สองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ไม่มีใครเห็นร่างเล็กที่อยู่ริมหน้าต่าง เมื่อร่างนั้นได้ฟังถึงตรงนี้ก็แอบหนีไปทันที
เจียงจือผู้เป็นหลานชายคนเล็กของครอบครัวเจียงเหล่าหวู่แอบฟังอยู่ที่มุมห้อง เขารีบแอบไปแจ้งให้พี่สามของเขาทราบอย่างว่องไว
เจียงจือลากเจียงเฟยมาด้านข้างอย่างลึกลับแล้วพูดด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ “พี่สาม! ข้าได้ยินปู่กับย่าบอกว่าจะขอพี่ป่าวชิงมาเป็นสะใภ้ให้พี่”
คำพูดประโยคนี้แปลกประหลาดไปเล็กน้อย เจียงเฟยเบิกตากว้าง จากนั้นเขาก็ตบหัวของเจียงจือก่อนเป็นอันดับแรก “พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้า ?”
เจียงจือจับศีรษะที่โดนตบด้วยใบหน้าน้อยใจ จากนั้นเขาก็เบะปากซึ่งดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง “ข้าไม่ได้พูดเหลวไหลนะพี่ ท่านปู่เราพูดกับท่านย่าเช่นนั้นจริง ๆ เขาบอกว่าพี่ป่าวชิงไม่เลวเลย และจะขอกลับมาเป็นหลานสะใภ้อีกด้วย”
“ว้าว! ที่เจ้าพูดเป็นความจริงรึ ?” เจียงเฟยหัวโตเหมือนถังทันที “แต่ไม่ได้! ในใจของข้า ข้าเห็นน้องป่าวชิงเป็นน้องสาวมาโดยตลอด ข้าไม่อยากแต่งน้องสาวเข้าบ้าน”
เจียงจือส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย “พี่สาม พี่ไม่ต้องห่วง แม้ว่าท่านปู่ของเราจะอยากขอนางกลับมาให้พี่มากแค่ไหนก็คงแห้วเพราะท่านย่าของเราไม่ยินยอม นางคิดว่าพี่ป่าวชิงเคยปัญญาอ่อนมาก่อน จึงกลัวว่าต่อไปถ้าหากนางอยู่กับพี่แล้ว นางจะเกิดลูกปัญญาอ่อนทำนองนั้น”
เจียงเฟยฟังแล้วกลับไม่คิดว่าเรื่องนี้เชื่อถือได้ เขารู้ว่าบางทีท่านปู่ของเขาอาจจะหัวแข็งไปบ้าง เขาจึงกลัวว่าวันไหนถ้าปู่ของเขาหน้ามืดตามัวแล้วจะสู่ขอเจียงป่าวชิงกลับมาให้เขาจริง ๆ
แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
เจียงเฟยนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงทั้งคืน
วันต่อมา เมื่อเขาทำนาเสร็จ เขาก็หาเวลาว่างตอนที่คนในบ้านไม่สนใจ แอบย่องไปที่บ้านของเจียงป่าวชิงในตอนบ่าย
ตอนนี้เจียงป่าวชิงกำลังฝังเข็มอยู่ที่บ้านกงจี้ เจียงหยุนชานจึงเชิญเจียงเฟยเข้ามาในบ้านอย่างเป็นกันเอง
เจียงเฟยนั่งไม่ติดที่ เขาถามขึ้นว่า “น้องป่าวชิงจะกลับมาตอนไหนรึ ?”
เจียงหยุนชานเห็นท่าทางของเจียงเฟย เขาก็เกิดความสงสัยเล็กน้อย “พี่เฟย พี่มาหาเจียงป่าวชิงมีธุระอะไรรึ ? กว่านางจะกลับมาก็คงอีกเกือบครึ่งชั่วยามเลยนะ”
เจียงเฟยได้ยินเวลา เขาก็รู้สึกสิ้นหวังอยู่เล็กน้อย เขากลัวว่าถ้ารอคำพูดของเจียงป่าวชิงไม่ได้ในคืนนี้ และถ้าปู่ของเขาชิงลงมือหมั้นเจียงป่าวชิงก่อน เขาจะทำอย่างไร
จิตใจของเจียงเฟยแทบจะพังทลายอยู่แล้ว เขานั่งยอง ๆ บนพื้น มือก็ดึงทึ้งผมตัวเองด้วยความกลุ้มใจ
เจียงหยุนชานเห็นเจียงเฟยดูเหมือนจะมีเรื่องด่วน เขาจึงลังเลอยู่สักครู่ สุดท้ายเขาก็ไปเคาะประตูบ้านกงจี้
คนที่เปิดประตูให้คือฝูฉู นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหยุนชานมาที่นี่ เขาจึงรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย ส่วนฝูฉูนั้น นางเห็นเจียงหยุนชาน นางก็ตกตะลึง
“คุณชายเจียง มีธุระอะไรหรือเปล่า ?” ฝูฉูเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ
น้ำเสียงของเจียงหยุนชานมีความแข็งทื่อปะปนอยู่เล็กน้อย “แม่นางฝูฉู พี่สามจากทางบ้านมาหาน้องสาวข้า เหมือนจะมีเรื่องด่วนมาก สามารถเชิญให้นางออกมาชั่วคราวได้หรือไม่ ?”
