เล่มที่ 4 บทที่ 108 เริ่มต้นล่าสัตว์

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ใบหน้างดงามเผยให้เห็นอาการขวยเขิน แก้มนวลแดงระเรื่อ หลินเมิ้งหยาจึงหยุดแกล้งว่าที่พี่สะใภ้ของตนเอง

 

สายตาของหูลู่หนานพลันหันมาจ้องมองเรือนร่างของตนเอง

 

มิมีใครพูดเรื่องงานดูตัวในวันนั้นอีก ทว่าหัวใจของหลินเมิ้งหยายังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย

 

หูลู่หนานมิเหมือนคนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ฮูหยินเยว่จะถูกนางหยุดเอาไว้ได้ ทว่าฮูหยินเยว่กลับยังไม่ตัดใจ

 

หากนางบีบบังคับพี่เยว่ถิงไปแต่งงานกับองค์ชายรองแห่งซีฟานอีกครั้ง เกรงว่าหลินเมิ้งหยาจะไร้ซึ่งหนทางช่วยเหลือ

 

“ข้าเขียนจดหมายถึงพี่ชายแล้ว หวังว่าเขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้”

 

หลินเมิ้งหยากระซิบเสียงเบา ขณะเดียวกัน สีหน้าของเยว่ถิงยิ่งแดงก่ำ

 

“เจ้านี่หนา แซวข้าอยู่เรื่อย หรือเจ้าไม่รู้ว่าตัวเองก็กลายเป็นคนดังของต้าจิ้นไปแล้ว?”

 

เม้มปากแอบหัวเราะ แต่ถึงกระนั้นมุมปากที่หยักขึ้นทำให้รู้ได้ว่านางกำลังยิ้ม

 

เด็กคนนี้นี่หนา อย่าคิดว่านางจะไม่รู้เรื่องของนางกับท่านอ๋องเมื่อคืน ตอนนี้เรื่องนั้นกลายเป็นข่าวดังของต้าจิ้นไปแล้ว

 

ใครจะรู้เล่าว่าองค์ชายผู้แสนเย็นชาแห่งต้าจิ้น หลังจากแต่งงานแล้วจะรักและเอ็นดูชายาของตนเองขนาดนี้

 

หลินเมิ้งหยาแม้จะโง่ แต่กลับเป็นคนโง่ที่มีความสุขมาก เรื่องดี ๆ มักเกิดขึ้นกับนางเสมอ

 

“ยังมีข่าวอะไรอีกหรือ ข้าจำได้ว่าข้ากลายเป็นคนดังตั้งแต่แต่งงานกับท่านอ๋องแล้วนี่นา อีกอย่าง ไม่มีใครล่วงรู้ความรู้สึกที่แท้จริงที่ท่านอ๋องมีต่อข้าหรอก”

 

เยว่ถิงคิดอยากแกล้งแซวหลินเมิ้งหยาให้อาบม้วน แต่กลับสังเกตเห็นสายตาอิจฉาริษยาที่กำลังจ้องมองมา

 

เลิกคิ้วขึ้น มองเห็นสายตาของหลินเมิ้งหวู่ที่กำลังจับจ้องมองมา

 

นับตั้งแต่วันที่หลินเมิ้งหวู่คลอดออกมา นางและแม่ของนางพร้อมที่จะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากหลินเมิ้งหยา

 

ของที่เยว่ถิงส่งมอบให้หลินเมิ้งหยาเป็นพิเศษมักจะถูกผู้หญิงคนนี้แย่งไปเสมอ

 

ดังนั้น เยว่ถิงจึงมิได้รู้สึกยินดียินร้ายกับเด็กคนนี้เสียเท่าไร

 

“ใช่แล้ว ความรู้สึกที่ท่านอ๋องมีต่อเจ้า ใช่ว่าใครก็ได้จะได้รับมัน”

 

เยว่ถิงเป็นคุณหนูที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี เรื่องบางเรื่องนางก็มิอาจเอ่ยออกมาได้

 

ทว่าหลินเมิ้งหยามิใช่คนที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด ดังนั้นน้ำเสียงจึงไร้ซึ่งความเกรงใจ

 

“คนบางคนมักใหญ่ใฝ่สูง คิดจะแย่งชิงของที่ไม่ใช่ของตนเอง น่ารังเกียจจริง ๆ”

 

คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของหลินเมิ้งหวู่เปลี่ยนไป

 

หลังจากสูดลมหายใจลึก ๆ หลินเมิ้งหวู่หันหน้ากลับ

 

วันนี้เป็นวันที่แปลกประหลาดเหลือเกิน โดยเฉพาะหลินเมิ้งหวู่ แม้จะถูกหลินเมิ้งหยายั่วยุซึ่งหน้า แต่นางกลับไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว แต่กลับหันหน้าไปมองการแข่งขันต่อ ท่าทีสงบนิ่งของนางทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกแปลกใจ

 

แปลกจริง เหตุใดวันนี้คุณหนูรองจึงไม่พูดตอบโต้?

