ตอนที่ 100.2 การปรากฏตัวของตงฟางไป๋ (2) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน พี่เหยายังมีงานรัดตัว จึงไม่มีเวลามาเยี่ยมตน ต้องโทษที่ตนร้อนใจเกินไป หากพี่เหยาโกรธขึ้นมา จะทำเช่นไร!

ยิ่งคิด ในใจหลูซวงยิ่งร้อนรน กลัวว่าเล่อเหยาเหยาจะตำหนิตน ดังนั้น หลังเอ่ยจบรีบหมุนตัว ปล่อยให้เล่อเหยาเหยากลับไปทำงาน

แม้นางจะไม่ยินยอม แต่ก็ต้องตัดใจจากไป

อันที่จริงกว่านางจะมาพบพี่เหยาอีกครั้งได้ไม่ง่ายเลย เพราะนางยังมีคำพูดอีกมายมายจะเอ่ยกับพี่เหยา!

แต่เฮ้อ…

สีหน้าไม่พอใจและผิดหวังของหลูซวง ตกอยู่ในสายตาของเล่อเหยาเหยา ทำให้เธอพลันอดใจไม่ได้

อาจเป็นเพราะหลูซวงกับเจ้าของร่างเดิมที่ตนอาศัยอยู่ ก่อนหน้านี้อาจมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็เป็นได้!

พอคิดถึงตรงนี้ ขณะที่หลูซวงหมุนตัว เล่อเหยาเหยาพลันเอ่ยปากขึ้นโดยไม่ทันคิด

“วันนี้ข้าสามารถไปพูดกับหัวหน้าขันทีลี่ว่าจะไปเที่ยวกับเจ้าวันหนึ่งได้!”

“อ๊ะ ได้จริงหรือ!”

เมื่อหันไป น้ำตาหลูซวงไหลลงมาแล้ว หลังจากได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา ก็รีบหันกลับมา ก่อนเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาด

เห็นท่าทางดีใจและไม่เชื่อหูของหลูซวง พร้อมกับแววตาคาดหวัง แม้คนที่เห็นจะใจแข็ง ก็หักใจปฏิเสธเธอไม่ลง

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงเพียงพยักหน้า ก่อนยิ้มพลางเอ่ยตกลง

“เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะไปขออนุญาตหัวหน้าขันทีลี่”

“อืมเจ้าค่ะ ข้าจะรอ พี่เหยา”

เมื่อพูดกับหัวหน้าขันทีลี่ว่ามีเรื่องต้องออกนอกวัง ครั้งนี้เขากลับไม่เอ่ยสิ่งใด ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงหยิบป้ายออกนอกวังมาได้อย่างราบรื่น จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกจากวังไป

เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงวัน น่าจะราวบ่ายโมง

เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน บนถนนด้านนอกจึงไม่มีผู้ใดยินยอมออกมาเดินเล่นท่ามกลางแดดอันร้อนจัด

เล่อเหยาเหยาก็ไม่ยกเว้น รวมทั้งหลูซวงเอ่ยว่าประเดี๋ยวต้องไปซื้อยาให้กับมารดา ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงพาหลูซวงไปซื้อยา ก่อนตนจะซื้อพวกผลไม้ จากนั้นก็พาหลูซวงกลับบ้าน

บ้านของหลูซวง ห่างจากวังรุ่ยอ๋องมากทีเดียว เดินทางกว่าหนึ่งชั่วยามจึงถึง

หลังจากไปถึงที่นั้น เล่อเหยาเหยาเหนื่อยล้าจนหน้าผากและหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ หลูซวงก็มีสภาพไม่ต่างกัน แต่เมื่อเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของเล่อเหยาเหยา นางไม่สนใจตนเอง หยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้าผากของเล่อเหยาเหยาไม่หยุด

“พี่เหยาคงเหนื่อยมาก ดื่มชาก่อนเจ้าค่ะ”

หลูซวงพลางซับเหงื่อบนหน้าผากเล่อเหยาเหยา พลางเอ่ยเอาใจ

เมื่อได้รับการเอาใจจากสาวงาม เล่อเหยาเหยาจึงรู้สึกละอายใจ ดังนั้นจึงยื่นมือ คิดหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อด้วยตนเอง

คิดไม่ถึง เธอเพียงไม่ระวัง จับเข้าที่มือของหลูซวง

หลูซวงร่างกายพลันราวถูกไฟดูด กระโดดออกห่างไป

ปฏิกิริยาอันรุนแรง ทำให้เล่อเหยาเหยาตะลึงเล็กน้อย ก่อนกระพริบตาอย่างไม่เข้าใจ

เมื่อครู่เธอคล้ายไม่ได้ทำสิ่งใด! หลูซวงจำเป็นต้องมีปฏิกิริยาใหญ่โตขนาดนี้ด้วยหรือ!

