บทที่ 58 ชิงจุดแข็ง (2)
“มีอยู่อย่างหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ”
ภายในห้องโถงใหญ่ หมู่บ้านสราญรมย์ ฉาเล่อเดินตามซูเฉินอย่างนอบน้อม
จากนี้ต่อไป ชายหนุ่มก็นับเป็นผู้มีอำนาจที่คอยสนับสนุนหมู่บ้านแล้ว
“อยากถามข้าว่ารู้วิธีที่เจ้าใช้ต้านคำสาปและควบคุมอสูรร้ายได้อย่างไรน่ะหรือ ?” ซูเฉินเอ่ยเสียงเรียบ
“ถูกต้อง ถึงการต้มหญ้าเหยี่ยวดำและเถาวัลย์บินให้เป็นยาต้านคำสาปนั้นจะไม่ใช่ความลับอะไรในหมู่บ้านเรา ด้วยท่านเจอคนมากหน้าหลายตา หากจะมีสักคนเผยวิธีให้ท่านก็ไม่แปลก แต่ความลับเรื่องทักษะการคุมสัตว์อสูรนั้น กระทั่งในหมู่บ้านเองยังมีไม่กี่คนที่รู้ ข้าไม่อาจรู้ได้จริง ๆ ว่าท่านไปรู้เรื่องนี้มาจากที่ใด” ฉาเล่อเอ่ยเสียงสับสน
ซูเฉินตอบเสียงสงบ “ความลับเบื้องหลังทักษะการคุมสัตว์อสูรไม่ได้มีคนรู้มากมายจริงนั่นล่ะ แต่หัวหน้าหมู่บ้านฉาเล่อ ทักษะนี้ไม่ได้มีเพียงหมู่บ้านสราญรมย์ที่ถือครอง ท่านอาจจะคุมไม่ให้คนจากหมู่บ้านสราญรมย์เผยความลับได้ แต่จากที่อื่น ๆ เล่า ?”
ฉาเล่อได้ยินก็พลันเข้าใจ
ไม่ได้มีเพียงหมู่บ้านเดียวที่รู้ทักษะการคุมสัตว์อสูร ว่ากันตามตรงคือพวกเขาหาได้เป็นคนค้นพบมัน ทว่ากลับเป็นหมู่บ้านสายทางต้นกำเนิดที่ค้นพบมัน จากนั้นก็เผยแพร่มันออกมา เพื่อให้หมู่บ้านทั้งหลายได้ใช้มันเพื่อต่อกรกับตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิบด้วยกัน
ฉาเล่อปิดทักษะการคุมสัตว์อสูรไว้เป็นความลับ แต่ไม่ได้ปิดเรื่องที่ซูเฉินร่อนแร่ไปทั่วป่าแม่น้ำตะวันตกเพื่อฝึกปรุงยาเป็นความลับ อีกทั้งไม่ได้ปิดฐานะของซูเฉินที่เป็นอริกับตระกูลสายเลือดชั้นสูง ดังนั้นไม่นานผู้คนจึงพบว่ามีหมอฝึกหัดฝีมือดีที่เดินทางร่อนเร่มาจนถึงที่นี่ ซึ่งคนที่เข้าหาซูเฉินส่วนมากไม่ได้มาจากหมู่บ้านสราญรมย์ และเมื่อได้ข้ารับใช้เงาช่วยหาข่าว มันก็ยิ่งทำให้ล่วงรู้ความลับได้ง่ายขึ้น
ฉาเล่อมองข้ามจุดนี้ไป ซูเฉินจึงฉวยเอามาใช้ประโยชน์
ด้วยหากเขาอธิบายเรื่องราวให้ซูเฉินโดยละเอียด ชายหนุ่มก็คงเลือกขอความลับมากกว่าจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของหมู่บ้าน
แต่เมื่อซูเฉินล่วงรู้ความลับแล้ว ฉาเล่อก็ได้แต่ขายวิญญาณให้ซูเฉินเพื่อปกป้องชีวิตตนเอง
ทว่านั่นก็อาจไม่ใช่เรื่องแย่ก็เป็นได้ เพราะหากร่วมมือกันได้ดี ก็อาจมีที่ปลอดภัยให้หลบซ่อนได้
ไม่นับว่าเกี่ยวกับการเสียอิสระภาพแต่อย่างใด นับแต่โบราณมา มนุษย์ก็ไม่ได้เกลียดการขายตนเองเช่นนี้ แต่เกลียดการขายตนเองแล้วไม่ได้ผลประโยชน์ที่มากพอต่างหาก
คำกล่าวว่า ‘หมาป่าเดินทางพันลี้เพื่อกินเนื้อ ส่วนสุนัขเดินทางพันลี้เพื่อกินอาจม’ นั้นไร้สาระสิ้นดี สุนัขก็คือหมาป่าที่เชื่องแล้ว และสำหรับพวกหมาป่าที่ร่อนเร่ในป่าเขา ชีวิตของสุนัขนับว่าเป็นสิ่งที่มันเฝ้าฝันหา เป็นเป้าหมายสูงสุดของพวกมัน !
