บทที่ 108 ฟ้าลิขิต

คู่ชะตาบันดาลรัก

ตัวฝูนั่งคุกเข่ากับพื้น สองมือถูกมัดไพล่หลังไว้ สายตาจ้องมองไปยังชายตรงหน้าด้วยความสยดสยอง

เขาก็นั่งอยู่กับพื้นเช่นกันเสื้อผ้ายังถูกจัดเรียบร้อยดีทำให้เขายังดูหล่อเหลาสง่างาม

วันนี้ไม่รู้ว่าผู้ใดมาเซ่นไหว้ที่นี่และวางขวดสุราเล็กๆ ไว้หน้าศาลเจ้า นายท่านสามหยิบมันขึ้นมาแล้วดึงจุกออกก้มหน้าสูดดมแล้วยิ้ม “สุรานี้กลิ่นหอมดีนัก”

เขาเงยหน้าขึ้นดื่มมันแล้วก็พ่นออกมาจากนั้นก็พูดกับตัวฝูว่า “ข้าไม่เคยดื่มมันเลย เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร”

ตัวฝูไม่ตอบกลับ ท่าทางของนายท่านสามในตอนนี้ทำให้นางกลัวมาก

“เพราะว่าการดื่มสุราทำให้คนเสียการควบคุม” นายท่านสามพูด “และข้าจะไม่ยอมให้ตนเองทำผิดพลาดเป็นอันขาด”

เขาเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า “พระจันทร์ในวันนี้เหมือนกับวันนั้น ข้ากลับมาจากเป่ยหูด้วยความยากลำบาก แต่กลับมีคนตามหลังมาด้วยข้ารู้ว่าหากข้าไม่ฆ่าเขา สิ่งที่พยายามมาหลายปีคงได้สูญเปล่าแน่ ข้ากับเขาไปที่วัดเป่าหลิง… หึๆ สายลับเหรียญทองของหวงเฉิงซือ เขาไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย คงคิดแค่ว่าบัณฑิตผู้หนึ่งจะหนีไปจากฝ่ามือของเขาได้อย่างไร”

“เมื่อเขาคิดดูถูกกันเช่นนี้ก็มีประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างมาก เพราะอย่างนั้นข้าเลยตั้งใจให้เขาเห็นของสิ่งนั้น แน่นอนว่าเขาอดไม่ได้ที่จะหยุดข้า ข้าแสร้งทำเป็นกลัวแล้วพาเขากลับตระกูลหมิงใช้กุญแจเป็นข้ออ้างหลอกให้เขาไปที่สวนอวี๋ฟาง”

“ข้าวางกับดักที่สวนอวี๋ฟางไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแค่รอให้เขาติดกับดักด้วยตนเอง อันดับหนึ่งของหวงเฉิงซืองั้นหรือ ฮ่าๆ ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อเจอกลอุบายนี้ไปก็เกินต้านลิขิตสวรรค์”

พอฟังถึงตรงนี้ตัวฝูก็เข้าใจแล้ว

“นาย นายท่านสาม! ท่านคือนายท่านสาม!”

นายท่านสามหัวเราะ “เจ้ารู้มาไม่น้อยเลยจริงๆ!”

ตอนที่ดวงวิญญาณของเกิงซานถูกเรียกมาตัวฝูก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ถึงนางไม่ได้ตอบสนองได้เร็วพอ แต่นางก็ไม่ได้โง่ ได้ฟังมามากมายถึงเพียงนั้นก็ประติดประต่อเรื่องราวได้แล้ว

ตัวฝูรวบรวมความกล้าถามกลับไป “ท่าน…ทำไมถึงทำเช่นนี้หรือเจ้าคะ”

“เพราะข้าไม่พอใจไง!” นายท่านสามกระซิบเบาๆ ราวกับกำลังคุยกับนาง

“เทพเจ้าประทานสติปัญญาแก่ข้า แต่กลับไม่ให้พื้นที่ให้ข้าได้แสดงความสามารถด้วยเหตุผลไร้สาระ รัชสมัยนี้น่าเบื่อเกินไปเปลี่ยนใหม่เสียจะดีกว่า”

เขาจิบสุรา “ความรู้สึกของการดื่มสุราเป็นอย่างนี้นี่เอง เมามาย สามารถลืมความกลุ้มใจได้ง่าย แต่นี่คงเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่ข้าทำตามใจตัวเองเช่นนี้ ชีวิตตามใจตนเองเช่นนี้ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังลอยมากับสายลมยามค่ำคืน

