ตอนที่ 100.3 การปรากฏตัวของตงฟางไป๋ (3) (รีไรท์)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

เมื่อมองอีกครั้งว่ามีเพียงชายสามคนนี้ กลับไม่เห็นผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังคุณชายซื่อครั้งก่อน

สามคนนี้ คนหนึ่งรูปร่างสูง คนหนึ่งรูปร่างผอม และอีกคนรูปร่างอ้วน ภายในแววตามีแต่เรื่องพรรค์นั้น มองก็รู้ว่าปกติมัวเมาหมกหมุ่นอยู่ในเรื่องคาวโลกีย์

ดังนั้น แม้ฝ่ายตรงข้ามจะมีคนมากกว่า เล่อเหยาเหยาก็ไม่สนใจ

เธอหยิบท่อนไม้ขนาดใหญ่จากพื้น ก่อนพุ่งไปที่ลูกผู้ลากมากดีที่ล้อมตัวหลูซวงอยู่

“อ๊าก”

หลังเสียงโหยหวนดุจสุกรโดนเชือดดังขึ้น ชายร่างสูงนั้นก็ถูกเล่อเหยาเหยาตีจนสลบไป

เมื่อชายร่างสูงล้มลงกับพื้น ทุกคนในเหตุการณ์ต่างถูกภาพเมื่อครู่ทำให้ตกตะลึง

ตรงข้ามกับพวกซื่อเฉิง หลูซวงหลังจากได้สติ เห็นเวลานี้เล่อเหยาเหยากำลังถือท่อนไม้ขนาดใหญ่ไว้ในมือ ใจที่วิตกกังวล พลันสงบลง ก่อนตะโกนอย่างตกใจขึ้น

“พี่เหยา”

เอ่ยจบ หลูซวงรีบกระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเล่อเหยาเหยา

ในใจหวาดหวั่นอย่างยิ่ง

สวรรค์!

พี่เหยาของนางมาแล้ว นางดีใจยิ่งนัก

“หลูซวง รีบหนีไป!”

เมื่อคนงามวิ่งมาสวมกอด เล่อเหยาเหยาเพียงสีหน้าเคร่งขรึม

เพราะเมื่อครู่ที่เธอจัดการคนร่างสูงเป็นอันดับแรก เพราะคนร่างสูงนั้นดูท่าทางเอาเรื่องที่สุดในบรรดาพวกเขาสามคน

ดังนั้นเธอจึงอาศัยช่วงที่พวกเขาไม่รู้ตัว จัดการคนที่จัดการยากที่สุดนั้นไป

ตอนนี้ ยังเหลือคนรูปร่างอ้วนและเตี้ยอีกสองคน!

หนึ่งต่อสอง หากอยู่ในโรงเรียนเช่นอดีต เธอเพียงเอื้อมมือไปอย่างกล้าหาญ โดยไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย

เพราะจะพูดอย่างไร ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในโรงเรียน เธอมีประสบการณ์เรื่องต่อยตีอันโด่งดังมาไม่น้อย

แต่ตอนนี้ เธอไม่กล้ารับประกันเลย!

เพราะร่างกายของเธอตอนนี้ อ่อนแอและบอบบางอย่างมาก นอกจากจะดีต่อการเต้นระบำแล้ว การต่อยตียังไม่เคยทดสอบมาก่อน!

แต่สถานการณ์ตอนนี้ ทำให้ต้องเลือก

หลังจากตีคนร่างสูงสลบไป สองคนที่เหลือหลังจากหายตกตะลึง ก็ค่อยๆ พับแขนเสื้อขึ้น ก่อนเดินมาที่เธออย่างมุ่งร้าย

“ฮึ เจ้าหน้าเหม็นมาจากที่ใด ถึงกล้ามาขัดขวางเรื่องของพวกเรา!”

คนที่พูดคือคนร่างผอมนั้น

เห็นเพียงคนร่างผอมนี้ แม้รูปร่างจะสั้นเล็ก แต่ดวงตาเรียวเล็กบนใบหน้าผอมที่มองมายังเล่อเหยาเหยานั้น กลับมุ่งร้าย ทำให้คนที่มองรู้สึกคล้ายงูพิษแสนอัปลักษณ์ตัวหนึ่ง!

