ภาคที่ 3 บทที่ 62 เตรียมการ (1)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 62 เตรียมการ (1)

เมื่อออกจากกรมพลังต้นกำเนิด ซูเฉินก็ไม่ได้ออกมาพร้อมกับอวิ๋นเป้า แต่ยังมีต้วนเฟิงและคนอื่น ๆ ตามออกมาด้วย

สุดท้ายสิงซาเป่ยก็ยอมก้มหัวให้

เขาไม่อาจทำอะไรได้ อีกฝ่ายมีอวิ๋นเป้าคอยส่งเรื่อง ส่วนซูเฉินรายงานเนื้อหา หากเรื่องแดงขึ้นมาสิงซาเป่ยคงไม่อาจรับผิดชอบได้

สิงซาเป่ยรู้ว่าเหตุใดซูเฉินจึงยอมถอย เพราะสุดท้ายครั้งนี้ซูเฉินแค่มารับคนคืนเท่านั้น

หากเขายังดื้อดึงต่อไป ไม่ว่ากองเรือจะถูกปล้นจริงหรือไม่ สิงซาเป่ยก็ไม่ได้เปรียบ ส่วนต้วนเฟิงและคนอื่น ๆ ก็อาจตายอยู่ในคุกได้

คิดปะทะกับซูเฉินเพราะเรื่องต้วนเฟิงและคนอื่น ๆ นับว่ายังไม่คุ้มค่าพอ

หากซูเฉินพยายามถึงที่สุดแต่ไม่อาจช่วยคนได้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของเขา อย่างไรสุดท้ายก็ได้ใจคนไปอยู่ดี

แต่หากสิงซาเป่ยไม่รามือ ไม่เพียงเบื้องบนจะหย่อนข้อกล่าวหาจะใส่หัวเขา แต่ยังจะเสียความภักดีจากเหล่าลูกน้องอีกด้วย

ดังนั้นแม้จะดูเหมือนว่าเขามีทางเลือก แต่จริง ๆ ก็เลือกได้ทางเดียวเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ต้องทำเหมือนคดีได้รับการสืบสวนสอบสวนอยู่ดี ส่วนจะนานเท่าไรนั้นก็กล่าวได้ยาก

หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ต้วนเฟิง และคนอื่น ๆ ก็ถูกปล่อยออกจากคุก

แม้จะถูกสิงซาเป่ยขังไว้หลายวัน สภาพไม่ดีเท่าไรนัก แต่ก็ยังแข็งแรงดี กระนั้นก็ยังลำบากอยู่บ้าง ตามร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย

โดยเฉพาะต้วนเฟิงที่ถูกทรมานสาหัสกว่าคนอื่น เขากัดฟันเอ่ยว่า “ข้าไม่มีทางปล่อยสิงซาเป่ยไปแน่ ! ผู้จัดการความรู้ซู ท่านต้องแก้แค้นให้พวกเรา !”

“ข้ารู้แล้ว เรื่องนี้ข้าจัดการเอง พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนรักษาตัวเถอะ” ซูเฉินกล่าว ก่อนจะมอบยาให้คนละขวด

ยานี้สามารถรักษาแผลได้ แต่พลังงานจิตที่เสียไปต้องค่อย ๆ ใช้เวลาให้ฟื้นคืนดังเดิม

หลังจากจัดการเรื่องต้วนเฟิงและคนอื่น ๆ แล้ว ซูเฉินก็บอกลาอวิ๋นเป้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์เจ้าเมือง

คนที่คฤหาสน์เจ้าเมืองจำซูเฉินได้แต่ไกล รีบเชิญเข้ามาด้านในทันที

อันซื่อหยวนกำลังอาบแดดอยู่ในสวนดอกไม้ด้านหลัง ศีรษะล้านเลี่ยนส่องสะท้อนแสงอาทิตย์แสบตานัก

เมื่อเห็นซูเฉินมาถึง อันซื่อหยวนก็หัวเราะ “ในที่สุดก็ออกมาสักที”

“ซูเฉินคำนับท่านเจ้าเมือง”

“เอาล่ะ ไม่ต้องมากพิธี เจ้ารู้เรื่องในกรมพลังต้นกำเนิดแล้วกระมัง ?”