ฝูฉูขมวดคิ้วเล็กน้อย คล้ายกับไม่เห็นด้วยอยู่หน่อย ๆ “คุณชายเจียง การรักษาขาท่านชายของข้ากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญพอดี หากว่าให้แม่นางเจียงกลับไปก็คงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่”
เจียงหยุนชานรีบขอโทษทันที “ข้าขอโทษ ข้าคิดไม่รอบคอบเอง…”
กำลังพูดกันอยู่ จู่ ๆ ไป๋จีก็เดินมาจากทางด้านหลังและตบไหล่ฝูฉูเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นายท่านเชิญให้คุณชายเจียงเข้าไปข้างใน”
ฝูฉูกัดริมฝีปากล่างเล็กน้อย จากนั้นนางก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “คุณชายเจียง เชิญจ้ะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหยุนชานก้าวเข้ามาในบ้านของกงจี้ เขาปฏิบัติตามกฎมารยาทและไม่มองไปรอบ ๆ ทว่าในความเป็นจริง บ้านที่ว่างเปล่าหลังนี้จะว่าไม่มีอะไรให้มองก็ไม่ผิดนัก
เจียงหยุนชานเข้ามาในห้องยา เขาก็เห็นกงจี้พิงหมอนและนอนอยู่บนพื้นที่ยกสูงขึ้นมา สองขาของเขาเปลือยเปล่าอยู่ข้างนอก มีเข็มเงินปักไว้อยู่เต็มขา และเจียงป่าวชิงน้องสาวของเขาก็กำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ พื้นที่ยุบตัว นางเอียงหน้าเอียงตาเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดูเหมือนกำลังพูดคุยอยู่กับคุณชายกงทำนองนั้น
“อ๊ะ! พี่” เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นเจียงหยุนชาน นางก็ลงมาจากพื้นที่ยกสูงนั้นและมองเจียงหยุนชานด้วยหน้าตาที่เอนเอียงดูน่ารัก เห็นแล้วชวนให้ผู้คนอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง “พี่มาหาข้า เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้านหรือเปล่าเจ้าคะ ?”
เจียงหยุนชานพูดขึ้น “พี่เฟยมาหาเจ้า ดูเหมือนเขาร้อนใจมาก ข้าบอกเขาแล้วว่าอีกประมาณเกือบครึ่งชั่วยามเจ้าก็คงจะกลับไป แต่ข้าเห็นเขานั่งยอง ๆ บนพื้นและดูกลุ้มใจอยู่พอสมควรจึงมาลองถามดูว่าเจ้าพอจะไป เอ่อ… ได้หรือไม่ ?”
เจียงป่าวชิงมองกงจี้อย่างลังเลอยู่สักครู่ อันที่จริง ตอนที่ฝังเข็มค้างไว้ให้กงจี้เช่นนี้ นางจะไม่อยู่ก็ได้ เพียงแต่…
เหมือนกงจี้จะสังเกตเห็นถึงความลังเลของเจียงป่าวชิง สีหน้าของเขาจึงแลดูหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาพูดขึ้น “เรียกเขามาที่นี่ก็ได้”
เจียงป่าวชิงรู้สึกประหลาดใจ “ได้หรือ ?”
กงจี้มองนาง จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ได้ ก็ไม่เห็นจะเป็นไร”
เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอยู่สักครู่ สุดท้ายนางก็สั่งให้ไป๋จีไปหยิบเสื้อคลุมมาบดบังขาของกงจี้เอาไว้ก่อน ด้วยเหตุนี้สีหน้าของกงจี้ถึงจะดีขึ้นนิดหน่อย
เวลานี้ เจียงหยุนชานกลับไปเรียกเจียงเฟยให้มาที่นี่ ซึ่งโดยแรกเริ่ม เจียงเฟยยังคงงงเป็นไก่ตาแตก และหลังจากที่เขาเข้าไปในห้องยา เขาก็ยิ่งตกตะลึงพรึงเพริด
เขารู้ว่ามีคุณชายผู้ร่ำรวยคนหนึ่งกำลังพักฟื้นตัวอยู่ที่บ้านข้าง ๆ ของบ้านเจียงป่าวชิง แต่เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตของคุณชายผู้ร่ำรวยจะเป็นเช่นนี้
เจียงป่าวชิงอธิบายให้เจียงเฟยฟังด้วยเสียงอันเบา “พี่สามมาหาข้า มีธุระอะไรหรือเจ้าคะ ?”
เจียงเฟยกระแอมไอเล็กน้อย “เอ่อ… เราหาที่คุยเป็นการส่วนตัวดีไหมน้องป่าวชิง ?”
