ตอนที่ 120 : ฝูงอสูรแพรรี่ด๊อก

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 120 : ฝูงอสูรแพรรี่ด๊อก

หวังเย่าทำการสำรวจมาจนเหนื่อย สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะพัก

เขาใช้ใบมีดลมขุดไปที่กำแพงภูเขาและสร้างถ้ำขึ้นมา

หวังเย่าพักที่นั่นตลอดทั้งคืน แผนการสำรวจที่นี้ของเขาจะใช้เวลา 10 วัน

เขาเริ่มย่างเนื้อวัวที่เตรียมมา ถึงเขาจะกินเยอะแต่ก็ยังมีเนื้อเหลืออยู่อีกมาก ทุกครั้งที่กินเขาจะรู้สึกว่าพลังกายนั้นฟื้นฟูขึ้นมาเต็มที่

ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เมื่อตั้งใจฟังดูดี ๆ ก็พบว่าเสียงนี้มันดังขึ้นมาจากพื้น

“ไม่ดีแล้ว”  หวังเย่ามองไปที่พื้นและสงสัยว่าอะไรที่ทำให้เกิดเสียงนี้ขึ้นมา

เสียงนี้ดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานพื้นดินก็ปูดขึ้น ไม่สิ มันไม่ใช่ปูดแต่มันมีบางอย่างที่กำลังจะพุ่งออกมาจากพื้นดิน มันเป็นสัตว์อสูรรูปร่างคล้ายกับกระรอก ปรากฏตัวต่อหน้าหวังเย่า

“นี่มัน…. แพรรี่ด๊อกหรือกระรอกดินงั้นหรือ ? ”

เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่รู้จักมัน แต่เมื่อใช้ระบบตรวจสอบก็พบว่าอสูรพวกนี้เก่งในเรื่องการขุดเจาะ สกิลของมันคล้ายกับตุ่นแต่ต่างกันที่แพรรี่ด๊อกนั้นเก่งในดินที่อ่อนนุ่ม มันสามารถสร้างบ้านอยู่ในดิน แต่ก็ไม่ได้สวยงามอะไรเท่าไหร่

ยิ่งไปกว่านั้น แพรรี่ด๊อกนี้ก็ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว พวกมันมีรังขนาดใหญ่อยู่ใต้ดิน

เมื่ออ่านข้อมูลของมันจบ หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะสงสัย เขาอยากเห็นรังของมัน

“กรร”   แพรรี่ด๊อกหวาดกลัวขึ้นมา มันบุกเข้ามาในถ้ำของหวังเย่าโดยไม่ได้ตั้งใจ มันอยากจะหนี แต่สุดท้าย ก็ไม่อาจจะหนีไปได้เพราะได้กลิ่นเนื้อย่าง แท้ที่จริงแพรี่ด๊อกเป็นสัตว์กินพืช แต่เพราะมันเป็นอสูร มันจึงกินเนื้อเป็นอาหารเช่นกัน

หวังเย่าได้ฉีกเนื้อชิ้นเล็ก ๆ ให้กับมันเพื่อดูว่ามันจะกินรึไม่

ผลก็คือแพรรี่ด๊อกนั้นเป็นนักกินตัวยง มันกระโดดเข้ามาและกินเนื้อนั้นด้วยท่าทีพอใจ

หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา  แพรรี่ด๊อกนี่น่าสนใจ เขาอดไม่ได้ที่จะตรวจสอบสกิลของมัน

สกิล : 1.ขุด  2. ก่อสร้าง 3. ตรวจจับเสียง

แม้ว่าแพรรี่ด๊อกนี่จะอยู่แค่ระดับเงิน แต่สกิลตรวจจับเสียงของมันก็ทำให้หวังเย่าประหลาดใจ

ตรวจจับเสียง : ส่งคลื่นเสียงออกไปตรวจสอบสิ่งรอบตัว มันอาจจะถูกใช้ในการสำรวจเหมืองได้