“ขอรับ”

“บัดซบจริง ครั้งนี้ความผิดข้าเอง ไม่อาจเอาตำแหน่งเจ้ากรมมาให้เจ้าได้ กรมพลังต้นกำเนิดจะได้กลับไปอยู่ในกำมือพวกมันแล้วทีนี้” อันซื่อหยวนส่ายหัวถอนใจ

แต่ซูเฉินสงบท่าทีใจเย็นนัก “ไม่ได้ตำแหน่งเจ้ากรมนั้นต่างจากไม่ได้กรมพลังต้นกำเนิดมาไว้ในมือ สองอย่างนี้แตกต่างกัน”

อันซื่อหยวนหัวเราะเสียงดัง “ดี กล่าวได้ดี ! ดูท่าใจเจ้ายังสู้อยู่เต็มร้อย”

“ได้ประมือกับคนอื่นนับเป็นเรื่องสนุก ในเมื่อตระกูลสายเลือดชั้นสูงอยากสร้างปัญหาให้ข้า ข้าก็ไม่เกรงใจจะสู้กับพวกเขาสักตั้ง” ซูเฉินตอบกลั้วหัวเราะ

จากนั้นก็อธิบายเรื่องก่อนหน้านี้ให้ฟังโดยคร่าว

เมื่อได้ยินว่าต้วนเฟิงและคนอื่น ๆ ถูกช่วยออกมาแล้ว อันซื่อหยวนก็โล่งอก “เจ้าช่วยพวกเขาแล้วนี่เอง ดีมาก แม้เรื่องนี้ข้าจะอยากช่วย แต่ก็มีกำลังคนไม่มากพอ เจ้าจัดการได้เองก็ดีแล้ว แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป ?”

ในฐานะเจ้าเมืองแล้ว การถามถึงแผนต่อไปเช่นนี้ นับว่าไว้หน้าและให้ค่าซูเฉินมาก

ชายหนุ่มเอ่ย “แม้สิงซาเป่ยจะเป็นเจ้ากรม แต่ครึ่งปีมานี้ข้าก็ไม่ได้เสียเวลาไปเปล่า หากเขาคิดสั่งคนตามอำเภอใจข้าก็จัดให้เขาเป็นหุ่นเชิดได้ อย่างไรพวกเราก็ทำเพียงต่อสู้กัน ไม่มีใครเกรงกลัวใคร”

อันซื่อหยวนเป็นเจ้าเมือง แต่ก็ถูกสิบตระกูลสายเลือดชั้นสูงทำให้กลายเป็นหุ่นเชิดไปเสียตั้งนานใช่หรือไม่ ?

สิงซาเป่ยไม่ใช่หลิ่วอู๋หยา ในฐานะคนมาใหม่ หากคิดจะทำให้คนในกรมพลังต้นกำเนิดเชื่อฟังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นแน่

ขุนนางทั้งหลายต่างมีแผนการในหัวตนเอง คอยบ่อนทำลายคนอื่น ๆ อยู่ตลอด ที่สำคัญที่สุดคือใครจะได้หัวเราะเสียงดังเป็นคนสุดท้าย

โลกของผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดที่เป็นขุนนางนั้นก็รวมถึงกลลวงมากมายที่รุนแรงกว่าเล็กน้อย แต่แก่นแท้ก็ยังไม่แปรเปลี่ยน

“ยังมีเรื่องที่สำคัญกับข้ากว่าการรับมือสิงซาเป่ยอยู่” ซูเฉินเอ่ยต่อ

“โอ้ ? เรื่องอะไรกัน ?” ได้ยินซูเฉินพูดเชนนั้นแล้ว อันซื่อหยวนก็เริ่มสนอกสนใจ

“กองกำลังปราบปราม !”

“กองกำลังปราบปราม ?” อันซื่อหยวนชะงักไป “เจ้าจะเอาไปปรามใครกัน ?”

“ย่อมเป็นพวกโจรสลัด” ซูเฉินเอ่ยตอบ “หลายปีมานี้ สิบตระกูลสายเลือดชั้นสูงรวมหัวกับโจรสลัดเพื่อครองเส้นทางน้ำและกิจการการค้าในเมืองธารน้ำใส บนพื้นดินพวกโจรก็คุมร้านค้า บนพื้นน้ำพวกโจรสลัดก็คุมเรือขนสินค้า โจรสลัดพวกนี้เป็นเขี้ยวเล็บของตระกูลสายเลือดชั้นสูงก็ว่าได้ หากเราต้องการจัดการพวกเขา ย่อมต้องถอดเขี้ยวถอนเล็บออกเป็นอันดับแรก”

“แต่การปราบโจรสลัดนั้นพูดง่ายกว่าทำมาก !” อันซื่อหยวนส่ายหัว “พวกโจรปะปนกับชาวบ้าน ยากจะชี้ตัวได้ โจรสลัดพวกนี้หลบซ่อนตามทางน้ำ เชี่ยวชาญการเดินเรือ ไปไหนมาไหนไร้ร่องรอย ในหมู่พวกมันคงจะมีผู้เยี่ยมยุทธ์คอยเสริมกำลังอยู่เป็นแน่ หากเราส่งคนไปมากเกินพวกมันก็จะซ่อน แต่หากส่งไปน้อยเกินก็สู้มันไม่ได้ เรื่องที่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงสมคบคิดกับพวกโจรนั้นยากจะจัดการนัก !”

“หากคิดระดมพลคนจากกองทหารหลิงหยวนเล่า ?”

อันซื่อหยวนส่ายหัว “กองทหารหลิงหยวนไม่ได้อยู่ในข่ายอำนาจของเมืองธารน้ำใส ข้าสั่งการพวกเขาไม่ได้ แม้ข้าจะมีสหายอยู่ในนั้น แต่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงก็มีเส้นสายเช่นกัน ข้าสั่งได้ส่วนหนึ่ง พวกมันก็เช่นกัน ก็หักล้างกันไปพอดี จะให้ใช้กองเรือของพวกเขาก็ยากนัก ! ไม่เช่นนั้นข้าจะปล่อยให้พวกมันเสนอหน้าอยู่จนถึงตอนนี้หรือ ?”

“หากเป็นเช่นนั้น……” ซูเฉินคิดครู่หนึ่ง “ไม่ปล่อยให้ข้าจัดการเล่า ?”

“เจ้าหรือ ?” อันซื่อหยวนตกใจ “เจ้าคิดกวาดล้างโจรสลัดหรือ ? แล้วเจ้าจะไปเอากำลังคนมาจากไหนกัน ? โจรสลัดพวกนั้นมีคนมากฝีมืออยู่ไม่น้อย รับมือไม่ง่าย อีกทั้งการต่อสู้บนน้ำมีความซับซ้อนมาก กระทั่งยอดยุทธ์ยังกำลังลดลงกว่าครึ่งหากตกลงน้ำเข้า”

ซูเฉินหัวเราะ “ข้ารู้ดี แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจ หากเราสู้กันบนบก ข้าก็มั่นใจพอกัน”

คำเหล่านั้นพอจะทำให้อันซื่อหยวนชะงักไปได้ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงพยักหน้า “ดูท่าเจ้าจะคิดคำนวณไว้นานแล้ว เอาเถอะ ข้าไม่ห้ามเจ้า แล้วเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่ ?”

ซูเฉินส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้อันซื่อหยวน “นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ”

อันซื่อหยวนเหลือบมอง ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย

ไม่ใช่เพราะซูเฉิน้องการของมากไป แต่เพราะมันน้อยไปต่างหาก

เขาเงยหน้ามองซูเฉิน “เท่านี้หรือ ?”

ซูเฉินพยักหน้า “หากท่านหามาให้ข้าได้ ที่เหลือข้าจัดการเอง”

อันซื่อหยวนจ้องอีกฝ่ายมีความนัย “เรือไม่กี่ลำกับอุปกรณ์ไม่กี่อย่างไม่มีปัญหาอะไร ข้าจัดหาให้เจ้าได้ แต่เรื่องกำลังคน ไม่ให้ข้าส่งคนไปให้เจ้าสักหน่อยหรือ ?”

ซูเฉินส่ายหัว “ขอบคุณท่านที่หวังดี แต่ข้ามีวิธีจัดการ”

อันซื่อหยวนช่วยเขาอาจตั้งอยู่บนความหวังดี แต่ก็ยังเจือด้วยเจตนาอื่นเช่นกัน

ตามแผนการของชายหนุ่มแล้ว สิ่งที่เขาจะทำลำดับต่อไปนับเป็นกำลังสำคัญของเขา เขาต้องการคนที่จะเชื่อฟังเขาโดยสมบูรณ์เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องใช้อำนาจจากคนอื่น ๆ อีก

อันซื่อหยวนมีหน้าที่ช่วยเขาหาของที่จำเป็นเท่านั้น เพราะอย่างไรร้านรวงส่วนใหญ่ในเมืองธารน้ำใสก็เป็นของสิบตระกูลสายเลือดชั้นสูง หากอยากซื้อหาของโดยปิดไม่ให้สิบตระกูลสายเลือดชั้นสูงรู้หรือยื่นมือเข้าแทรกนั้นยากเย็นนัก

“ดีมาก ข้าจะเตรียมของให้เร็วที่สุด” อันซื่อหยวนเก็บกระดาษแผ่นนั้นไป