ตอนที่ 173 งานเลี้ยงครบรอบ (4) / ตอนที่ 174 งานเลี้ยงครบรอบ (5)

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 173 งานเลี้ยงครบรอบ (4)

 

 

เมื่อเห็นว่าทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่เธอ ริมฝีปากนั้นก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย ทว่านัยน์ตาคู่นั้นยังคงเย็นชาอยู่เหมือนเก่า

 

 

“แขกในงานทุกท่านที่อยู่ตรงนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหน้าฉัน คงต้องแนะนำตัวกันสักหน่อย ฉัน ก็คือคนที่ถูกบ้านตระกูลเฉินเฉดหัวไปต่างประเทศเมื่อหกปีก่อน หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนามคุณหนูใหญ่สกุลเฉิน…”

 

 

น้ำเสียงสงบและเยือกเย็นค่อยๆ แผ่ขยายไปในอากาศ จู่ๆ ห้องประชุมอันเงียบสงบก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น

 

 

“ถูกไล่ออกไปตั้งแต่หกปีที่แล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน”

 

 

“ก็เธอไง ที่ตอนนั้นก่อเรื่องขายหน้าเอาไว้ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ สุดท้ายก็ถูกวิทยาลัยคัดชื่อออก สกุลเฉินก็เลยไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนละมั้ง”

 

 

“แต่ถึงยังไง เธอก็ยังเป็นคนของสกุลเฉินนะ จะมาไล่กันแบบนั้นได้ยังไง”

 

 

“นั่นมันก็พูดยากเหมือนกัน คุณนายสกุลเฉินในตอนนี้ก็ถูกเลื่อนขั้นมาจากเมียน้อย จะให้รักลูกคนอื่นได้ยังไงล่ะ อีกอย่าง ฉันได้ยินมาว่า แม่ของคุณหนูใหญ่คนนี้ถูกคนสกุลเฉินบีบคั้นจนตาย…”

 

 

“นั่นมันไร้ศีลธรรมสิ้นดี บีบคั้นลูกสะใภ้แท้ๆ จนตาย แถมยังเฉดหัวหลานในไส้ออกจากบ้าน แล้วดูเมียน้อยกับลูกเมียน้อยตอนนี้สิ แทบจะได้ทุกอย่างเหมือนฝัน…”

 

 

เสียงพูดคุยเมื่อครู่แม้จะไม่ได้เสียงดังมากนัก ทว่าสถานที่มีคนมากและหลากความคิดเห็น ไม่นานก็แพร่กระจายไปทั่วงาน

 

 

เมียน้อย…

 

 

ลูกเมียน้อย…

 

 

หยางลี่เวยและเฉินเชียนโหรวก็เริ่มโกรธจนหน้าเขียว คำนิยามเช่นนี้คือความเจ็บปวดตลอดชีวิตของพวกเธอ

 

 

หน้าของเจียงหรงหรงมืดครึ้มลงอีกครั้ง เธอรู้ได้ทันทีว่าทำไมเฉินฝานซิงถึงได้เชื่อฟังเธอนัก และยอมขึ้นไปประกาศถอนหมั้นอย่างว่าง่าย!

 

 

เธอขบฟันแน่น รีบเดินไปอีกทางเพื่อคว้าเอาไมโครโฟนมาอธิบายด้วยความร้อนใจ

 

 

“ทุกท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด เรื่องเน่าเสียในบ้านใช่ว่าจะพูดได้ทุกเรื่อง ตอนนั้นหลานสาวของดิฉันคนนี้ก่อเรื่องวุ่นวายเอาไว้ไม่น้อย พวกเรากลัวว่าเธอจะทนรับความกดดันจากคำติฉินนินทาไม่ไหว เลยวางแผนให้เธอไปเรียนจบที่ต่างประเทศ…”

 

 

ได้ยินดังนั้น ผู้คนก็เริ่มกระจ่าง

 

 

สายตาที่มองมายังเฉินฝานซิงเองก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสายตาเหยียดหยามและชิงชังอย่างถึงที่สุด!

 

 

“นั่นก็ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว!”