หวังเย่านึกถึงหลักการเรื่องคลื่นเสียงทันที ในชีวิตที่แล้วมันมีหลักการที่ว่าใช้คลื่นเสียงในการสำรวจบ่อน้ำมัน, เหมืองแร่และก๊าซธรรมชาติ

“ถ้าฉันใช้สกิลนี้ได้ งั้นฉันก็น่าจะหาของมีค่าหรือสถานที่ต่าง ๆ เจอ แต่มันก็คงกินเวลามากเช่นกัน”  หวังเย่าส่ายหน้า เขาไม่คิดจะเสียเวลาไปกับของพวกนี้ ยังไงซะเขาก็ไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรในการดูแลสัตว์อสูร แต่เขาก็ยังอยากทำสัญญากับ แพรรี่ด๊อกเพื่อที่เขาจะได้ไปตรวจสอบที่รังของมัน

อย่างไรก็ตามเขาสามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรที่นี่แล้วค่อยยกเลิกตอนที่จะออกจากที่นี่ก็ได้

สำหรับอสูรตัวที่สี่ของเขานั้น หวังเย่ายังไม่คิดถึงเรื่องนั้น อย่างมากเขาก็จะทำสัญญาชั่วคราว ยังไงซะระดับของแพรรี่ด๊อกก็ต่ำเกินไป เขาไม่ได้สนใจมันนัก

การมาที่เมืองหัวเซี่ยนี้ทำให้มุมมองเขาเปิดกว้างขึ้นมา เขาไม่ใช่หวังเย่าคนเดิมอีกต่อไป

เพื่อนร่วมชั้นของเขาที่ทำสัญญากับอสูรระดับทองแดงและเงินนั้นถูกเขาโยนทิ้งไปแล้ว รึจะบอกว่าการที่เขาได้เข้ามาในโลกระดับที่สูงกว่า ทำให้มุมมองของเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

เมื่อคิดแบบนั้นหวังเย่าก็ได้ใช้สิทธิ์ของระบบโดยการใช้เลือด 3 หยดในการทำสัญญากับแพรรี่ด๊อกทันที

จากนั้นเขากับแพรรี่ด๊อกก็มีการเชื่อมต่อกัน เขารู้สึกได้ถึงอารมณ์อึดอัดของแพรรี่ด๊อก เขาได้หยิบเนื้อย่างชิ้นสุดท้ายและโยนให้มันทันที จนแพรรี่ด๊อกลืมความกลัวและรีบวิ่งเข้ามากิน

หวังเย่าไม่ได้รีบร้อน เขาให้แพรรี่ด๊อกกินจนอิ่มเพื่อจะพัฒนาความภักดีของมัน ตราบใดที่ความภักดีเพิ่มขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว  แพรรี่ด๊อกก็จะรู้สึกเชื่อใจเขามากกว่าเดิม และมันอาจจะพาเขาไปที่รังของมัน

แม้ว่าหวังเย่าจะฝืนทำสัญญากับมันได้ แต่ถ้าเป็นในรังของมัน ถ้าพวก แพรรี่ด๊อกรู้ว่าเขาบังคับทำสัญญา งั้นเขาคงโดนมองแบบไม่ดี ยังไงซะพวกมันก็มีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง  หวังเย่าหวังว่าจะได้รับการต้อนรับในฐานะแขกจะดีกว่า

เขาให้แพรรี่ด๊อกกินเนื้อย่างกว่า 15 กิโลกรัมจนมันกินต่อไม่ไหว ท้องของมันป่องขึ้นมา ความภักดีของมันก็เพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง มันได้คลานเข้ามาหาพร้อมกับเอาหัวมาถูกับเท้าของหวังเย่า

หวังเย่าลูบหัวมันก่อนจะส่งข้อความบอกว่าอยากจะไปที่รังของมัน

 แพรรี่ด๊อกลังเลเล็กน้อยก่อนที่หัวของมันจะเปลี่ยนเป็นสว่าน ตัวของมันแข็งขึ้นราวกับเหล็ก นี่คือวิธีการป้องกันตัวของพวกมันในการขุดรูเพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ

 แพรรี่ด๊อกหดตัวลงและขุดออกจากถ้ำไป  หวังเย่าใช้สกิลอำพรางของการ์ฟิลด์ เพื่อย่อตัวลงก่อนจะตามแพรรี่ด๊อกเข้าไป

ยิ่งกว่านั้นเขาก็ได้ใช้สกิลของแพรรี่ด๊อกด้วย ระหว่างทางเขาได้ใช้สกิลตรวจจับเสียงพร้อมกับได้รับข้อมูลต่าง ๆ กลับมา

“นี่มัน”  ไม่นานหวังเย่าก็ตรวจจับถ้ำด้านหน้าได้ เขาเข้าใจทันทีว่าไม่นานเขาจะได้เข้าไปในถ้ำของแพรรี่ด๊อกแล้ว

ดูเหมือนว่ามันไม่ได้อยู่ลึกมากนักแค่อยู่ในดินลงมา 100 เมตรเอง หวังเย่าได้เปิดการทำงานของหน้ากากเพื่อที่จะหายใจได้อย่างปกติ

เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีแพรรี่ด๊อกอีกตัวโผล่ขึ้นมา  แพรรี่ด๊อกตัวนั้นพูดคุยกับแพรรี่ด๊อกที่ทำสัญญากับหวังเย่า คล้ายกับจะถามว่ามันไปไหนมาและได้อะไรมาบ้าง

หลังจากที่พูดคุยกันได้ไม่นาน แพรรี่ด๊อกตัวนั้นก็ได้มองไปที่หวังเย่า  มันผงะถอยกลับไปพร้อมสายตาที่แสดงความกลัวออกมา

หวังเย่าเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เขาไม่รู้ว่ามันจะเข้าใจรึไม่ ถ้ามันเข้าใจรอยยิ้มของเขาได้ มันคงกลัว

แต่ด้วยการอธิบายของแพรรี่ด๊อกที่ทำสัญญากับหวังเย่า ทำให้หวังเย่าถูกมองว่าเป็นแขกและถูกต้อนรับเข้าไปในรังของมัน

“นี่มันวังใต้ดินชัด ๆ ”   หวังเย่าทึ่งกับสถาปัตยกรรมในรังแห่งนี้ มันดูหรูหรา แม้ว่าจะมีถ้ำอยู่มากมายแต่ก็ดูเป็นระเบียบ

ในฐานะแขกแล้วพวกแพรรี่ด๊อกจึงออกมาต้อนรับหวังเย่า และได้เชิญเขาไปยังโถงขนาดใหญ่ซึ่งเหมือนกับห้องโถงมันมีขนาด 2 เอเคอร์และจุพวก แพรรี่ด๊อกได้หลายร้อยตัว

“นายท่าน นี่ราชา”  แพรรี่ด๊อกได้แนะนำให้กับหวังเย่า

หวังเย่าพยักหน้าให้กับแพรรี่ด๊อกเลเวล 40 ระดับลอร์ดด้วยท่าทีเป็นมิตร ก่อนจะเอาเนื้อย่าง 50 กิโลกรัมออกมา

เนื้อนี่เป็นอสูรระดับจักรพรรดิมีพลังงานอย่างมาก เมื่อแพรรี่ด๊อกกินมันเข้าไปแล้วก็จะได้รับพลังงานที่สูง   แพรรี่ด๊อกที่ทำสัญญากับเขากินเนื้อนี่ไปถึง 15 กิโลกรัมจนทำให้เลเวลเพิ่มขึ้นมา 2 เลเวล

ทันทีที่ดึงเนื้อออกมาต่อหน้าแพรรี่ด๊อกพวกนี้ พวกมันก็ตาเป็นประกายพร้อมกับน้ำลายที่ไหลออกมา

“ขอบคุณ”  ราชาแพรรี่ด๊อกได้พูดขึ้น  “ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติ ฉันตัดสินใจว่าจะให้บางอย่างที่มีค่ากับนายเพื่อเป็นการตอบแทน”