อาจเป็นเพราะหลูซวงก็รู้สึกว่าท่าทีตนเมื่อครู่ช่างรุนแรงเกินไป

ดังนั้นใบหน้าจิ้มลิ้มจึงแดงก่ำอย่างรวดเร็ว พลันก้มต่ำลง ไม่กล้ามองเล่อเยาเหยาอีก เพียงเอ่ยขึ้นว่า

“พี่เหยา เชิญด้านใน”

“อืมได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลูซวง เล่อเหยาเหยาคิดเพียงว่าหลูซวงเป็นผู้หญิง ผู้หญิงยุคโบราณต่างค่อนข้างเก็บอารมณ์ แตะมือเพียงเล็กน้อย จะหน้าแดงชั่วขณะ

ดังนั้น เธอจึงไม่คิดอันใดมาก ตามหลูซวงเข้าไปด้านใน

บ้านของหลูซวงไม่ใหญ่ ทว่ากลับสะอาดและรู้สึกปลอดโปร่งอย่างยิ่ง

พอเดินเข้าไป ด้านซ้ายปลูกต้นไผ่เขียวเอาไว้ ต้นไผ่ไหวเอนไปตามสายลม แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ก็ทำให้คนรู้สึกถึงความสดชื่นปลอดโปร่ง

ส่วนด้านขวา กลับปลูกดอกคามิลเลีย

ดอกคามิลเลียมีอายุการออกดอกที่ยาวนาน เมื่อถึงเดือนห้าจึงจะเริ่มเบ่งบาน ดังนั้นเวลานี้ดอกคามิลเลียจึงเริ่มชูช่อ เพียงมีสายสมพัดผ่านมา จะได้กลิ่นดอกคามิลเลียจางๆ

หลังสำรวจบ้านของหลูซวง อาจเป็นเพราะได้ยินเสียงพูดคุยจากด้านนอก จึงมีเสียงไอดังออกมาจากภายในห้อง

“หลูซวง เจ้ากลับมาแล้วหรือ”

“ท่านแม่ ข้าเองเจ้าค่ะ และพี่เหยาก็มาเยี่ยมด้วยเจ้าค่ะ!”

เพียงได้ยินเสียงคนภายในห้อง หลูซวงรีบเอ่ยตอบกลับไปทันที

ส่วนคนในห้องเมื่อได้ยิน ไม่นานหญิงสาวรูปร่างผอมบาง ปรากฎตัวขึ้นมาตรงหน้าพวกเล่อเหยาเหยา

เห็นเพียงผู้หญิงคนนี้ อายุน่าจะประมาณสามสิบกว่าปี สวมชุดกระโปรงลายดอกสีแดงเข้ม บนศีรษะมวยผมของหญิงออกเรือน

ใบหน้าขาวผ่องอย่างมาก แต่ดูขาวซีดราวเจ็บป่วย

ทว่านางกลับงดงามอย่างยิ่ง!

กาลเวลาได้ทิ้งร่องรอยไว้บนขอบตานางเล็กน้อยเท่านั้น เครื่องหน้านั้นคล้ายคลึงกับหลูซวงกว่าเจ็ดแปดส่วน!

นี่น่าจะเป็นหลิวซื่อ มารดาของหลูซวงสิน่ะ!

ก่อนหน้านี้หลูซวงได้เอ่ยถึงมารดาของนางให้เธอฟัง

ดังนั้น หลังจากเล่อเหยาเหยาสำรวจหลิวซื่ออย่างละเอียดเสร็จ รีบยิ้มขึ้นพลางเอ่ยกับหลิวซื่อว่า

“คารวะท่านป้า”

“ที่แท้เหยาจื่อนี่เอง รีบเข้ามาเร็วเข้า เมื่อครู่หลูซวงบอกว่าจะไปเยี่ยมเจ้า ข้ายังไม่เชื่อนาง คิดไม่ถึง เจ้าจะมาจริงๆ ฮ่าๆ ป้าทำขนมดอกคามิลเลียที่เจ้าชอบกินที่สุดไว้พอดี!”

เมื่อเห็นเล่อเหยาเหยา ดวงตาหลิวซื่อที่เดิมทีเศร้าหมองพลันเป็นประกาย ก่อนเอ่ยต้อนรับอย่างอบอุ่น

ท่าทางของหลิวซื่อที่มีต่อเล่อเหยาเหยา ทำให้เล่อเหยาเหยารู้ว่า ก่อนหน้านี้ช่วงที่เจ้าของร่างเดิมพักอยู่ที่นี่ ต้องมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับครอบครัวนี้แน่นอน