นายท่านสามวางขวดสุราเล็กลงแล้วลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

“เด็กดี” เขาจ้องมองไปที่ขั้นบันไดหิน แต่กลับพูดกับตัวฝูว่า “เจ้าฟังข้าพูดมานานขนาดนี้ หลายปีมานี้คำพูดเหล่านี้ข้าไม่เคยพูดกับใครเลย ตอนนี้พอพูดออกไปแล้วทำให้ข้ารู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย แม้ข้าตายไปข้าก็จะจดจำเจ้าไว้”

เมื่อพูดคำพูดสุดท้ายจบคนที่เดินอยู่หน้าสุดก็ปรากฏตัวขึ้นบนแท่นหินแล้ว

“นายท่านสาม…”

“คุณหนู!” ตัวฝูตะโกน

“อย่าขยับ” นายท่านสามถอยหลังออกไปยืนอยู่บนวงเวท ไม่รู้ว่ากริชอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เขาหันหน้าไปทางข้อมืออีกข้าง

“พวกท่านระวังหน่อย อย่าทำให้ข้าตกใจ หากมือข้าสั่นแล้วมีโลหิตไหลออกมา ปีศาจที่อยู่ในนี้จะปรากฏตัวออกมา”

หยางชูมองหมิงเวย

หมิงเวยพยักหน้านั่นหมายความว่าเขาไม่ได้โกหก

โลหิตชั่วร้ายเข้มข้นขนาดนี้บ่งบอกว่าวงเวทถูกทำลายไปเกือบหมดแล้ว หากเลือดหยดลงไปก็ไม่ต่างจากการหยดน้ำมันลงในกระทะ ปีศาจร้ายที่อยู่ด้านในก็จะรีบออกมาทันที

นายท่านสามมองคนที่ขึ้นมาแล้วหัวเราะ “พวกท่านมาเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก เดิมทีข้าคิดว่ารอให้พวกท่านมาแล้วค่อยปลดปล่อยปีศาจร้ายตัวนี้”

“อาจเป็นเพราะท่านโชคไม่ดี” หยางชูพูด “บังเอิญว่าไฟที่ท่านจุดไว้ถูกคนพบเห็นเข้าจึงมีคนมาตามหาพวกเรา”

“เป็นอย่างนั้นหรือ” รอยยิ้มของนายท่านสามหายไป “หากเป็นอย่างนั้นจริง เทพเจ้าคงไม่ได้ยืนอยู่ข้างข้า”

“เพราะฉะนั้นอย่าดิ้นรนและยอมจำนนเสียเถิด” หยางชูพูด “ข้าสามารถตัดสินใจหาวิธีตายที่เหมาะสมกับท่านได้”

“เดือนสี่ ปีมะเส็งในศักราชหย่งเจียที่แปดสิบ ฉีตงอ๋องเจียงคุนสั่งให้หมิงเชินสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยลาดตระเวนเจี่ยงเหวินเฟิง และขุนนางจากหวงเฉิงซือหยางชู แต่ก็ไม่สำเร็จ หมิงเชินได้เสียชีวิตลง”

นายท่านสามนึกถึงคำพูดนี้ “คุณชายหยางคิดให้ข้ามีชื่อไว้ในประวัติศาสตร์เช่นนี้หรือ”

“ท่านคิดมากไปแล้ว” หยางชูพูด “เจียงคุนสามารถทิ้งตัวอักษรไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ได้เป็นร้อยตัวจะเหลือที่ให้ท่านได้อย่างไร”

“….”

“นี่!” หมิงเวยเหลือบมองเขา “ผู้อื่นเอาชีวิตมาบีบบังคับพวกเรา ท่านช่วยไว้หน้าหน่อยจะได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ได้ๆๆ!” หยางชูเชื่อฟัง “ข้าผิดเอง ท่านอยากเขียนอะไรก็เขียนเลย” น้ำเสียงกล่อมลูกฟังดูเหมือนทำแบบขอไปที

นายท่านสามส่ายหน้า “พอแล้ว ข้าไม่ได้อยากสู้กับพวกท่าน มันไม่มีความหมายอะไรเลยจนถึงตอนนี้”