 

เหล่าสาวใช้รู้สึกแปลกใจ ทั้งที่ตอนอยู่ในจวน หลินเมิ้งหวู่มิเคยเชื่อฟังคำพูดของใครเลย

 

เยว่ฉีมองทางหลินเมิ้งหวู่และหลินเมิ้งหยาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน แต่เหตุใดจึงมองไม่เห็นสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเลย

 

“พี่หลิน เหตุใดท่านกับหลินเมิ้งหวู่จึงต่างกันนัก?”

 

แอบกระตุกชายเสื้อของหลินเมิ้งหยา เยว่ฉีเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา

 

ลูกสาวทั้งสองของสกุลเยว่ล้วนมีกิริยามารยาทงดงาม อีกทั้งยังว่านอนสอนง่าย

 

กอปรกับแม่ของพวกนางเป็นคนเด็ดขาด ดังนั้นพวกนางจึงไม่เคยมีประสบการณ์ดังเช่นหลินเมิ้งหยา

 

“ไม่ได้มีแม่คนเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่เหมือนกัน”

 

แม่ของหลินเมิ้งหยาอ่อนโยนและใจเย็น แม้จะอาศัยในจวนเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ทว่าคนรับใช้ล้วนชื่นชมนางทั้งสิ้น

 

ไม่เหมือนซ่างกวนชิง นางรู้จักเพียงวิธีตบตีทรมานผู้อื่นเท่านั้น แม้แต่ความสงสารก็ไม่มีให้

 

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ขนาดนางที่เป็นลูกเลี้ยงยังถูกนางทำร้ายจนเกือบตาย

 

ดังนั้นนางจะเหมือนแม่เลี้ยงของนางได้อย่างไร?

 

“ก็จริง ข้าคิดว่าพี่หลินสวยกว่านางมาก”

 

แม้จะมีพ่อคนเดียวกัน ทว่าหลินเมิ้งหยาและหลินเมิ้งหวู่กลับมีความสวยงามไม่เหมือนกัน

 

คนหนึ่งทั้งสวยและสง่างาม

 

อีกคนเพียงแค่มีโครงหน้าที่งดงามชวนมองเท่านั้น

 

เยว่ฉีหันซ้ายหันขวามองใบหน้าของทั้งคู่ นางมั่นใจว่าหลินเมิ้งหยาเหมือนกับท่านลุงหลินมาก

 

หลินเมิ้งหวู่ที่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่กำมือแน่น สายตาจับจ้องมองทางกระดานคะแนน

 

แม้จะโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แต่เพราะฮองเฮารับสั่งกับนางด้วยตนเองว่าจะต้องมาเข้าร่วมงานล่าสัตว์ในครั้งนี้ อีกทั้งยังต้องคิดหาวิธีดึงดูดความสนใจจากองค์ชายรัชทายาทจากซีฟานให้ได้

 

มิเช่นนั้นนางคงไม่มีทางมาที่แบบนี้หรอก

 

“ท่านแม่ พวกนาง…”

 

หมุนตัว หลินเมิ้งหวู่เดินเข้าไปหาซ่างกวนชิงที่กำลังดูการแข่งขัน เมื่อเทียบกับลูกสาวที่กำลังหมดความอดทนแล้ว ซ่างกวนชิงสงบนิ่งกว่ามาก

 

มองดูการแข่งขันตรงหน้านิ่งประหนึ่งคนหูหนวก

 

“หวู่เอ๋อร์ เจ้าเหมือนกับพวกนางอย่างนั้นหรือ?”