 

 

เฉินฝานซิงกำฝ่ามือแน่น บนใบหน้านั้นไร้ความรู้สึก หัวใจนั้นเย็นเยียบไปทั้งดวง

 

 

ทุกๆ เรื่องราวในตอนนั้น ไม่มีหลักฐาน จะมีก็แค่ข่าวลือ

 

 

บ้างก็เชื่อ บ้างก็พากันหัวเราะและเอาไปพูดกันเป็นเรื่องตลกหลังมื้อน้ำชาอย่างสนุกสนาน

 

 

ทว่าวันนี้ ประโยคนั้นของเจียงหรงหรงที่ว่า ‘เรื่องเสื่อมเสียในบ้าน’ ‘ถูกส่งไปต่างประเทศเพราะทนคำติฉินไม่ไหว’ กลับเป็นการยืนยันข่าวลือที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

 

 

เป็นเพราะครอบครัวของเธอทั้งหมดที่ให้เธอมาเป็นแพะรับบาปแทนเฉินเชียนโหรวในวันนี้ แต่กลับเอาชื่อเสียของเธอที่ถูกกุขึ้นมาตอกย้ำอย่างไม่นึกถึงจิตใจของเธอแม้แต่น้อย

 

 

ทำไมชื่อเสียงของเฉินเชียนโหรวถึงได้สำคัญขนาดนั้น กลับกัน เธอกลับถูกผู้คนนับพันชี้หน้าประนามอย่างสะใจ?

 

 

เฉินฝานซิงกรีดยิ้มพลางกวาดสายตามองไปทั่วงาน ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดอยู่นั้น เสียงของเจียงหรงหรงก็ได้ดังขึ้น

 

 

“ฝานซิง เรื่องพวกนี้เราค่อยคุยกันตอนใจเย็นกว่านี้! นึกดีๆ สิ ว่าคืนนี้แกต้องทำอะไร!”

 

 

เจียงหรงหรงจ้องมองเธอ ดวงตาเฉียบแหลมคู่นั้นจ้องเขม็งอย่างเตือนสติ

 

 

เฉินฝานซิงข่มความร้อนรุ่มในจิตใจลงก่อนจะกรีดยิ้มบางๆ พร้อมพยักหน้า

 

 

“มีเรื่องจะต้องพูด เรื่องที่คุณจงใจกำชับฉันเป็นพิเศษ ฉันจะไปลืมได้ยังไง”

 

 

ได้ฟังดังนั้นคิ้วของเจียงหรงหรงก็ขมวดขึ้นอย่างหนักหน่วง มือที่ถือไมโครโฟนอยู่นั้นกำเข้าหากันแน่นอย่างลืมตัว

 

 

เรื่องที่จงใจกำชับเป็นพิเศษหมายความว่ายังไง?

 

 

นี่เธอจะแฉกัน?

 

 

ความตึงเครียดผุดขึ้นในหัวใจของเธอ อยากจะไล่ตะเพิดให้เธอลงจากเวทีไปเสีย

 

 

แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เฉินฝานซิงก็ได้เอ่ยขึ้น

 

 

“จุดประสงค์หลักที่ฉันมาในวันนี้ก็เพื่อ ขอถอนหมั้น”

 

 

สิ้นคำนั้น ทั้งห้องก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น

 

 

 

 

 

 

ตอนที่174 งานเลี้ยงครบรอบ (5)

 

 

“เชื่อว่าทุกคนคงจะทราบกันดีแล้วว่า ฉันกับประทานซูแห่งบริษัทสกุลซูหมั้นกันเอาไว้ตั้งแต่เด็ก…”

 

 

เสียงของเธอเอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ ราวกับเธอกำลังพูดออกมาอย่างผ่อนคลาย ทว่ากลับทำเอาคนฟังสัมผัสได้ถึงความถากถางในถ้อยคำนั้นอย่างชัดเจน

 

 

ดูเหมือนขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น เธอดูมีความสนใจต่อแผงควบคุมแอลอีดีระบบสัมผัสนั้นอยู่ไม่น้อย เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงมอง ใช้นิ้วขาวเรียวนั้นปัดลงบนหน้าไมโครซอฟต์ไปมา

 

 

หน้าจอแอลอีดีขนาดใหญ่ข้างหลังก็ฉายขึ้นตามการควบคุมของเธอไปด้วย

 

 

ร่างที่ยืนกระทำตามใจตัวเองอยู่นั้นกลับไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าดูน่าแปลกใจตรงไหน ราวกับว่าเธอเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้อยู่ตั้งนานแล้ว

 

 

ขนาดเรื่องถอนหมั้นยังทำได้ลงคอ แล้วจะมีเรื่องอะไรที่เธอทำไม่ได้อีก

 

 

“เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เราประกาศหมั้นกันอย่างเป็นทางการในพิธีบรรลุนิติภาวะ สิ้นสุดความสัมพันธ์แบบเพื่อนกันสิบกว่าปี เริ่มความสัมพันธ์แบบคนรักกันมาจนถึงปีนี้ ย่างเข้าสู่ปีที่แปด…”