“ในเมื่อท่านรู้สึกว่าไม่มีความหมายแล้วทำไมยังต้องดิ้นรนด้วยล่ะ” หยางชูถาม

นายท่านสามยิ้ม “ความอยากมีชีวิตเป็นสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต ไก่เป็ดเวลาจะตายยังดิ้นรนแล้วนับประสาอะไรกับคนเล่า”

“ที่ท่านพูดมาก็มีเหตุผล” หมิงเวยตอบอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ในตอนนั้นเองดอกไม้ไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าตามด้วยครั้งที่สองและครั้งที่สาม

นายท่านสามเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “หนูน้อยไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยหรือ ข้าอยู่ที่นี่พูดออกมามากมายขนาดนี้ ท่านไม่คิดว่าข้าถ่วงเวลาบ้างเลยหรือ พวกเขาฝังอาวุธชั่วร้ายเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ถึงตาข้า!”

สิ้นเสียงเขาก็วาดกริชในมือโดยไม่ลังเล

“นายท่านสาม!” หยางชูสะบัดนิ้วแล้วอาวุธดาวกระจายก็พุ่งออกมาปะทะกับกริช

กริชเพิ่งกรีดผิวหนังและมีเลือดเปื้อนอยู่เล็กน้อย นายท่านสามคลายฝ่ามือ เขาไม่สามารถถือกริชได้จนกริชร่วงหล่นบนพื้น

หยางชูตกใจเขาก้าวไปข้างหน้าพยายามที่จะรับกริชเอาไว้ เขาพุ่งตัวไปที่วงเวทคว้ามันเอาไว้ได้ในที่สุด

“ฮ่าๆๆ!” เขาหัวเราะเสียงดัง “นายท่านสาม ท่านคิดไม่ถึงใช่หรือไม่ว่าข้าจะคว้ามันได้ สิ่งที่ท่านทำครั้งนี้ไร้ประโยชน์แล้ว!”

องครักษ์ทั้งสองฉวยโอกาสนี้พุ่งไปข้างหน้าและจับตัวนายท่านสามไว้

หมิงเวยกลับไม่ยิ้ม

ทันทีที่หยางชูล้มลงกับพื้น จู่ๆ เลือดก็เปล่งแสงสีแดงออกมา โลหิตชั่วร้ายที่รุนแรงก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของเขา

“ทำไมหรือ” หยางชูเห็นนางทำสีหน้าลำบากใจ “ข้าคว้ามันได้ทันนะ!”

หมิงเวยชี้ไปที่เอวของเขา “ตรงนั้น…ท่านบาดเจ็บใช่หรือไม่”

หยางชูก้มหน้าลงแล้วใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดไร้สีเลือดทันที

ใช่ ตอนที่เขาอยู่ในห้องเก็บพระสูตร เขาถูกมีดบาดที่เอวมีเลือดซึมออกมาตอนที่เขาอยู่ที่วงเวทพอดี

ถ้าอย่างนั้น…หยางชูก้มหน้าลง วงเวทใต้เท้าของเขากลายเป็นสีแดงมากขึ้นเรื่อยๆ

ปีศาจถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว

“ฮ่าๆๆ!” คราวนี้เป็นนายท่านสามที่หัวเราะออกมาเสียงดัง “คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต สวรรค์ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังมากเกินไป ได้เห็นฉากนี้ก่อนตายก็พอใจแล้ว!”

หมิงเวยไม่พูดอะไรนางดึงยันต์ออกมาและสะบัดมันออกไป

โลหิตชั่วร้ายถูกกระตุ้นโดยยันต์หลังจากสะสมพลังมานาน ในที่สุดก็ได้ระเบิดออกมากลายเป็นแสงสีแดงพุ่งเข้าหาหมิงเวย!

รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของหมิงเวย

มาเลย! คุณสมบัติร่างกายของนางนั้นพิเศษออกไป หากสิ่งชั่วร้ายเข้ามาในร่างของนางก็ยากที่จะออกไปอีกครั้ง ตราบใดที่นางยังรักษาเจตนาที่แท้จริงไว้ได้ ก็จะสามารถสังหารมันอย่างช้าๆ ได้

ในตอนนั้นเองนางได้ยินเสียงหนึ่ง “คุณหนูเจ้าคะ…”

ตัวฝูรีบวิ่งเข้ามาขวางตรงหน้าหมิงเวย แล้วแสงสีแดงนั้นก็เข้าร่างของนางไป!

………………………………………..