย่านั้นก็เก็บเอาไว้
อีกเดือนผ่านไปก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาหาเขาอีกครั้ง
“คุณหวัง อาวุธของคุณเสร็จแล้ว คุณต้องการให้ไปส่งหรือไม่ ? ”
สีหน้าของหวังเย่าสะท้อนความยินดีออกมาทันที เขารีบพูดขึ้น “ฉันจะไปรับเอง”
เขารออาวุธนี้มานานมากแล้ว
เมื่อวางสาย หวังเย่าก็ได้ขี่มอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปที่โรงงานอาวุธระดับ S ทันที
ตั้งแต่ที่ได้เหล็กทองทมิฬมา หวังเย่าก็คิดว่าจะใช้มันยังไงเพราะเหล็กนี่มีขนาดเท่ากับครึ่งตัว และหนักหลายหมื่นปอนด์ มันเพียงพอที่จะทำอาวุธได้หลายชิ้น
และในที่สุดอาวุธก็ถูกสร้างขึ้นจนเสร็จ มันทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เกือบ 1 ชั่วโมงหวังเย่าก็ได้ไปถึงโรงงานอาวุธและได้ไปหาช่างระดับ S
ช่างระดับ S ชื่อว่าไป๋ชางคัง เมื่อไม่กี่ปีก่อนเขาเป็นแค่ทหารรับจ้างคนหนึ่ง แต่หลังจากที่กินผลไม้หนึ่งเข้าไป เขาก็ได้ความสามารถในการควบคุมไฟมา เมื่อรวมกับสกิลจากสัตว์อสูรแล้ว มันก็ทำให้เขากลายเป็นช่างอาวุธที่เก่งกาจ
“คุณไป๋ ผม หวังเย่า” หวังเย่าหัวเราะออกมา
ไป๋ชางคังนั้นเป็นคนเก่ง ขอแค่มีวัสดุดี ๆ เขาก็สามารถทำเป็นอาวุธได้ อาวุธที่เขาสร้างมานั้นมีแต่ของดี ๆ
เมื่อหวังเย่าได้เอาเหล็กทองทมิฬมา มันก็ทำให้ไป๋ชางคังรู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วย วัสดุแบบนี้ไม่อาจจะหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป มันไม่ใช่สิ่งที่ช่างระดับ S จะเจอวัสดุนี้ได้ง่าย ๆ
มันคือความท้าทาย หากเขาทำอาวุธออกมาได้สำเร็จ มันก็จะทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังพร้อมกับทักษะช่างที่พัฒนาขึ้นไปด้วย
“ฮ่าฮ่า สบายใจได้ ฉันสร้างขึ้นมาตามที่นายต้องการ เดี๋ยวฉันจะเอาออกมาให้” ไป๋ชางคังเอาอาวุธออกมาและส่งให้กับหวังเย่า
แค่มองก็รู้ว่านี่ต้องเป็นของที่ดีแน่
หนึ่งในนั้นมีกระบี่ยาวสี่ฟุตอยู่ด้วยเล่มหนึ่ง ตัวกระบี่คมกริบและมีขนาดที่บาง แต่ทว่ากลับส่องประกายถึงรังสีความดุดันออกมา ดูก็รู้ว่าเป็นกระบี่ชั้นดี
ส่วนอาวุธอีกชิ้นเป็นมีดยาวที่มีขนาดต่างจากกระบี่ไม่มากนัก เนื่องจากเขาฝึกทักษะมีดลมหายใจมังกรมา ดังนั้นอาวุธชนิดนี้จึงขาดไม่ได้
ที่เหลือก็เป็นมีดสั้น 6 เล่ม โล่และกระบองอีกอย่างละอัน
ตัวโล่นั้นมีขนาดเล็กเท่ากับปากถังน้ำและบางอย่างมาก แต่มันมีความแข็งแกร่งที่สูง
ส่วนมีดสั้นทั้งหกเล่มนั้น หวังเย่าตัดสินใจจะให้มีดนี่กับจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยคนละเล่ม ส่วนที่เหลือเขาจะเก็บไว้
สำหรับกระบองแล้ว มันใช้เหล็กไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ในอีกความหมายคือกระบองนี่หนักกว่า 4,000 กิโลกรัม
หวังเย่าไม่อาจจะใช้อาวุธที่หนักได้ แต่เขาคิดจะให้หงอคงใช้มัน เขาเชื่อว่าหงอคงต้องชอบกระบองนี่อย่างแน่นอน
“ทักษะของคุณนี่โดดเด่นจริงๆ อาวุธพวกนี้ดูพิเศษและทรงพลังอย่างมาก ขอบคุณคุณไป๋มาก” หวังเย่าชมออกมา
ไป๋ชางคังพยักหน้าด้วยท่าทีเยือกเย็นราวกับว่าคำพูดของหวังเย่านั้นคือความจริงอยู่แล้ว
“ถ้ามีวัสดุดี ๆ ก็เอามาให้ฉันอีกได้เลย” ไป๋ชางคังพูดขึ้น
ในทางกลับกัน หวังเย่าก็ได้จ่ายเงินไปกว่า 1 ล้านเครดิตสำหรับค่าแรงของไป๋ชางคัง รวมถึงให้มีดเล่มหนึ่งอีกด้วย
มีดนั้นมีไว้เพื่อบ่งบอกถึงความสำเร็จในฐานะช่างของเขา
ยังไงซะวัสดุที่ใช้ทำมีดแต่ละเล่มนั้นก็ไม่เหมือนกัน
หวังเย่าได้ไปที่ห้องผลงานของไป๋ชางคังและพบว่ารอบ ๆ นั้นมีมีดเป็นร้อยเล่ม นี่คืองานที่ไป๋ชางคังภูมิใจ
มีดที่ทำจากเหล็กทองทมิฬนั้นถูกวางไว้ในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุด
เมื่อออกจากโรงงานอาวุธแล้ว หวังเย่าก็วางแผนสำหรับการฝึกงานในช่วงปิดเทอมในฐานะเตรียมผู้ตรวจสอบ
ในสาขาตรวจสอบนั้น พวกปีสองใช่ว่าจะเป็นกึ่งผู้ตรวจสอบกันหมด มีแค่คนที่ทำผลงานในมหาวิทยาลัยได้ดีเท่านั้น ที่จะมีโอกาสได้ทดสอบในการเป็นเตรียมผู้ตรวจสอบ และมีสิทธิ์บางด้านเหมือนกับผู้ตรวจสอบ
แน่นอนหากมีโอกาสเป็นธรรมดาที่หวังเย่าอยากจะเป็นผู้ตรวจสอบ 1 ดาว ฐานะนี้จะได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่างรวมถึงมีกองทหารของตัวเอง และได้สิทธิ์ในการยึดครองมิติต่าง ๆ ด้วย
สิ่งเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้เลือดของคนร้อนตามไปด้วย แต่หวังเย่าก็เข้าใจว่าเขาต้องเตรียมตัวอย่างดีรวมถึงต้องมีความแข็งแกร่งที่เพิ่มกว่านี้ด้วย
“ในสิบวันนี้ฉันจะเตรียมตัวสำหรับเดินทางออกจากเมืองอีกครั้ง” หวังเย่าใช้เวลา 10 วันนี้ยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวในการเดินทางออกจากเมืองอีกครั้ง