“เจ้านี้ หาเรื่องตายเสียแล้ว!”

ซื่อเฉิงที่อยู่ด้านข้าง ก็พลันเอ่ยปากกับเล่อเหยาเหยาขึ้น

เพราะเมื่อครู่กว่าพวกมันจะพบเจอสาวงามเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากนี้ยังจำได้ว่าอีกฝ่ายคือหลูซวง ยอดสาวงามในหออวี๋หงที่เพิ่งปิดตัวไป!

ดังนั้นพวกมันสามคนจึงรีบล้อมสาวงามนี้ไว้ คิดจะหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ

เพราะก่อนหน้านี้สาวงามนางนี้เคยอยู่ที่หออวี๋หง ไม่ใช่หญิงสาวที่บริสุทธิ์ผุดผ่องบ้านใด อย่างมากหลังเสพสุขให้เงินปิดปากไปก็จบ

หากยังไม่สมใจปรารถนา จะนำตัวนางกลับไปเป็นนางบำเรอที่บ้านแล้วค่อยๆ เสพสุขก็ไม่เลว

แต่คิดไม่ถึง มือพวกมันยังไม่ได้แตะตัวสาวงาม กลับมีคนทำร้ายเฉินเปียวจินกลางคัน จะไม่ให้พวกมันไม่โมโหได้เช่นไร!

ตรงข้ามกับพวกซื่อเฉิง เล่อเหยาเหยาก็โมโหในใจเช่นกัน

อีกทั้งรู้ว่าหลีกเลี่ยงการปะทะครั้งนี้ไม่ได้แน่

การต่อยตี ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับเธอ แต่เธอกลัวหลูซวงจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้น ขณะที่พวกซื่อเฉิงเดินมุ่งร้ายบีบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธอจึงผลักหลูซวงออกไป จากนั้นก็จับท่อนไม้ขนาดใหญ่ในมือแน่น ส่งเสียงฮึ่มอย่างเย็นชา ก่อนเอ่ยอย่างเหยียดหยามว่า

“หาเรื่องตาย เป็นพวกเจ้าเสียมากกว่ากระมัง!”

“อวดดีมากทีเดียว เช่นนั้นอย่าโทษว่าพวกข้าไม่เกรงใจ ถูเฟย พวกเราบุก!” ซื่อเฉิงตะโกนเรียกชื่อของคนตัวเตี้ยราวกับด่าทอ จนทำให้เล่อเหยาเหยาอยากหัวเราะออกมา

ถูเฟยหรือ! (จอมโจร)

คิดไม่ถึงว่ามีคนตั้งชื่อเช่นนี้!

ฮ่าๆ คนเราเป็นดั่งชื่อตัวจริงๆ!

เหมือนโจรไปทั้งตัว!

เล่อเหยาเหยาเยาะเย้ยในใจ แต่กำไม้บนมือแน่น

ขณะที่ซื่อเฉิงและถูเฟยบุกเข้ามา เธอจึงยกไม้ในมือสะบัดไปมา

ซื่อเฉิงถูกตีเข้าที่พุงขนาดใหญ่ เจ็บปวดจนต้องร้องออกมาราวสุกรโดนเชือด พลันล้มลงไป

เมื่อจัดการซื่อเฉิงลงได้ ยังเหลือถูเฟยอีกหนึ่งคน

อีกทั้งหลังจากฟาดฟันกับถูเฟยแล้ว เล่อเหยาเหยาจึงรู้ว่าตนคิดผิด!

เมื่อครู่ตนประเมินทั้งสามคนผิดไป คิดเพียงว่าคนร่างสูงนั้นจัดการยากที่สุด คิดไม่ถึงตอนนี้จึงรู้ว่า ในสามคนนี้ คนที่จัดการยากที่สุด น่าจะเป็นคนร่างเตี้ยนี้ถึงจะถูก!