เพราะหากขายวิญญาณให้เจ้านายที่ดีได้ละก็ ฉาเล่อก็ไม่มีปัญหา
ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากบอกท่านอย่างเปิดเผย แต่แก้วเคลือบม่วงนี้อันตรายมากจริง ๆ”
“ข้ารู้ ทุกครั้งที่ท่านทำการคุมอสูรร้ายจำต้องมีคนตาย ถูกหรือไม่ ?” ซูเฉินตอบ “ว่ากันตามตรง ท่านไม่ได้ควบคุมมันหรอก เพียงแต่เปลี่ยนวิญญาณของมันกับวิญญาณมนุษย์เท่านั้น ดังนั้นอสูรผู้พิทักษ์จึงเชื่อฟังคำสั่งท่านได้ เพราะแต่เดิมก็เป็นคนในหมู่บ้านอยู่แล้ว แต่ในหลักการเดียวกันนั้น ท่านก็ไม่อาจบังคับขืนใจคนให้ทำได้ ไม่เช่นนั้นคนผู้นั้นก็อาจหักหลังท่าน”
“ท่านรู้ถึงขนาดนี้เลยหรือ ?” ฉาเล่อตกตะลึง “พวกเขาบอกท่านทั้งหมดเลยหรือ ?”
“ไม่มีใครบอกข้า” ซูเฉินตอบ
ไม่มีใคร ?
เช่นนั้นเขารู้ได้อย่างไรกัน ?
การคาดเดาต้องตั้งมาจากพื้นฐานความจริง หากคาดเดาโดยไร้หลักฐานก็นับว่าเป็นการเดาสุ่มแล้ว
ฉาเล่อไม่มีทางเชื่อว่าซูเฉินเป็นพวกชอบเดาสุ่มไปเรื่อย ดังนั้นจึงเดาว่าชายหนุ่มคงจะจับสังเกตได้ หากแต่เขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าซูเฉินไปรู้สรรพคุณของแก้วเคลือบม่วงทั้งที่ยังไม่ได้เห็นมันได้อย่างไร
จึงได้แต่จ้องซูเฉินด้วยสายตาบื้อใบ้ไป
ซูเฉินเห็นเขาเป็นแบบนั้นก็หัวเราะ “ข้าสังหารอสูรผู้พิทักษ์ท่านไปหนึ่ง แต่ท่านกลับไม่รีบสร้างอีกหนึ่งขึ้นมาแทน ข้าจึงคิดได้ว่าวิธีสร้างคงจะไม่ธรรมดา แต่ข้าจะเดาจากตรงจุดนั้นเลยก็ไม่อาจเป็นไปได้ เรื่องที่เหลือข้าอธิบายให้ท่านฟังไม่สะดวก ข้าเพียงอยากรู้เรื่องหนึ่ง ท่านรู้หรือไม่ว่าคนในหมู่บ้านสายทางต้นกำเนิดหาพวกมันพบได้ที่ไหน ?”
