บทที่ 122: ให้พี่ใหญ่แสดงให้ดูเถอะ

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 122: ให้พี่ใหญ่แสดงให้ดูเถอะ

วันต่อมาในตอนเย็น

ขบวนรถม้าที่มีตราประจำตำแหน่งของตระกูลแอสคาร์ดกำลังเผชิญกับความโกลาหล บนที่ราบมีกลุ่มสัตว์หน้าตาประหลาดต่างก็กำลังพุ่งตรงไปยังถนนสายหลักที่พวกเขากำลังใช้เดินทางอยู่

สัตว์เหล่านี้มีสี่ขาและมีเขาสองเขาอยู่บนหัว คล้ายกับแพะ ขนของพวกมันเป็นสีขาวที่มีสีทองปะปนอยู่ ส่งเสียงร้องแหลมสูงคล้ายกับกวาง พวกมันมีรูปร่างไม่ใหญ่มากทำให้เคลื่อนได้คล่องแคล่วว่องไว แม้ในระหว่างการวิ่งก็ยังสามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว

แกะทองคำ

พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่ถูกเลื่องลือว่าเป็นลางร้ายในทวีปเซีย และมีมูลค่าสูงอย่างน่าเหลือเชื่อในตลาด จุดเด่นที่ทำให้พวกมันเป็นที่กล่าวขานก็คือผิวที่สวยงามและขนอันเรียบเนียน ที่มีมูลค่าเทียบเท่าทองคำในน้ำหนักเท่ากัน และนั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ ‘แกะทองคำ’

ผิวหนังและขนของมันเป็นที่รู้จักในฐานะวัสดุชั้นยอดสำหรับเครื่องแต่งกายอันหรูหราของเหล่าขุนนาง ความต้องการของมันแซงหน้าอุปทานมาโดยตลอด แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าไหร่ในจักรวรรดิเซนต์เมซิท แต่ในจักรวรรดิออสทีน พวกเขาเชื่อกันว่าการสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากขนของแกะทองคำ สามารถนำมาซึ่งโชคลาภ ดังนั้นเสื้อผ้าที่มีขนแกะทองคำผสมเข้าไปด้วย จะสามารถเพิ่มมูลค่าได้ถึงสองเท่าจากเดิม

นอกจากขนของมันแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายเองก็ยังมีค่าอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน

เขาของแกะทองคำเป็นที่รู้กันว่าเป็นวัสดุสำหรับอุปกรณ์เวทอันสำคัญ ศีรษะสามารถใช้เป็นเครื่องประดับแห่งความมั่งคั่งให้กับที่อยู่อาศัยได้ เนื้อของมันขึ้นชื่อเรื่องความชุ่มฉ่ำ จนเชฟชื่อดังจัดให้เป็นเนื้อแกะที่ดีที่สุดสามอันดับ หากกล่าวอีกนัยหนึ่ง แกะทองคำก็คงไม่แตกต่างอะไรไปจากกล่องสมบัติเดินได้

ปัญหาเดียวก็คือมันยากที่จะหา หรือจับ

เมื่อโรเอลเห็นแกะทองคำ เด็กชายก็ตระหนักได้ทันทีว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว เขามองไปที่เหล่าทหารที่กำลังเดินขบวนอยู่ ทุกคนดูเหมือนจะสนใจแกะทองคำเช่นกัน แต่พวกเขาก็ยังคงควบคุมตนเองให้อยู่ในระเบียบวินัย นี่เป็นโอกาสอันดีสำหรับโรเอลที่จะได้แสดงความสามารถและความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำของเขา

ดังนั้นเขาจึงเปิดประตูรถม้าออก และตรวจสอบบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็วก่อนที่จะออกคำสั่ง

“ผู้บัญชาการหน่วย ก้าวออกมาสิ!”

ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ของตระกูลแอสคาร์ดและราชองครักษ์จากราชวงศ์ต่างก้าวออกจากกลุ่มของพวกเขา เดินไปที่ด้านข้างของโรเอล หลังจากถามคำถามสองสามข้อเด็กชายก็รีบทำความเข้าใจลักษณะต่าง ๆ ของแกะทองคำ

สาเหตุหลักที่แกะทองคำจับได้ยากนั้นเป็นเพราะลักษณะเฉพาะเกี่ยวกับขนของมัน พวกมันมีความทนทานต่อการโจมตีแบบเจาะทะลุ ทำให้ยากต่อการสังหารด้วยธนู แต่การฟันและการขย้ำก็ยังมีผลใช้ได้ตามปกติ โดยรวมแล้วแกะทองคำไม่ได้ทรงพลังเท่าไหร่ ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 6 ก็น่าจะสามารถเอาชนะมันได้ด้วยตัวคนเดียวสบาย ๆ

เมื่อทราบข้อมูลสำคัญบางอย่างเกี่ยวกับเป้าหมายแล้ว โรเอลก็ขึ้นไปบนหลังม้าออกทัพนำทหารองครักษ์ไล่ตามแกะทองคำ

ภายใต้แสงสีส้มของดวงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน กลุ่มทหารติดอาวุธต่างควบม้าข้ามทุ่งหญ้าไล่จับฝูงแกะทองคำอย่างสุดความสามารถ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังไม่สามารถจับแกะทองคำได้สำเร็จ แม้ว่าจะนั่งอยู่บนหลังม้าก็ตาม

พวกเขาไล่ตามแกะทองคำไปตลอดทางจนพวกมันใกล้จะหลุดเข้าไปในเขตป่า แต่ก็ยังไล่ไม่ทันเสียที สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกวิตกกังวลอย่างไม่น่าเชื่อ เดิมทีมันก็ยากอยู่แล้วที่จะจับแกะทองคำเพียงตัวเดียว นับประสาอะไรกับพวกมันทั้งฝูง แต่พวกเขาก็อดไม่ได้อยู่​ดีหากจะปล่อยให้สมบัติและส่วนผสมชั้นดีเหล่านี้หลุดรอดไปได้!

นี่ทำให้เดิร์ก ผู้บัญชาการองครักษ์ของตระกูลแอสคาร์ด ครุ่นคิดว่าเขาควรจะลงจากหลังม้า ลองไล่ตามแกะทองคำด้วยเท้าของตนเองหรือไม่ เขาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 4 ดังนั้นแม้ว่าความเร็วของเขาในระยะยาวจะไม่สามารถเทียบกับม้าที่เขาขี่อยู่ได้ แต่ความเร็วในการพุ่งในระยะสั้นนั้นเร็วกว่ามาก

ทว่าก่อนที่เดิร์กจะตัดสินใจได้ ทหารองครักษ์ก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง คาถาเวทอันทรงพลังกำลังถูกร่ายอยู่ในระยะของพวกเขา นี่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกและรีบหันศีรษะไปรอบ ๆ ก่อนที่จะเห็นว่าเป้าหมายในการปกป้องของพวกเขาอย่าง นายน้อยโรเอล กำลังพุ่งออกไปข้างหน้าเหนือศีรษะของพวกเขา ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่

ร่างของโรเอลถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวส่องประกาย เด็กชายกวัดแกว่งดาบสั้นสีเงินในมือของเขาพร้อมกับปีกแห่งแสงด้านหลัง พุ่งไปในอากาศด้วยความเร็วประหนึ่งดาวหาง พร้อมเสียงระเบิดดังสนั่น ร่อนลงมาเบื้องหน้าของฝูงแกะทองคำ หยุดพวกมันเอาไว้ก่อนที่พวกมันจะสามารถหนีเข้าไปในป่าได้ทัน