เห็นเพียงถูเฟย อาศัยรูปร่างเล็กเตี้ยของตน หลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว คล้ายกับเจ้าหนูปลิ้นปล้อนตัวหนึ่ง

ทุกการจู่โจมของเล่อเหยาเหยา ถูเฟยนั้นต่างหลบหลีกได้รวดเร็ว เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาโมโหอยางหนัก เม้มริมฝีปากแดงแน่น และไม่กล้าบุ่มบ่าม

ซื่อเฉิงที่เดิมทีถูกเล่อเหยาเหยาทุบไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปหยิบไม้พลองมาจากที่ใด ดวงตาแดงก่ำ เดินตรงมายังเล่อเหยาเหยา

“น่าตายนัก กล้าตีข้าหรือ! วันนี้ข้าจะเอาชีวิตเจ้า!”

ซื่อเฉิงเพิ่งถูกเล่อเหยาเหยาตีไปหนึ่งครั้ง จนโมโหในใจไม่หยุด ตอนนี้จึงลงมืออย่างไม่ออมแรง ออกแรงอย่างสุดกำลัง

หากถูกมันตีเข้า ต้องถูกห่อแบกกลับบ้านแน่นอน!

เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาคิดจะหลบหลีก แต่ว่ากลับถูกถูเฟยคาดเดาความคิดได้ ใช้เท้าถีบเข้าที่เอวของเธอ

เล่อเหยาเหยาเจอคู่ต่อสู้เข้ามาพร้อมกัน จึงหลบหลีกไม่ทัน ถูกถูเฟยถีบเข้าที่เอวอย่างรุนแรง

เล่อเหยาเหยาสูดลมหายใจอย่างเจ็บปวด

เพราะความเจ็บปวดนั้น เครื่องหน้าที่ประณีต จึงยับยู่เข้าหากัน

เธอยังไม่ทันอ้าปากร้อง หูก็พลันได้ยินเสียงร้องตกใจของหลูซวงดังขึ้นมา

“ไม่ พี่เหยา ระวัง!”

หลังเสียงตกใจของหลูซวง เห็นเพียงไม้ที่เต็มไปด้วยพลังอันหนักหน่วงของซื่อเฉิงนั้น พุ่งตรงเข้ามาที่ศีรษะของเธอ กำลังจะฟาดลงมา

เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงหนังศีรษะและแผ่นหลังเย็นวาบ

อยากหลบหลีก แต่เป็นไปไม่ได้

เสียงลมที่พัดมานั้น ทำให้เล่อเหยาเหยารู้สึกเพียงโลกใบนี้ช่างสงบเงียบ

อีกทั้งสามารถคาดเดาได้ว่า ศีรษะตนคงแตกละเอียดแน่

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาจึงหลับตาแน่นอย่างหวาดกลัว รอรับความเจ็บปวดบนศีรษะที่กำลังจะมาถึง

ใจก็เต้นระรัวจนแทบกระดอนออกมาจากลำคอ

แต่รออยู่นาน ความเจ็บปวดที่คิดไว้กลับไม่เกิดขึ้น หูกลับได้ยินเสียงร้องราวสุกรโดนเชือด และเสียงของหนักตกลงบนพื้น

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาสงสัยในใจ ขมวดคิ้วเข้มน่ามองแน่น ยังไม่ทันลืมตา หูกลับได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“น้องเหยา เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”

“เอ่อ!”

น้ำเสียงคุ้นหูอันทุ้มต่ำแหบพร่าทรงเสน่ห์นั้น ทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มของเล่อเหยาเหยาตะลึงชั่วขณะ ทันใดนั้น คล้ายฉุกคิดขึ้นได้ รีบลืมตาขึ้น เมื่อเห็นชายชุดขาวที่ไม่รู้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อใด ดวงตาคู่งามก็เบิกกว้าง ก่อนปรากฎแววตาดีใจขึ้นมา

ริมฝีปากแดงเผยอขึ้น ก่อนยิ้มออกมาอย่างประหลาดใจและดีใจ

“พี่ไป๋ เป็นท่าน!”