 

น้ำเสียงยังคงเย่อหยิ่งเสมอต้นเสมอปลาย ในสายตาของซ่างกวนชิง พวกนางทั้งสามคนเป็นเพียงเศษขยะเท่านั้น

 

มิอาจเทียบได้กับลูกสาวของตนเอง สายเลือดบริสุทธิ์ สง่างามและชาญฉลาด

 

“ก็จริงเจ้าค่ะ ข้าไม่เหมือนกับพวกนาง”

 

แม้หลินเมิ้งหวู่จะอยากตอบโต้กลับ แต่ถ้าครั้งนี้นางยังทำงานพลาด เกรงว่าฮองเฮาจะไม่มีทางให้โอกาสนางอีก

 

“เจ้าวางใจเถิด เสด็จป้าของเจ้าพูดกับข้าแล้ว คราวนี้จะทำให้เจ้ากลายเป็นชายาขององค์ชายรัชทายาทให้ได้ เจ้าจะต้องจะเอาไว้ ใช่ว่าใครจะขึ้นเป็นชายาขององค์ชายรัชทายาทได้ อีกอย่าง องค์ชายรัชทายาทผู้นั้นยังหล่อเหลา สง่างาม มีสายเลือดบริสุทธิ์ของชนชั้นสูง เหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก”

 

คิดไม่ถึงเลยว่าเพราะการปฏิเสธของหลินเมิ้งหวู่คราวที่แล้ว จะทำให้สาวใช้ของหลินเมิ้งหยาแย่งชิงตำแหน่งนั้นไป

 

สามีที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ใครไม่เอาก็โง่แล้ว

 

ดังนั้น เมื่อฮองเฮาเอ่ยว่าจะให้โอกาสกับหลินเมิ้งหวู่อีกครั้ง ทั้งสองจึงยอมรับมัน

 

ทว่า หลินเมิ้งหวู่ต้องออกแรงมากพอสมควรเพื่อดึงดูดความสนใจขององค์ชาย

 

“ท่านแม่ องค์ชายคนนั้นจะพึงใจในตัวข้าจริงหรือ?”

 

การแสดงของหลินเมิ้งหวู่ในงานเลี้ยงคราวแล้วสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของนางเอาไว้

 

อีกทั้งยังตบตีกับชายารองจนใบหน้าบวมเปล่ง ยิ่งไปกว่านั้นนางทำให้ตนเองต้องขายหน้าระหว่างแสดงเต้นรำ

 

แม้แต่คนหน้านาเช่นนางยังอดไม่ได้ที่หน้าแดงก่ำ

 

หากถูกองค์ชายรัชทายาทแห่งซีฟานรังเกียจเพราะเรื่องเหล่านั้น นางยอมตายเสียดีกว่า

 

“วางใจเถิด ฮองเฮาเผยสถานะของเจ้าให้ฮ่องเต้หมิงรับรู้แล้ว ดังนั้นขอเพียงเจ้าแสดงตัว เรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน”

 

ซ่างกวนชิงจะต้องทำให้เขามาเป็นลูกเขยให้ได้ ดังนั้น น้ำเสียงจึงค่อนข้างมั่นใจ

 

หลินเมิ้งหวู่หันมองทางชายที่กำลังควบม้า หัวใจกระตุกระรัว

 

หากนางได้ขึ้นเป็นชายาแห่งซีฟาน ก็ถือว่าไม่เลว

 

คะแนนถูกประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง ผลคะแนนที่ออกมาในช่วงเช้าสูงลิ่ว

 

หลินเมิ้งหยาและสาวใช้นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูสัตว์ที่ถูกกองพะรเนินเทินทึก รู้สึกสนใจเล็กน้อย

 

สัตว์เหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นเพียงไก่ฟ้าและกระต่าย พ่อครัวจากวังหลวงนำสัตว์เหล่านั้นไปล้างจนสะอาด ก่อนจะนำไปทำอาหารกลางวันอันแสนโอชะ

 

แม้หลินเมิ้งหยาจะไม่เห็นด้วยกันการฆ่าสัตว์ แต่ก็ถูกบรรยากาศคึกครื้นนำพาจนเกิดอารมณ์ร่วม

 

เหล่าชายหนุ่มเพียรพยายามแสดงความสามารถของตนเองออกมา

 

แม้แต่หลงเทียนหยู๋ที่มีใบหน้าเย็นชาเองก็ถูกการแข่งขันของพวกผู้ชายทำให้ต้องแสดงความสามารถของตนเองออกมา

 

เวลาในช่วงเข้า หลงเทียนหยู๋จับสัตว์ได้เป็นจำนวนมาก ทว่าสัตว์ที่เขาได้มาล้วนยังมีชีวิต ไม่เหมือนสัตว์ของผู้อื่นที่ถูกยิงจนตาย

 

เขาผูกตาข่ายไว้กับธนู ดังนั้นสัตว์ที่ถูกจับได้จึงยังมีชีวิตอยู่

 

เพราะฉะนั้นคะแนนของเขาจึงติดอันดับหนึ่งในสามของผู้มีคะแนนสูงสุด

 

“ท่านอ๋องของพวกเราทั้งกล้าหาญและหล่อเหลา ว่าไหมเจ้าคะนายหญิง”