ฝุ่นและเศษซากลอยออกมาจากพื้นที่แรงกระแทกจากที่โรเอลร่อนลงมา รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่วทุ่งหญ้า เงาใหญ่โต น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา ปกคลุมศีรษะของพวกเขาทุกคน

ฝูงแกะทองคำทั้งหมดหยุดลงในทันที ราวกับว่ามีใครสักคนร่ายคาถาผูกมัดไว้ที่ตัวพวกมัน แกะทองคำทุกตัวต่างสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ต่อหน้าภาพเงาขนาดมหึมาตรงหน้า ตัวที่แข็งแกร่งย่อตัวลงและเบียดเสียดกับพื้นอย่างหวาดกลัว ในขณะที่ตัวที่อ่อนแอทรุดตัวลงไปนอนกับพื้นน้ำลายฟูมปาก

การแสดงพลังอันแข็งแกร่งทรงพลังนี้ไม่เพียงทำให้ฝูงแกะทองคำหวาดกลัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงม้าของเหล่าทหารองครักษ์ด้วยเช่นกัน ม้าทุกตัวของพวกเขาต่างก็หยุดส่งเสียงคำราม บางตัวก็หันหลังวิ่งหนีไป

“แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ กรันด้า มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเราเผลอทำร้ายพันธมิตรของเราเอง”

“นี่ทำให้เจ้าพวกตัวเล็กพวกนี้กลัวสินะ”

กรันด้าชำเลืองมองไปยังเหล่าทหารองครักษ์ที่กำลังตื่นตระหนก จากนั้นภาพเงาขนาดมหึมาของเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป แม้ว่าโครงกระดูกที่ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ โรเอล จะไม่ได้หายไปพร้อมกันก็ตาม โครงกระดูกจ้องมองไปที่ม้าที่ยังคงร้องอย่างหวาดกลัว ในขณะที่เขาเริ่มพูดถึงสัตว์ร้ายในสมัยของเขา

“ ม้าในสมัยของข้าเองก็ไม่ได้ตัวใหญ่นัก แต่พวกมันก็ดูดีกว่านี้มาก พวกมันมีบางอย่างแหลม ๆ โผล่ออกมาจากหัว และแข็งแกร่งกว่าเจ้าพวกนี้มาก…”

เดี๋ยวนะ นี่นายกำลังพูดถึงยูนิคอร์นอยู่ไม่ใช่เหรอ?

โรเอลฟังคำพูดของกรันด้าด้วยสีหน้าแปลก ๆ ตามที่เขาได้ยินมา ดูเหมือนว่ายักษ์จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าม้ามาก ม้าตัวเดียวที่ไม่กลัวยักษ์น่าจะเป็นราชาม้าหรืออะไรทำนองนั้น

ขณะที่โรเอลกำลังตั้งใจฟังยักษ์ซึ่งกลายเป็นคนช่างพูดหลังจากอยู่คนเดียวนานเกินไป เหล่าองครักษ์ก็ยังคงสั่นสะท้านด้วยความตกใจ ความกดดันที่กรันด้าแผ่ออกมานั้นรุนแรงเกินไป มันปลูกฝังความกลัวไม่เพียงแต่ในเหล่าสัตว์ร้ายแต่ยังรวมถึงพวกมนุษย์อีกด้วย อันที่จริงยิ่งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแข็งแกร่งมากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงมันได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้นว่าสิ่งที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าน่ากลัวเพียงใด

เดิร์ก ผู้บัญชาการองครักษ์ของตระกูลแอสคาร์ด หายใจออกยาว ๆ ก่อนจะชำเลืองหันไปทางผู้บัญชาการของกองทหารราชองครักษ์ที่กำลังหน้าซีด ในเวลานี้เองที่พวกเขาต่างก็ได้ตระหนักว่านายน้อยที่พวกเขารับใช้อยู่นั้นไม่ใช่คนธรรมดา