เมื่อได้ยินว่ายังมีเรื่องที่ซูเฉินเองก็ไม่รู้ ฉาเล่อก็สงบจิตใจลงแล้วเอยตอบ “เป็นที่ถ้ำผาแดง แต่แก้วเคลือบม่วงถูกคนจากหมู่บ้านสายทางต้นกำเนิดขนเอาออกไปหมดแล้ว ที่นั่นไม่มีอะไรอีก”
“นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าคิด” ซูเฉินลุกขึ้น “ข้าจะไปดูที่ถ้ำผาแดงสักหน่อย ฉาเล่อ ท่านส่งคนสักหลายคนไปที่หมู่บ้านต่อไป อธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง จากนั้นถามให้เขาตัดสินใจ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรข้าก็ยินดียอมรับ”
“ขอรับ !” ฉาเล่อโค้งคำนับก่อนตอบ
แล้วซูเฉินก็เดินจากไป
——————————
ซูเฉินจากไปนานถึง 3 วัน
3 วันถัดมา ซูเฉินก็กลับมาที่หมู่บ้านมือเปล่า ใบหน้าเคร่งเครียด
ฉาเล่อเอ่ยเสียงกังวล “ใต้เท้าอย่าได้เป็นกังวล แม้จะไม่พบอะไร แต่หมู่บ้านสายทางต้นกำเนิดก็มีแก้วเคลือบม่วงอยู่บ้างแล้ว อย่างไรก็มีไม่กี่คนที่ยอมตายเพื่อหมู่บ้านอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหากใต้เท้าเต็มใจ ให้ข้าไป……”
“ข้ายังไม่ได้บอกว่าไม่พบอะไร” ซูเฉินตอบ แล้วหยิบมุกสีม่วงลูกเล็กออกมา “สิ่งนี้คือแก้วเคลือบม่วงใช่หรือไม่ ? พวกเขาเหลือไว้ชิ้นหนึ่ง ท่านรับไว้เถอะ”
เขาโยนมันให้ฉาเล่อ
ฉาเล่อรีบรับมาแล้วมองซูเฉินด้วยความตกตะลึง “ใต้เท้าพบมันงั้นหรือ แล้วเหตุใดจึงมีสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนั้นเล่า ?”
“บางครั้ง ไม่รู้เรื่องย่อมดีกว่า !” ซูเฉินเอ่ยมีความนัย
ฉาเล่อได้ยินแล้วก็ไม่กล้าถามอีก
“ใช่แล้ว แล้วเรื่องติดต่อหมู่บ้านอื่น ๆ เล่า ?” ซูเฉินถามขึ้น
ฉาเล่อตอบ “ข้าติดต่อหาพวกเขาแล้ว แต่……” ฉาเล่อเหลือบมองซูเฉิน จากนั้นส่ายหน้าช้า ๆ
เห็นได้ชัดว่าต่างไม่ตอบตกลง
“ได้เล่าเรื่องทั้งหมดไปหรือไม่ ?”
“ข้าเล่าแล้ว กระทั่งเรื่องที่หมู่บ้านหมื่นบริบูรณ์และหมู่บ้านแห่งเงินตราถูกทำลายจนสิ้นก็เล่า แม้พวกเขาจะโกรธแค้น แต่ก็ไม่ยินยอม……”
“กระทั่งให้ราคาทรัพยากรมากกว่าตระกูลสายเลือดชั้นสูง 5 เท่ายังไม่มากพอจะทำให้พวกเขายอมร่วมมือกับข้างั้นหรือ ?”
“พวกเขาเชื่อว่าหากทำเช่นนั้นก็ไม่อาจต่อรองได้อีก”
“แสดงว่ายังอยากต่อรองสินะ” ซูเฉินหัวเราะเสียงเย็น
“เดิมทีเราก็หมายจะให้เป็นเช่นนั้น แต่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงพวกนั้นโหดร้ายเกินไป”
“หากไม่ใช่กำลังรังแกคนอ่อนแอกว่าแล้วจะมีกำลังไว้เพื่ออะไรเล่า ?”