“ฮ่าๆ มิใช่ข้าแล้วจะเป็นผู้ใดหรือ!”

เห็นท่าทางสีหน้ารอยยิ้มดีใจสดใสของเล่อเหยาเหยา ทำให้ตงฟางไป๋ตะลึงเล็กน้อย ภายในแววตาปรากฎความสับสนแวบขึ้นมา

เล่อเหยาเหยาที่กำลังตกอยู่ในความดีใจ กลับไม่รับรู้ถึงความผิดปกติในสายตาของชายหนุ่มตรงหน้า

เพียงตื่นเต้นและดีใจอย่างมากเท่านั้น

คิดไปแล้ว เธอกับชายตรงหน้านี้ ช่างมีวาสนาต่อกันยิ่งนัก ทุกครั้งที่เธอประสบเคราะห์ เขามักจะปรากฏตัวขึ้นมาช่วยเธออย่างคาดไม่ถึง!

หรือนี่จะเป็นพรหมลิขิตที่เล่าลือกัน!

เล่อเหยาเหยาคิดอย่างตื่นเต้นในใจ

เพราะชายหนุ่มตรงหน้า สวมชุดสีขาวทั้งตัว แม้ข้างกายของเขาจะไม่มีม้าสีขาว แต่ภาพการปรากฏตัวของเขา ในใจของเธอกลับเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวในนิทานตอนเด็ก จะไม่ให้เธอตื่นเต้นได้เช่นไร!

ขณะที่เล่อเหยาเหยากำลังตื่นเต้น คิดไม่ถึง จะมีร่างกายอันอบอุ่นพุ่งเข้ามาในอ้อมออก และตามมาด้วยเสียงที่ร้อนใจกังวลของหลูซวงดังขึ้น

“พี่เหยา ท่านไม่เป็นอันใดนะ เจ็บที่ใดหรือไม่ พวกเรารีบไปหาหมอเถอะเจ้าค่ะ!”

หลูซวงไม่เอ่ยขึ้นถือว่าดี ทว่าพอเธอเอ่ยขึ้น เล่อเหยาเหยาพลันรู้สึกว่าตอนนี้ตนยังบาดเจ็บอยู่!

เมื่อครู่ เธอถูกถูเฟยนั้นถีบเข้าอย่างแรง ตอนนี้เอวเจ็บปวดจนแทบกระดูกจะหักออกมา

เล่อเหยาเหยากัดฟันข่มความเจ็บ ก่อนเอ่ยว่า

“อ้า หลูซวง เจ้ายืนดีๆ อย่าแตะตัวข้า ข้าเจ็บ!”

“ขอโทษเจ้าค่ะ ข้าไม่ตั้งใจ พี่เหยาเจ็บมากหรือไม่”

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหยาเหยา หลูซวงตกใจอย่างมาก

น้ำตาคล้ายไข่มุกหลุดร่วงลงมาจากนัยน์ตา

เมื่อเห็นท่าทางเสียใจของหลูซวง เล่อเหยาเหยาก็ไม่เอ่ยสิ่งใด เธอหวาดกลัวผู้หญิงร้องไห้ที่สุด ดังนั้นจึงข่มความเจ็บที่เอว ฝืนยิ้มอย่างยากลำบากให้กับหลูซวง ก่อนกัดฟันกรอดเอ่ยขึ้นว่า

“ข้า ไม่เป็นไร เจ้าอย่าร้องไห้”

หากร้องไห้ต่อไป น้ำอาจท่วมดาวได้

ตอนนี้เล่อเหยาเหยาจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงประโยคที่ว่า ผู้หญิงเกิดขึ้นจากน้ำ แม้เธอจะเป็นผู้หญิงเช่นกัน แต่หากเปรียบเทียบกับหลูซวง ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

ทางด้านตงฟางไป๋หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างหลูซวงและเล่อเหยาเหยา และเห็นเล่อเหยาเหยาลูบที่เอวด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก็รู้ทันทีว่าเล่อเหยาเหยาได้รับบาดเจ็บ

ดังนั้น จึงรีบเอ่ยขึ้นว่า

“น้องเหยา เจ้าบาดเจ็บที่เอวหรือ พวกเราหาที่นั่งกันก่อนเถิด ข้าจะดูให้เจ้า!”