ทหารองครักษ์คนอื่น ๆ อาจไม่ได้สังเกต แต่ผู้บัญชาการทั้งสองผู้มีประสาทสัมผัสอันเฉียบคมต่างก็สัมผัสได้ว่าเงาที่ปรากฏก่อนหน้านี้เป็นตัวตนที่มาจากยุคโบราณ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังมหาศาลจนพวกเขาไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะยืนหยัดต่อสู้กับมันได้

แม้แต่มาร์ควิสคาร์เตอร์ ก็ยังไม่เคยทำให้พวกเขารู้สึกกลัวจนหมดสิ้นหนทางได้ถึงขนาดนี้มาก่อน!

พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าโรเอลสามารถควบคุมตัวตนที่มีอำนาจเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่แสดงให้เห็นว่าเขามีศักยภาพมากมายมหาศาลอยู่ในมือ ถ้าโรเอลยังคงเติบโตขึ้นในอัตรานี้ต่อไป เขาจะต้องประสบความสำเร็จได้อย่างไม่น่าเชื่อในอนาคตแน่ ๆ!

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้เดิร์กก็หายจากอาการงุนงงได้ในที่สุด เขามองไปที่โรเอล ซึ่งมีเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอีกครั้งท่ามกลางฝุ่นผง แล้วรีบออกคำสั่งไปยังเหล่าองครักษ์ที่แข็งทื่อ

“พวกเจ้ามัวรออะไรกันอยู่? คิดจะให้นายน้อยจัดการแกะทองคำทั้งฝูงด้วยตัวคนเดียวรึไง? รีบก้าวออกไปสนับสนุนเขาได้แล้ว!”

“ร…รับทราบขอรับ!”

ทหารองครักษ์ของตระกูลแอสคาร์ดลงจากหลังม้า และรีบมุ่งตรงไปสนับสนุนโรเอลจัดการกับฝูงแกะทองคำในทันที เหล่าทหารราชองครักษ์เองก็เช่นกัน เมื่อพวกเขากลับมารู้สึกตัวได้ พวกเขาก็รีบตามทหารของตระกูลแอสคาร์ดไป

ไม่มีใครพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว พวกเขาได้ตระหนักแล้วว่า แม้ราชวงศ์จะมีพลังน่าเกรงขาม แต่ทางตระกูลแอสคาร์ดเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชวงศ์เลย อย่างน้อย ๆ เงาอันน่าสะพรึงกลัวที่พวกเขาเคยเห็นก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถพบได้ง่าย ๆ ในตระกูลขุนนางใด ๆ

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมองค์หญิงนอร่าถึงต้องการโรเอลเอาไว้เคียงข้างเธอ เด็กชายคนนี้นั้นมีความสามารถโดยแท้จริง

ราชองครักษ์แก้ไขความคิดของพวกเขามีต่อโรเอลอย่างรวดเร็ว

ระหว่างที่องครักษ์กำลังตั้งสติ โรเอลก็หันไปคุยกับกรันด้าและพบว่า ‘ม้าขาวที่มีบางอย่างแหลม ๆ โผล่ออกมาจากหัว’ นั้นได้สูญพันธุ์ไปแล้ว หลังจากการสนทนาจบลง เขาก็เริ่มเดินไปที่เหล่าแกะทองคำที่นิ่งราวกับเป็นอัมพาต

สัตว์อสูรเหล่านี้ดูเหมือนจะบอบช้ำจากรัศมีพลังอันมหาศาลของโรเอล เพียงแค่เขาเข้าใกล้พวกมัน เข่าของเหล่าแกะทองคำก็สั่นคลอนทรุดตัวลงกับพื้น

“นายน้อย ท่านกลับไปพักผ่อนก่อนไหมขอรับ? ปล่อยให้พวกเราจัดการเถอะ ข้าสัญญาว่าจะนำทุกสิ่งที่มีค่ากลับมาให้ได้โดยครบถ้วน!”