ดังนั้น เดิมทีที่รู้สึกอึดอัดใจ พลันหัวเราะตอบรับออกมา ก่อนเดินเข้าไปในห้อง

หลิวซื่อแม้จะป่วยจนร่างกายอ่อนแอ แต่กลับช่างพูด และทำขนมได้อร่อยยิ่งนัก

ตลอดทั้งบ่าย เล่อเหยาเหยาอยู่พูดคุยกับหลิวซื่อ ส่วนหลูซวงนั่งอยู่ด้านข้าง เติมน้ำชาให้ทั้งสองคน บางครั้งเอ่ยปากแทรกขึ้นมาหลายประโยค ทำให้ทุกคนต่างหัวเราะเบิกบานใจ

ดังนั้น ตลอดทั้งบ่ายจึงผ่านไปเช่นนี้

เมื่อพระอาทิตย์ตรงหน้าใกล้จะตก เล่อเหยาเหยาเห็นว่าไม่เช้าแล้ว จึงยืนขึ้นคิดเอ่ยอำลา

แม้หลูซวงจะอาลัยอาวรณ์ แต่ก็รู้ว่าเล่อเหยาเหยาจำเป็นต้องกลับไป รวมทั้งจากที่นี่ต้องเดินเท้ากว่าหนึ่งชั่วยามจึงจะถึงวังรุ๋ยอ๋อง

ดังนั้น จึงเอ่ยขึ้นว่า

“เช่นนั้นพี่เหยา ให้ข้าไปส่งท่านที่ทางเข้าเถิด!”

“ได้”

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาอยากปฏิเสธ แต่เห็นแววตาตั้งใจของหลูซวง ทำได้เพียงตอบตกลง

จึงเอ่ยทักทายหลิวซื่ออีกครั้ง ก่อนเดินตามหลูซวงออกไป

ตะวันใกล้ลับฟ้า หมู่เมฆล่องลอย แสงอาทิตย์สีส้มนั้น ทะลุผ่านชั้นเมฆ ท้องฟ้าด้านตะวันตกมีแสงทองสาดส่องมา ทำให้ทั่วพื้นดินถูกปกคลุมด้วยแสงสีทอง ทำให้รอบด้านดูน่าหลงใหลและงดงามขึ้นหลายส่วน

เล่อเหยาเหยาและหลูซวงเดินเอื่อยๆ อยู่กลางพระอาทิตย์ แสงพระอาทิตย์สีทองนั้น ดึงเงาร่างของทั้งหมดให้ทอดยาวออกไป

ลมยามเย็นที่พัดโชยมา ไม่ได้ร้อนอบอ้าวดั่งตอนกลางวัน ระหว่างเดินมีสายลมเย็นพัดผ่านเข้ามา ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกสบายใจขึ้นมา

หลายวันนี้ ไม่รู้เหตุใด เธอเริ่มเปลี่ยนไปคล้ายไม่ใช่ตนเองคนเดิม

ทุกวัน เธอใช้ชีวิตอย่างสับสันมึนงง อีกทั้งในวังอ๋อง เธอมีงานให้ทำน้อยมากเสียจริง

ก่อนหน้านี้ ทุกวันหลังปัดกวาดตำหนักหย่าเฟิงเสร็จ มีเพียงยามเที่ยงที่สามารถพูดคุยกับเสี่ยวมู่จื่อได้ จากนั้นพักผ่อน ตกเย็นต้องกลับไปปรนนิบัติพญายม

แต่พญายมไม่อยู่เช่นนี้ อาจทำให้ไม่ได้เจอหน้าเขาอีกเป็นเวลานาน

สำหรับเรื่องน่ารังเกียจทั้งหมดที่เขาทำกับเธอเมื่อหลายคืนก่อน ความจริงตอนนี้เธอไม่ต้องเจอเขา ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

แต่ไม่รู้เหตุใด ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าใจตน คล้ายว่างเปล่า ราวกับภายในมีบางอย่างสูญหายไป

ขณะที่เล่อเหยาเหยาคิดในใจ หลูซวงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ ทำให้เธอดึงสติกลับมาได้

“พี่เหยา วันนี้ ข้าดีใจจริงๆ ข้าไม่ได้ดีใจเช่นนี้มานานมากแล้ว แน่นอนว่าท่านแม่ข้าก็ดีใจมากเช่นกัน ขอบคุณพี่เหยาที่วันนี้มาคุยเป็นเพื่อนท่านแม่อยู่นาน ท่านแม่ของข้า ความจริงชอบพี่เหยายิ่งนัก ดังนั้น วันหน้าพี่เหยามาที่บ้านข้าบ่อยๆ ได้หรือไม่ แน่นอนว่าหากพี่เหยาไม่ว่าง เช่นนั้นก็ช่างเถิด”

เพียงเห็นหลูซวงมีสีหน้าดีใจยามเอ่ยกับเล่อเหยาเหยา

ทว่าสุดท้าย กลับเกรงว่าตนขอร้องมากเกินไป เกรงว่าเล่อเหยาเหยาจะไม่พอใจ จึงรีบเอ่ยเฉไฉออกไป แต่ภายในน้ำเสียงกลับแฝงด้วยความผิดหวัง