“มีเรื่องอะไรถึงไม่สามารถพูดให้คนอื่นฟังได้” กงจี้ที่พิงหมอนอยู่พูดขึ้นอย่างเย็นชา “พวกเจ้าคุยกันตรงนี้ก็ได้”
เจียงป่าวชิงเองก็พูดกับเจียงเฟยเช่นกัน “ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ คุณชายท่านนี้เชื่อถือได้”
กงจี้ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เจียงเฟยก็ยังคงลากเจียงป่าวชิงไปด้านข้างอยู่ดี จากนั้นเขาก็พูดกับนางเสียงเบา “น้องป่าวชิง ช่วงนี้หากว่าท่านปู่ข้ามาสู่ขอเจ้า เจ้าอย่าตอบตกลงเด็ดขาดเลยนะ”
เจียงป่าวชิงยังคงรู้สึกสงสัยในหูของตัวเอง “อะไรนะเจ้าคะ ?”
พี่สามของนางกำลังพูดอะไรอยู่ ?
เมื่อเจียงเฟยเห็นเจียงป่าวชิงมีท่าทีไม่เข้าใจ เขาก็ร้อนใจอยู่เล็กน้อย “น้องป่าวชิง ไม่รู้ว่าเอ็นข้อไหนของท่านปู่ข้าที่ผิดปกติไป เขาถึงได้อยากให้ข้าสู่ขอเจ้ากลับไป เจ้าเข้าใจหรือยัง ? ข้ารู้สึกกับเจ้าเพียงพี่ชายน้องสาวเท่านั้น ไม่มีความคิดอื่น เจ้าอย่าตอบตกลงท่านปู่เด็ดขาดนะ”
ณ ตอนนี้เจียงป่าวชิงเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เจียงป่าวชิงหมดคำจะพูดจริง ๆ นางรู้ว่าจากความสามารถในการฟังของกงจี้แล้ว ไม่แน่เขาอาจจะได้ยินชัดเจนแล้วก็ได้ ตอนนี้นางไม่ต้องมองหน้ากงจี้ก็รู้แล้วว่าเขาคงจะมีสีหน้าเยาะหยันอย่างแน่นอน
เจียงป่าวชิงถอนหายใจออกมายาว ๆ ก่อนจะพูดอย่างอ่อนแรง “พี่สามไม่ต้องห่วง ข้าเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เหมือนกันเจ้าค่ะ อีกอย่าง ข้ายังเล็กอยู่ ตอนนี้จึงยังไม่คิดถึงเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
ได้รับคำตอบยืนยันมาเช่นนี้ เจียงเฟยก็กลับไปอย่างอารมณ์ดี ขณะที่เจียงหยุนชานบอกลาเจียงป่าวชิงกับกงจี้ และกลับไปพร้อมกับเจียงเฟย
เจียงป่าวชิงรู้สึกสับสนกับอารมณ์ของตัวเองมาก …เหตุใดนางรู้สึกเหมือนถูกคนรังเกียจเลยเล่า ?
ทันทีทันใดนั้น บรรยากาศภายในห้องยาก็แปลกประหลาดไปเล็กน้อย เจียงป่าวชิงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่
“เจียงป่าวชิง” กงจี้เรียกนางอย่างไม่เกรงใจ “เจ้าเป็นนกกระทารึ ?”
เจียงป่าวชิงหมุนตัวกลับไปอย่างอืดอาดแล้วเดินไปด้านข้างพื้นที่ยกสูงของกงจี้ นางเอ่ยถามอย่างยอมรับชะตาชีวิต “เจ้าได้ยินหมดแล้วล่ะสิท่า”
และเป็นอย่างที่เจียงป่าวชิงคิดไว้ไม่มีผิด กงจี้เผยรอยยิ้มเยาะหยันให้นาง “เจ้าลองเดาสิ”
เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย: “แล้วเจ้าเดาว่าข้าจะเดาไหมล่ะ ?”
ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ สุดท้ายเจียงป่าวชิงก็อดกลั้นไม่ไหวจึงหัวเราะออกมาก่อน นางนั่งลงข้างพื้นที่ยกสูงของกงจี้อย่างปลงอนิจจัง
“ฮืมมม ข้านั้นคิดว่าตัวเองยังเล็ก แต่เหตุใดช่วงนี้ถึงมีคนอยากมาสู่ขอข้าเยอะเช่นนี้ ?”
กงจี้สังเกตเจียงป่าวชิงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างมีความหมายแฝง “อืม เจ้ายังเล็กอยู่จริง ๆ”
“…” เจียงป่าวชิงเงียบไปสักครู่ จากนั้นนางก็พูดขึ้น “ไม่ใช่แล้วคุณชายกง บอกข้าทีสิ สิ่งที่เจ้าบอกว่าเล็กนั้นไม่ใช่เป็นแบบที่ข้าจินตนาการไว้ใช่ไหม ?”
กงจี้พยักหน้า “มันเป็นแบบที่เจ้าจินตนาการนั่นแหละ”
เจียงป่าวชิงหมดคำจะพูด เขามันไอ้โรคจิตขนานแท้! นางนั้นไม่สามารถเป็นเพื่อนกับไอ้โรคจิตคนนี้ได้อย่างสบายอกสบายใจเลยจริง ๆ