เดิร์กพุ่งเข้าหาโรเอลและทุบเกราะอกของเขาอย่างมั่นใจ ซึ่งโรเอลเองก็สังเกตเห็นได้ถึงความเคารพและความเป็นมิตรของผู้บัญชาการทหารองครักษ์ที่มีต่อเขา ก่อนจะพยักหน้ารับทราบ

ดูเหมือนว่าเราจะต้องแสดงฝีมือจริง ๆ สินะ พวกเขาถึงจะรู้ว่าเราแข็งแกร่งจริง ๆ สัตว์อสูรพวกนี้ปรากฏตัวออกมาได้ตรงจังหวะชะมัด!

กิจกรรมกลุ่มเช่นการล่าสัตว์เป็นอะไรที่สามารถสร้างความสนิทสนมกันในทีมได้เป็นอย่างดี หลังจากการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ในวันนี้ แม้แต่หัวหน้าทหารราชองครักษ์ก็ไม่สามารถแสดงสีหน้าเคร่งเครียดได้อีก ใบหน้าของทุกคนต่างเต็มไปด้วยรอยยิ้มราวกับว่าฤดูใบไม้ผลิมาถึง

โรเอลพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาเดินกลับขึ้นไปบนหลังม้าและกลับไปที่ขบวนรถม้าของตน เหล่าทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่กับขบวนรถก่อนหน้านี้หันมาหาเขา ด้วยท่าทีเหมือนจะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งโรเอลก็ตอบสนองด้วยการยกดาบขึ้นสูงและตะโกนออกมา

“พวกเราสามารถจัดการพวกมันได้ทั้งฝูง! คืนนี้พวกเราจะมาฉลองกัน!”

ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงเชียร์จะค่อย ๆ ดังขึ้นภายในขบวนรถม้า ไม่มีใครคาดคิดเลยว่านายน้อยจะใจกว้างถึงขนาดนี้ เนื้อของแกะทองคำนั้นถือเป็นอาหารอันโอชะที่บริการเฉพาะบนโต๊ะอาหารของเหล่าขุนนาง ตามปกติแล้วทหารและคนรับใช้อย่างพวกเขาแทบไม่มีโอกาสได้เห็นมันเลยด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับรับประทานมันร่วมกับพวกเขา

“ท่านพี่ ท่านคงจะเหนื่อย มาดื่มน้ำก่อนสิคะ”

อลิเซียหยิบขวดน้ำเล็ก ๆ มาจากแอนนาก่อนจะรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของโรเอลเพื่อยื่นมันให้กับเขา เมื่อเห็นสิ่งนี้ โรเอลก็รีบลงจากหลังม้าและดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ๆ สองสามอึก

อ่า น้ำที่น้องสาวส่งมาให้นี่มันช่างหอมหวานกว่าจริง ๆ!

หลังจากดับกระหายแล้ว โรเอลและอลิเซียก็แลกเปลี่ยนรอยยิ้มกันเล็กน้อย

การแสดงพลังอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความกลัว ส่วนการใช้รางวัลอย่างไม่ลดละเองก็เป็นการจูงใจผู้อื่นที่คิดฉวยโอกาส

การปลูกฝังความภักดีจำเป็นต้องใช้ทั้งความกลัวและรางวัลอย่างสมดุลและชาญฉลาด ด้วยตำแหน่งอันทรงเกียรติของโรเอล และศักยภาพที่เขาแสดงออกมาให้เหล่าทหารเห็น น่าจะไม่มีใครในที่นี้คิดที่จะต่อต้านเขาอีกแล้ว

ถ้าโรเอลสามารถเปลี่ยนองครักษ์เหล่านี้ให้เป็นคนของตัวเองได้ เขาจะมีอำนาจเหนือกว่าเจ้าหน้าที่และขุนนางคนอื่น ๆ มาก เมื่อกลับไปที่เขตการปกครองแอสคาร์ด