 

 

ตราบจนถึงทุกวันนี้ ความทรงจำที่มีซูเหิงเข้ามาในชีวิต

 

 

อย่างน้อยที่สุดตอนเธอถูกรังแกสมัยเรียน เขาก็ปกป้องเธอมากที่สุด

 

 

ตอนที่สะเพร่าเรื่องเรียน เขาก็คอยเจ้ากี้เจ้าการเธอมากที่สุด

 

 

วันที่คุณแม่ของเธอจากไป ก็ยังเป็นเขาที่คอยอยู่ข้างกายเธอ

 

 

เขาคอยเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจในยามที่เธอสิ้นหวัง เธออยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ พูดตามตรงเธอคงสำเร็จไม่ได้หากไม่มีซูเหิง

 

 

ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ดีไปเสียทุกอย่าง

 

 

เธอยกยิ้มขึ้นอย่างขื่นขม รู้สึกเย็นวาบในใจเล็กน้อย

 

 

เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บที่ความสัมพันธ์ของเธอกับซูเหิงต้องจบลง

 

 

เธอก็แค่อดคิดไม่ได้ว่า…

 

 

ทำไมความสัมพันธ์ของพวกเขาที่เดินทางมาไกลราวกับล่องอยู่บนแม่น้ำสายยาว แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับจมหายไปกลางสายน้ำ

 

 

เสียดายไหม

 

 

ก็ต้องเสียดายอยู่แล้ว

 

 

เพราะความรักแปดปีจบลงแล้ว ความเป็นเพื่อนสิบปีนั้นก็แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการ!

 

 

เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าเต็มปอด หยุดการกระทำในมือลงและเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเยือกเย็นนั้นถูกประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ

 

 

ในยามที่ซูเหิงได้เห็นรอยยิ้มนั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

ความตระหนกอย่างที่เขาคุ้นชินนั้นเล่นเอาเขาทำอะไรไม่ถูก

 

 

คำพูดของเธอหยุดลงไปไม่กี่วินาทีก็ดังขึ้นอีกครั้ง มือของเธอจับแผงควบคุมไว้ทั้งสองข้าง แล้วยกยิ้มเย็น

 

 

“น่าเสียดาย ความสัมพันธ์ของเรายากที่จะไปต่อ การหมั้นครั้งนี้ สำหรับฉันและเขาแล้วมันเป็นเพียงแค่โซ่ตรวนที่ล่ามเราไว้ด้วยกัน เพราะฉะนั้นวันนี้ ฉันขอถือโอกาสนี้ประกาศถอนหมั้นกับเขา ตามความต้องการของเขา และปลดปล่อยตัวฉันเอง…”

 

 

เสียงเย็นลอดผ่านไมโครโฟนไปยังบรรยากาศในห้อง เมืองศิวิไลซ์นอกหน้าต่างนั่นกำลังเต็มไปด้วยเสียงมากมาย ทว่าในนี้กลับมีเพียงเสียงของความเย็นชาที่สะท้อนก้อง

 

 

ทั้งงานตกอยู่ในความเงียบงัน ก่อนวินาทีถัดมาจะตามมาด้วยเสียงกระซิบกระซาบที่ดังระงม

 

 

เหมือนกับว่าทุกคนจะกำลังหันมองไปยังซูเหิง

 

 

ในใจของเขารู้สึกได้ถึงอิสระ แต่ยิ่งไปกว่านั้น มันกลับ…

 

 

เขารู้สึกสับสนไปหมด คิ้วที่ชนกันแน่นทำเอาทุกคนเข้าใจผิดว่าเขารับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

 

สกุลซูก็ถือว่าเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลและร่ำรวยอันดับต้นๆ ของผิงเฉิง ในฐานะชายที่มีค่าตัวไม่ใช่น้อยๆ จะยอมรับการขอถอนหมั้นจากผู้หญิงง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน

 

 

ยิ่งมองไปยังอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างกันอย่างไช่จิ้งอี๋และซูปิงโย่วเองก็ใช่ว่าสีหน้าจะสู้ดีนัก

 

 

คืนนี้ในงานเลี้ยงครบรอบของสกุลเฉิน สกุลซูเองก็รู้สึกขายหน้าไม่น้อย

 

 

อย่างไรก็ตาม ทุกคนคงไม่มีทางเข้าใจว่า ในความเป็นจริง เรื่องการถอนหมั้นที่ออกมาจากปากของเฉินฝานซิงนั้น ทำให้สกุลเฉินและสกุลซูได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก