เล่มที่ 4 บทที่ 118 เรื่องราวในอดีตของสกุลเยว่

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

ทันทีที่เข้าประตูมา ได้เห็นท่านลุงเยว่นั่งอยู่บนเก้าอี้

    ทั้งที่เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วันเท่านั้น ทว่าท่านลุงเยว่กลับแก่ลงมาก

    “ท่านพ่อ ท่านพ่อ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

    เยว่ฉีวิ่งเข้าไปหาอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ ตอนนี้นางไม่ร้องไห้แล้ว

    “ฉีเอ๋อร์ พ่อไม่เป็นไร พี่สาวของลูกเป็นอย่างไรบ้าง?”

    ตั้งแต่เกิดเรื่องกับเยว่ถิง ท่านลุงเยว่ขังตัวเองไว้ในกระโจม ไม่ว่าข้างนอกจะซุบซิบนินทาเช่นไร แต่เขาเชื่อว่าลูกสาวของตนเองไม่มีทางทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้น

    แต่เวลามิอาจย้อนกลับ เขาเพียงรู้สึกว่าตนเองไม่มีหน้าไปพบใครที่ไหน

    “ท่านพี่นาง….นางไม่เป็นไรเจ้าค่ะ พี่หลินดูแลนางอย่างดี คนของจวนอวี้ดูแลนางอย่างดีเจ้าค่ะ”

    เหลือบมองหลินเมิ้งหยา เยว่ฉีเก็บซ่อนสีหน้าเศร้าหมองของตนเอง

    พี่หลินพูดถูก นางคือความหวังเดียวของท่านพ่อในตอนนี้ ดังนั้น นางจะต้องเข้มแข็ง นางจะไม่มีวันทำให้ใครหัวเราะเยาะสกุลเยว่ได้

    “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ พ่อมีเรื่องอยากพูดกับชายาอวี้”

    เยว่ฉีพยักหน้าลง กลับออกไปอย่างว่าง่าย

    ในกระโจมของสกุลเยว่เหลือเพียงหลินเมิ้งหยาและท่านลุงเยว่

    “ท่านลุงเยว่วางใจเถิด หากพี่เยว่ถิงอยู่กับข้า นางจะไม่มีวันรู้สึกทุกข์ใจอีก”

    หลินเมิ้งหยานั่งลงบนเก้าอี้ ส่งเสียงปลอบโยน

    ทว่า ท่านลุงเยว่กลับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าแสดงออกให้เห็นถึงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

    “ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้าเอง ความผิดของข้าเอง”

    เสียงสั่นเครือ เจือไว้ซึ่งความรู้สึกเสียใจ หลินเมิ้งหยาเลือกที่จะเงียบ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าท่านลุงเยว่จะพูดเรื่องในอดีตเมื่อสิบปีก่อนขึ้นมา

    “อันที่จริงถิงเอ๋อร์และฉีเอ๋อร์มิใช่ลูกสาวของฮูหยินเยว่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือมิใช่ลูกสาวของนังหญิงใจร้ายคนนั้น”

    สัญชาตญาณสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

    แม้สกุลเยว่จะมีภรรยาอนุมากมาย แต่ทุกคนล้วนมีเหตุผล

    ตอนฮูหยินเยว่อายุยังน้อย แม้ใบหน้าจะงดงาม การศึกษาสูงส่ง แต่นางเป็นคนเอาแต่ใจ

    เป็นไปได้อย่างไร…

    “ตอนที่ข้าแต่งงานกับเหมยอี้ ชีวิตคู่ของพวกเราเป็นไปอย่างเรียบง่ายสงบสุข แม้นางจะให้กำเนิดถิงเอ๋อร์และฉีเอ๋อร์ซึ่งเป็นลูกสาวทั้งสองออกมา แต่ชีวิตรักของพวกเราก็ยังหวานซึ้งสวยงาม จนกระทั่งฤดูร้อนเมื่อสิบปีก่อนมาเยือน”

    ตอนนั้น หลังจากคลอดเยว่ฉีแล้ว ร่างกายของฮูหยินเยว่อ่อนแอเป็นอย่างมาก

    กลับไปพักผ่อนที่บ้านของแม่ตนเองระยะหนึ่ง ต่อมาได้ยินข่าวร้ายที่ว่าน้องสาวของฮูหยินเยว่จมน้ำตาย