ฉาเล่อถอนใจ “ใช่แล้ว ข้าก็บอกพวกเขาไปเช่นนั้น แต่พวกเขาคงจะไม่เข้าใจ”
ซูเฉินเอ่ยสียงเย็นชา “ไม่ใช่ไม่เข้าใจหรอก พวกเขาเข้าใจดีต่างหาก”
“อะไรนะ ?” ฉาเล่อชะงัก
ชายหนุ่มพูดต่อ “พวกเขาเพียงต้องการใช้ข้าให้ต่อกรกับตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิบแล้วฉวยเอาผลประโยชน์ต่างหาก พวกเขาไม่คิดใช้อสูรร้ายในการขึ้นราคาแล้ว แต่ในเมื่อข้าที่เป็นคนนอกเข้ามาพัวพันเช่นนี้ พวกเขาเลยมีโอกาสใหม่ขึ้นมา”
ฉาเล่ออ้าปากค้าง
“แต่ข้าจะปล่อยให้พวกเขาได้สิ่งที่ต้องการไปได้หรือ ?” ซูเฉินเอ่ยเสียงทะมึน “ในเมื่อพวกเขาอยากรอจนกว่าข้ากับตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิบเริ่มปะทะกัน เช่นนั้นก็รอไปเสียให้สมใจ ข้าไม่มีความคิดจะรั้งอยู่ที่ป่าแม่น้ำตะวันตกอีกต่อไปแล้ว”
ใช่แล้ว หมู่บ้านอื่น ๆ จงใจทำเช่นนี้จริง ๆ
พวกเขาไม่ได้มองชายหนุ่มในแง่ดีเท่าไรนัก แต่ในเมื่อซูเฉินเป็นผู้ซื้ออีกรายหนึ่ง เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าตนเองได้ อีกทั้งยังได้ผลประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม
แต่โชคร้ายที่ซูเฉินไม่มีทางให้พวกเขาได้รับประโยชน์ใดจากเรื่องนี้แน่นอน
แม้เขาจะเสนอราคามากกว่าถึง 5 เท่า แต่เขาก็ไม่คิดจะควบคุมทรัพยากรทั้งหมด เพียงแต่ทำไปเพื่อให้อีกฝ่ายเกลียดตระกูลสายเลือดชั้นสูงมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเขารู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาอันสมควรที่เขาจะเข้าครองครองทรัพยากรทั้งหมดของป่าแม่น้ำตะวันตก
การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายยังเป็นไปตามที่เขาวิเคราะห์ไว้ อีกทั้งเขาเองก็คิดไว้แล้วว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้กลับมา
“อะไรนะ ?” ฉาเล่อตกตะลึง “หากท่านไป แล้วพวกเราเล่า ? ยามตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิบกลับมาอีก พวกเขาย่อมไม่ปล่อยหมู่บ้านสราญรมย์ไว้แน่”
“ข้าจะทิ้งเครื่องมือติดต่อให้ท่านไว้ หากพวกตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิบมา ท่านก็พาคนทั้งหมดไปซ่อน”
“แต่พวกเราทิ้งหมู่บ้านไปนานไม่ได้ !”
แม้ยาที่ต้มจากหญ้าเหยี่ยวดำและเถาวัลย์บินจะทำให้ชาวบ้านสามารถต้านทานเหล่าจุลชีพสีแดงเหล่านั้นได้ แต่มันก็จะสร้างสสารมีพิษขึ้นในร่างด้วย พิษประเภทนี้ต้องใช้ยามากขึ้นจึงจะกดไว้ได้ ทำให้กลายเป็นวงจรอุบาทว์ อีกทั้งหญ้าเหยี่ยวดำเติบโตอยู่ที่นี่เท่านั้น คนที่อาศัยอยู่ในป่าแม่น้ำตะวันตกจึงไม่อาจจากสถานที่นี้ไปได้
ดังนั้นคนนอกที่เดินทางเข้ามายังป่าแม่น้ำตะวันตกจึงไม่คิดใช้วิธีเช่นพวกชาวบ้านในการต้านพิษ เพราะสุดท้ายก็จะกลายเป็นเหยื่อยาไปตลอดชีวิต
“มันเป็นแค่พิษที่ออกฤทธิ์ช้าชนิดหนึ่งเท่านั้น ข้ารักษาพวกท่านได้” ซูเฉินเอ่ยพลางโบกมือสบาย ๆ
สำหรับเขามันนับเป็นเรื่องง่ายดายนัก
ว่าอะไรนะ ?
ฉาเล่อตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์