 

ป๋ายซ่าวแอบหัวเราะคิกคักซุกซนเอ่ยแถวพระชายา หลายวันมานี้นางดูออกว่าพระชายาและท่านอ๋องเข้ากันได้ดี ราวกับเป็นคน ๆ เดียวกัน

 

หากมิใช่เพราะได้เห็นกับตาตัวเอง คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า ท่านอ๋องผู้มักจะแสดงสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง จะอ่อนโยนเมื่ออยู่ต่อหน้าพระชายา

 

“เจ้านี่หนา ป๋ายจื่อ รีบไปหยิบขนมมาอุดปากนางเอาไว้”

 

ใบหน้าของหลินเมิ้งหยาร้อนผ่าว

 

แต่เมื่อนึกได้ว่าสุดท้ายแล้วผู้ชายที่เพียบพร้อมคนนี้มิใช่ของนาง มุมปากพลันกระตุกยิ้มขมขื่น

 

ช่างเถิด จะคิดมากทำไมกัน

 

“พวกเขามาแล้ว พวกเราไปดูกันเถอะ”

 

เยว่ฉีที่จับจ้องมองทางป่าหนาทึบตลอดเวลาร้องบอกเสียงดัง

 

หลินเมิ้งหยารีบหันหน้าไป จนกระทั่งได้เห็นร่างสูงยาวพุ่งออกมาด้านหน้าสุด หัวใจของนางรู้สึกอบอุ่นอ่อนหวานอย่างบอกไม่ถูก

 

เขามักจะโดดเด่นเสมอ มิต่างอะไรจากสายฟ้าที่ทุกคนพร้อมที่จะร้องตะโกนขานชื่อของเขา

 

นี่คือความสามารถพิเศษของหลงเทียนหยู๋ ไม่ว่าใครก็มิอาจปฏิเสธได้ อีกทั้งยังมิมีใครเก่งกาจเท่า

 

พริบตาเดียว หลงเทียนหยู๋ควบม้ารวดเร็วราวกับกำลังบิน ก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเมิ้งหยา

 

ทิ้งสัตว์ที่ถืออยู่ในมือลง กระโดดลงจากหลังม้า ใบหน้าท่าทางหล่อเหลาทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหลงใหล

 

หลินเมิ้งหยายิ้ม ก่อนจะเข้าไปต้อนรับ

 

“ท่านอ๋องเหนื่อยไหมเพคะ?”

 

เอ่ยถามด้วยความใส่ใจ เสมือนคู่สามีภรรยาที่รักใครกันดี

 

แม้จะมีเหงื่อหยาดเหงื่อโทรมกาย ทว่ากลับส่ายหน้า มือหน้าโบกสะบัด หลินขุ๋ยรีบน้ำกรงเล็กกรงหนึ่งมายื่นให้

 

ในกรงเล็กกรงนั้นมีสัตว์ตัวเล็กสีขาวนอนขดตัวอยู่

 

หลินเมิ้งหยามองสำรวจ ที่แท้มันคือลูกสุนัข

 

“นี่คือสุนัขพันธุ์ไหนหรือ?”

 

ลูกสุนัขตัวนี้เพิ่งจะถูกคลอดออกมาได้เพียงไม่นาน แม้แต่เสียงร้องยังน่ารัก

 

“มันคือหมาป่า”

 

นับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นหมาป่าน้อยตัวนี้ มิรู้ว่าทำไม หลงเทียนหยู๋จึงรู้สึกคุ้นเคยกับมันนัก

 

พ่อแม่หมาป่าถูกฆ่าตายเพราะการล่าสัตว์ในคราวนี้ ดังนั้นจึงเหลือมันเพียงตัวเดียว

 

ขณะที่กำลังแก่งแย่งลูกหมาป่าตัวน้อยนี่ หลงเทียนหยู๋แสดงความสามารถของตนเองออกมาเต็มที่

 

เหตุเพราะดวงตาใสซื่อของลูกสุนัขตัวนี้คล้ายคลึงกับดวงตาของใครบางคนในจวนของเขามิมีผิด

 

เขาจึงนำมันกลับมามอบให้หลินเมิ้งหยา

 

ผลปรากฏว่านางชอบมาก

 

“หมาป่า? ทำไมหมาป่าน่ารักมากขนาดนี้กันนะ”

 

หลินเมิ้งหยานำลูกหมาป่าออกมาอุ้ม แม้สัตว์จะดุร้ายมากสักเพียงไหน ทว่าเมื่อพวกมันยังเล็ก พวกมันกลับน่ารักมาก