    ฮูหยินเยว่และน้องสาวฝาแฝดรักกันมาก นางมิอาจทนต่อความเจ็บปวดได้ ร่างกายจึงย่ำแย่มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นนางจึงอยู่พักฟื้นที่บ้านราวครึ่งปี

    เหตุเพราะท่านลุงเยว่รักใคร่ฮูหยินเยว่มาก ดังนั้นจึงตอบตกลง

    แต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ฮูหยินเยว่กลับมาจากบ้าน นิสัยของฮูหยินเยว่จะเปลี่ยนไป

    ฮูหยินเยว่ที่เคยร่างกายอ่อนแอมักจะมอบหมายงานให้กับคนรับใช้ทำแทนเสมอ

    แม้คนรับใช้จะทำได้ไม่ดี แต่นางกลับพูดเพียงไม่กี่ประโยคเท่านั้น

    แต่หลังจากที่รักษาตัวกลับมา นางตีคนรับใช้ตายไปถึงสองคน ยิ่งไปกว่านั้น สาวใช้ทั้งสองล้วนเป็นคนสนิทของนาง

    ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ สิ่งเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่หลวงที่สุดคือทัศนคติที่ฮูหยินเยว่มีต่อลูกสาวทั้งสอง

    ท่านลุงเยว่ที่มีรูปร่างหน้าตาสง่างามถูกฮูหยินเยว่ดึงดูดความสนใจไปจนหมด อันที่จริง สาเหตุหลักก็เพราะความอ่อนโยนและจิตใจที่โอบอ้อมอารีของนาง

    ลูกสาวคนโตถูกนางอบรมสั่งสอนจนอุปนิสัยใจคอเปลี่ยนไปเหมือนแม่ของตนเอง

    กิริยามารยาทงดงามตั้งแต่เด็ก

    แต่หลังจากที่ฮูหยินเยว่กลับมา ไม่เพียงไม่พูดจากับลูกสาวคนโต แต่นางกลับพยายามหาเหตุผลมาทรมานลูกสาวเสมอ

    แม้จะถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด ทว่าเยว่ถิงกลับยิ่งโดดเด่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

    แต่ฮูหยินกลับยิ่งรู้สึกไม่พึงพอใจ

    ปฏิบัติกับลูกสาวเข้มงวดอย่างไร ฮูหยินเยว่ยิ่งแสดงกิริยาท่าทางหยิ่งผยองกับท่านลุงเยว่มากขึ้นเท่านั้น

    แต่ถึงกระนั้นฮูหยินเยว่เป็นคนที่ตัวเองรัก ตอนแรกเขาคิดว่านางต้องการทำเพื่อลูกสาว ดังนั้นอุปนิสัยจึงเปลี่ยนไป

    แต่คิดไม่ถึงเลยว่าความรักที่มีให้จะยิ่งทำให้ฮูหยินเยว่ได้ใจมากกว่าเดิม

    ลูกที่เกิดจากภรรยาอนุซึ่งถูกเลี้ยงดูพร้อมกับสองพี่น้องหลายคนถูกฮูหยินเยว่ไล่ออกไปเลี้ยงด้านนอกจวน

    อีกทั้งยังหักค่าใช้จ่ายรายเดือนของภรรยาอนุเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติ

    หากท่านลุงเยว่รู้สึกไม่พอใจ ฮูหยินเยว่จะร้องห่มร้องไห้ชักแม่น้ำทั้งห้า เหตุเพราะรักภรรยาของตนเองมาก ดังนั้นท่านลุงเยว่จึงมิอาจทนเห็นนางเสียใจได้

    “คนเราแม้จะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือนิสัย ตกลงนางคือฮูหยินเยว่จริงหรือ?”

    หลินเมิ้งหยาเอื้อนเอ่ย หลังจากได้ยินเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้

    ท่านลุงเยว่พยักหน้าลงก่อนจะเอ่ยต่อ

    “ข้าเองก็เคยสงสัยเช่นนี้ เคยได้ยินว่าน้องสาวของฮูหยินเองก็มีนิสัยเอาแต่ใจเช่นนี้ อีกทั้งนางยังเป็นน้องสาวฝาแฝดของฮูหยินข้า ตอนแรกข้าคิดว่านางถูกสลับตัวหรือไม่ น้องสาวของฮูหยินยังมิได้ออกเรือน ทว่าฮูหยินของข้าคลอดลูกแล้วถึงสองคน ดังนั้นข้าจึงสั่งให้เหวินผ๋อมาตรวจสอบ”

    เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของท่านลุงเยว่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย

    “เหวินผ๋อเอ่ยว่าร่างกายของฮูหยินเคยผ่านการมีลูกมาก่อน ดังนั้นข้าจึงเก็บความสงสัยนั้นเอาไว้ในใจ ทว่า หลังจากเกิดเรื่องกับถิงเอ๋อร์ ความคิดของฮูหยินทำให้ข้ายิ่งมั่นใจในความคิดของตนเอง หญิงคนนี้จะต้องไม่ใช่เหม่ยอี้ของข้าอย่างแน่นอน”

    ใช่แล้ว จะมีแม่คนไหนป่าวประกาศเรื่องที่ลูกสาวตัวเองถูกข่มขืนกันเล่า?

    หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด นางยังจำคำพูดของท่านพ่อและพี่ชายที่บอกว่าฮูหยินเยว่เป็นคนอ่อนโยนได้

    เพราะเหตุนั้นจึงยอมให้พี่ชายหมั้นหมายกับพี่เยว่ถิง

    พอมาถึงตอนนี้ ฮูหยินผู้นั้นมิได้ใกล้เคียงกับคำว่าอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย

    “ท่านลุงกำลังสงสัยว่ามันแปลก ๆ ใช่หรือไม่?”

    ท่านลุงพยักหน้าลง ใบหน้าเผยความเจ็บปวดออกมาให้เห็น ทว่าดวงตากลับมุ่งมั่น

    “ข้าและเหม่ยอี้มีความรู้สึกดีต่อกัน หลายปีที่ผ่านมา หญิงคนนั้นทำลายความงดงามของเหม่ยอี้ในใจของข้าทีละน้อย ดังนั้นข้าอยากให้ชายาอวี้ช่วยเหลือข้าสักครั้ง”

    หลินเมิ้งหยาพยักหน้า เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดก็เข้าใจ

    งอเข่าเล็กน้อย ถวายคำนับ ในสายตาของผู้อื่น นางคือชายาอวี้ผู้เจิดจรัส

    แต่ในสายตาของท่านลุงเยว่ นางคือคนรุ่นหลังที่รู้เรื่องรู้ราวและเข้าใจในทุกสรรพสิ่ง

    “ท่านลุงโปรดวางใจ เมิ้งหยาจะหาความจริงและตะกุยเส้นทางให้สกุลเยว่ให้ได้”

    กล้าสลับตัวอย่างนั้นหรือ! หลินเมิ้งหยาเดินออกจากกระโจมสกุลเยว่ ความโกรธพวยพุ่ง ไม่มีสิ่งใดมาหักล้างได้

    ผ้าคลุมสีฟ้าพลิ้วไหวไปมาตามการขยับร่างกายของนาง

    ความเย็นยะเยือกที่กำลังแผ่ซ่านออกจากร่างบางทำให้ผู้คนรอบบริเวณสงบปากสงบคำลง

    ไม่มีใครรู้เลยว่าเหตุใดชายาอวี้จึงมีท่าทางโกรธเกรี้ยวเช่นนี้หลังจากออกจากกระโจมสกุลเยว่

    เสมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว

    เหตุใดพี่เยว่ถิงจึงถูกวางยา เหตุใดจึงไม่มีใครพบว่าพี่เยว่ถิงหายตัวไป เหตุใดฮูหยินเยว่จึงร้องป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรับรู้

    นั่นก็เพราะ หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ของพี่เยว่ถิง บางทีนางอาจเป็นเพียงน้าสาวของพี่เยว่ถิงเท่านั้น!

    เพราะเหตุนี้ฮูหยินเยว่จึงคัดค้านการแต่งงานของพี่เยว่ถิงและพี่ชาย

    ที่แท้นางก็มิใช่แม่แท้ๆ ของพี่เยว่ถิง!

    พิจารณาสิ่งที่ตนเองกำลังครุ่นคิดอีกครั้ง หากพี่เยว่ถิงรู้เรื่องนี้ นางอาจจะยิ่งเสียใจมากกว่าเดิม

    หลินเมิ้งหยาครุ่นคิด หมุนตัวมุ่งหน้าไปทางกระโจมของหลงชิงหาน

    “ชายาอวี้เสด็จ…”

    ขันทีส่งเสียงรายงาน ชายทั้งสองที่อยู่ในกระโจมหยุดงานในมือลง หันหน้ามาทางประตู

    ร่างบางซึ่งอยู่ในผ้าคลุมสีฟ้าเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา หน้านิ่วคิ้วขมวด แม้แต่หลงชิงหานที่ยังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย

    บทสนทนาเอ่ยแซวพลันถูกกลืนลงท้องไปในทันที

    ฮือฮือ เหตุใดสองคนนี้จึงชอบไปๆ มาๆ กระโจมของเขานัก

    อีกทั้ง…เขายังมิอาจปฏิเสธได้อีก

    “ท่านอ๋อง หม่อมฉันอยากจัดการเรื่องบางอย่างที่นี่ ได้หรือไม่เพคะ?”

    หลินเมิ้งหยาขอร้องหลงเทียนอวี้ ผู้รับฟังทำเพียงพยักหน้า ทั้งสองเมินหลงชิงหานที่กำลังนอนอยู่บนเตียงไปโดยปริยาย

    “ท่านทั้งสอง ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นกระโจมของข้ามิใช่หรือ?”

    ควรจะมีเหตุผลหน่อยสิ! เขาเป็นเจ้าของนะ เหตุใดจึงไม่มีใครสนใจเขาเลยเล่า

    อยู่ๆ ความเย็นชาจากทั้งคู่พลันพุ่งมาทางหลงชิงหาน

    เมื่อถูกโจมตีทางสายตา เขาทำได้เพียงแกล้งนอนตายบนเตียงอย่างว่าง่าย

    “ข้าเมาแล้ว เชิญพวกท่านตามสบายเลย เชิญ!”

    สวรรค์โปรด เหตุใดโลกใบนี้จึงมีคนไร้เหตุผลเช่นนี้อยู่

    หลงเทียนอวี้เมินน้องชายซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียง เลื่อนสายตามาหยุดลงที่หลินเมิ้งหยาด้วยความสงสัย

    ใครทำอะไรนางกันนะ?

    “ชิงหู อยู่หรือไม่?”

    “แน่นอนอยู่แล้ว ที่ใดมีเจ้า ที่นั่นย่อมมีข้า”

    ร่างสูงโปร่งงดงามพลันปรากฏขึ้นด้านหลังของหลินเมิ้งหยา ดวงตางดงามดั่งลูกท้อกวาดมองชายหนุ่มอีกสองคนในห้อง

    ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้าหลินเมิ้งหยาพร้อมทั้งรอยยิ้ม

    “ข้าต้องการให้เจ้าไปตรวจสอบอะไรบางอย่าง ทำตามคำขอร้องข้างใน ได้ผลยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

    หลินเมิ้งหยาถกแขนเสื้อขึ้น หยิบจดหมายปิดผนึกฉบับหนึ่งขึ้นมา

    ท่านลุงเยว่เขียนที่อยู่และลักษณะทางกายภาพของร่างกายเอาไว้ เขาสงสัยว่าคนที่ตายไปอาจจะเป็นฮูหยินเยว่ตัวจริง

    ดังนั้น หลินเมิ้งหยาจึงต้องการให้ชิงหูไปตรวจสอบเรื่องนี้ เหตุผลแรกเพราะเขาเป็นคนเชื่อถือได้ อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะนางไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้

    “ได้ แค่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าข้าไปแล้วใครจะดูแลเจ้า?”

    นับตั้งแต่วันที่รู้ว่าเย่คอยดูแลหลินเมิ้งหยา ชิงหูจึงออกไปทำเรื่องอื่นๆ อย่างสบายใจ

    แต่มิได้สังเกตเลยว่า คำพูดของเขาจะทำให้หลงเทียนอวี้โมโห

    ทันทีที่สิ้นเสียงลง สีหน้าของหลงเทียนอวี้เคร่งขรึมทันที

    “วางใจเถิด ต่อให้เจ้าตาย ชายาของข้าก็ยังสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างแน่นอน”

    น้ำเสียงของหลงเทียนอวี้เจือไว้ซึ่งความเย็นชา

    ราวกับว่า เพียงพริบตาเดียวเขาก็สามารถเข้าไปกระชากคอชิงหูได้อย่างไรอย่างนั้น

    น่าเสียดาย หลินเมิ้งหยาที่กำลังหมกมุ่นอยู่ในความคิดของตนเองมิได้สังเกตเห็นเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้

    “วางใจเถิด ข้าจะคอยดูแลตัวเอง เจ้ารีบไปรีบกลับ ระวังตัวด้วย”

    ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ แต่สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ก็คือ ฮูหยินเยว่และไท่จื่อจะต้องรวมหัวกันอย่างแน่นอน