เล่อเหยาเหยาไม่รู้ความในใจของหลูซวง แต่ขณะได้ยินคำพูดของนาง กลับเอ่ยอย่างจริงใจออกไป

“ฮ่าๆ วันนี้ ข้าก็มีความสุขเช่นกัน วันหน้าหากมีเวลา ต้องไปเยี่ยมเจ้าและท่านป้าบ่อยๆ แน่นอน”

“จริงหรือเจ้าค่ะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดเล่อเหยาเหยา หลูซวงดวงตาพลันเป็นประกาย ยิ้มแย้มอย่างดีใจ

เล่อเหยาเหยาเห็น เพียงยิ้มพลางพยักหน้ารับ ก่อนพลันมองท้องฟ้า แล้วเอ่ยกับหลูซวงว่า

“เอาล่ะ นี่ก็มืดแล้ว เจ้าก็รีบกลับไปเถิด ข้าจะกลับแล้วเช่นกัน”

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นเดินทางปลอดภัยนะ พี่เหยา”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา หลูซวงดูกระปรี๋กระเปร่าขึ้น ก่อนโบกมือให้เล่อเหยาเหยาแล้วหมุนตัวจากไป

เล่อเหยาเหยาเห็นเช่นนั้นก็ ยิ้มมุมปาก ก้าวเดินเร็วขึ้น

อันที่จริง จากที่นี่กลับไปยังวังรุ่ยอ๋อง ใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว

แต่พอนึกถึงว่าต้องกลับตำหนักหย่าเฟิงที่ว่างเปล่า เงียบสงบไร้เสียงผู้คน เล่อเหยาเหยารู้สึกผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เฮ้อ เธอผิดหวังสิ่งใดกันแน่!

ไม่คิดดีกว่า รีบกลับไปสำคัญกว่า!

เล่อเหยาเหยาก้าวเดินเร็วขึ้น วางแผนว่าเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน สามารถกลับถึงวังรุ่ยอ๋องพอดี

คิดไม่ถึง เธอเพิ่งเดินไปไม่ถึงสามก้าว ด้านหลังกลับมีเสียงกรีดร้องอย่างตกใจดังขึ้นมา

และเสียงกรีดร้องนั้นคุ้นหูอย่างมาก เพราะนั่นคือ…

หลูซวง!

หลังฉุกคิดถึงเรื่องนี้ และได้ยินหลูซวงร้องอย่างหวาดกลัวอย่างหนัก เล่อเหยาเหยาใจเต้นระรัวทันที รีบหัน

กลับไปตรงที่มาของเสียงนั้นทันที

เมื่อเล่อเหยาเหยาไปถึง เห็นเพียงตรงมุมหนึ่ง หลูซวงที่ร่างกายบอบบาง กำลังถูกอันธพาลสามคนล้อมอยู่

อันธพาลสามคนนั้น บนตัวสวมเสื้อคลุมชั้นดี แต่สีหน้ากลับดูเลวร้ายอย่างยิ่ง

เพียงมองก็รู้ว่า อาศัยครอบครัวมีเงินทอง จึงเป็นลูกผู้ลากมากดีที่กล้าทำตัวเป็นอันธพาล! สามคนนี้ คนหนึ่งสูง คนหนึ่งผอม และอีกคนอ้วน

เล่อเหยาเหยากวาดสายตามอง สุดท้ายสายตาตกอยู่บนชายอ้วนผู้นั้น

เพียงเห็นชายอ้วนมีใบหน้าคุ้นตา ร่างกายใหญ่โต และใบหน้าราวกับสุกรนั้น นี่มิใช่คุณชายซื่อที่ครั้งที่แล้วถูกเธอใช้กระสอบคลุมศีรษะ แล้วทุบตีสั่งสอนหรือ!

คิดไปแล้ว เธอกับคุณชายซื่อนี้ช่างมีวาสนาต่อกันเสียจริง

ทว่ากลับเป็นคู่แค้น!

เพราะทุกครั้งที่เจอคุณชายซื่อ เขามักจะกำลังรังแกผู้คนอย่างยโสโอหัง

เมื่อเล่อเหยาเหยาเห็นก็พลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที!

ครั้งที่แล้ว เธอเกือบถูกรถม้าของคุณชายซื่อชนเข้า สุดท้ายโชคดีถูกคนช่วยไว้ได้ทันเวลา ครั้งนี้หลูซวงถูกเขารังแกอีก

คิดไปแล้ว ต้องเป็นเพราะความงามของหลูซวงแน่ พอพวกเขาสามคนเห็นเขา สวมบทเป็นอันธพาลขึ้นทันที!

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยายิ่งโมโห!