“อะไรนะ! ดูแผลให้ข้า พี่ไป๋ ท่านรู้จักวิชาแพทย์หรือ!”

เล่อเหยาเหยาที่สูดปากอย่างเจ็บปวด หลังจากได้ยินคำพูดของตงฟางไป๋ เห็นชัดว่าตกใจเล็กน้อย

ส่วนตงฟางไป๋กลับเพียงยิ้มแย้ม ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างถ่อมตัว

“เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ”

แม้ตงฟางไป๋จะพูดอย่างถ่อมตัว แต่เล่อเหยาเหยาดูจากรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ก็รู้ว่าเขาต้องรู้วิชาแพทย์แน่นอน

แต่ว่าแม้เขาจะรู้วิชาแพทย์ เล่อเหยาเหยาก็ไม่กล้าให้เขาตรวจดูอาการ

เพราะเธอเป็นผู้หญิง

อีกทั้งบริเวณที่บาดเจ็บ ยังเป็นบริเวณเอว!

พอคิดถึงตรงนี้ แม้เล่อเหยาเหยาจะเจ็บที่เอว แต่ก็ยังอดกลั้นเอาไว้

“คือ พี่ไป๋ ตอนนี้ข้ายังมีธุระ ท่านให้ยาแก่ข้าก็พอ ประเดี๋ยวข้าจะกลับไปทาเอง”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ ตงฟางไป๋เห็นเช่นนั้น แม้จะไม่เข้าใจ แต่ยังเห็นอกเห็นใจผู้อื่นยิ่งนัก เขายิ้มออกมา ก่อนเอ่ยว่า

“เมื่อน้องเหยาไม่สะดวก เช่นนั้น ข้ามียาแก้ฟกช้ำที่ยอดเยี่ยมอยู่เล็กน้อย เจ้านำกลับไปทาเถิด ทาสามครั้งต่อวัน ไม่ควรโดนน้ำ”

ตงฟางไป๋เอ่ยอธิบายเรื่องสำคัญที่ต้องระมัดระวัง เล่อเหยาเหยาก็พลันจดจำในใจ

อีกทั้ง เมื่อได้ฟังเสียงแฝงด้วยเสน่ห์ของชายหนุ่ม เล่อเหยาเหยาอดใจสั่นไม่ได้

เวลานี้เห็นเพียง ตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ลมเย็นโชย แสงจันทร์สาดส่องลงมา

เสียงชายหนุ่มดุจสุราชั้นดีที่หมักไว้นานปี ที่ทำให้คนฟังมัวเมา

ยังมีใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ใต้แสงจันทร์  ดูมืดสลัว ทว่ากลับอ่อนโยนหล่อเหลาอย่างน่าเหลือเชื่อ

ผมยาวดุจม่านน้ำตกนั้น พัดปลิวตามสายลมไปทางด้านหลัง ทำให้เกิดภาพอันงดงามขึ้นมา

ยังมีเงาร่างที่สง่างามนั้น เอนไหวไปตามสายลม น่าเคลิ้บเคลิ้มดุจปุยเมฆล่องลอย

ภาพนี้ ช่างงดงามยิ่งนัก คล้ายภาพวาดที่เคลื่อนไหวได้

จู่ๆ เล่อเหยาเหยาก็สติเลื่อนลอยไปโดยไม่รู้ตัว

จนกระทั่ง ได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดขึ้น เล่อเหยาเหยาจึงได้สติกลับมา

“น้องเหยา น้องเหยา เจ้าฟังเข้าใจหรือไม่!”

“เอ่อ”

เมื่อได้ยินเล่อเหยาเหยาพลันได้สติ ก่อนตกใจว่าเมื่อครู่ตนมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเช่นนี้ตลอดเวลา

สวรรค์!

น่าขายหน้านัก!