“หลิวหลี ออกจากฌาณแล้ว เอ๊ะ พลังบำเพ็ญเพียรมากขึ้นไม่น้อยเลย” เสวียนหั่วจ้องมองหลิวหลีที่กลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรช่วงแยกร่างระยะปลายแล้ว วันเวลาไม่รอใครจริงๆ
“พอได้เจ้าค่ะ ข้าก็พอได้อะไรกลับมาบ้างเล็กน้อย ท่านอาจารย์ ในเมื่อข้าออกจากฌานแล้ว ท่านควรจะปรุงยาคืนวิญญาณได้แล้วกระมัง” หลิวหลีพูดอย่างร้อนรน
“ได้ ข้าเตรียมส่วนผสมเอาไว้หมดแล้ว 10 ปีมานี้ข้าเข้ากับท่านเอ๋าได้ไม่เลวเช่นกัน น่าจะร่วมมือกันได้” เสวียนหั่วมองเห็นความร้อนรนของลูกศิษย์ เสียเวลาไปอีก 10 ปีเสียแล้ว
“หลิวหลี อยากดูข้าปรุงยาระดับ 8 หรือไม่ ดูว่าเจ้าจะได้รับประโยชน์อะไรไปบ้าง” เสวียนหั่วค้นพบขึ้นมาในทันที ศิษย์ของเขาเป็นพวกที่เรียนรู้ด้วยตัวเอง และเป็นอย่างที่นางพูดจริงๆ ต้องปรุงยาเป็นพันครั้งถึงจะจับทางได้ อาจารย์ช่างทำเกินหน้าที่เสียจริงๆ
“เจ้าค่ะ” หลิวหลีตอบอย่างเปิดเผย นางตั้งหน้าตั้งตารอดูอาจารย์ปรุงยาเหลือเกิน
ขั้นตอนแรกของเสวียนหั่วไม่แตกต่างอะไรจากหลิวหลี แต่เสวียนหั่วจัดการพืชศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างคล่องแคล่วกว่า ทำให้หลิวหลีได้ความรู้ไม่น้อย ส่วนไฟที่เสวียนหั่วใช้คือลูกเพลิงอัคนีม่วง หลิวหลีตั้งใจดูทุกขั้นตอน จนกระทั่งกลิ่นยาโชยออกมา บนฟ้าพลันเกิดสายอัสนีบาตฟาดลงมา
“นี่มัน… คงไม่ใช่เพราะนังหนูที่ชะตาขัดลิขิตฟ้าจะบรรลุช่วงรวมกายาหรอกใช่ไหม แต่วิบากอัสนีบาตนี้เหมือนจะมีอะไรบางอย่างบอกไม่ถูก นั่นมันวิบากยาศักดิ์สิทธิ์ หรือว่านังหนูจะกลายเป็นนักปรุงยาระดับ 8 แล้ว” เสวียนอวี่เห็นวิบากอัสนีบาตที่หอปรุงยาจึงพึมพำกับตนเอง
เมื่อสำนักเมฆาคล้อยเห็นวิบากยาศักดิ์สิทธิ์ จึงพากันคิดว่าปีศาจหลิวหลีคนนี้จะกลายเป็นนักปรุงยาระดับ 8 แล้ว จึงทยอยกันออกมาดู
เมื่อหลิวหลีเห็นวิบากอัสนีวิบาตบนท้องฟ้า นี่คือเมฆวิบาก เสวียนหั่วที่กำลังปรุงยาอยู่ก็มาถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุด ไม่อาจแบ่งความสนใจออกไปได้แม้แต่นิดเดียว เอ๋าเลี่ยมองดูวิบาอัสนีบาตราวจ้องเหยื่อและเตรียมตัวทันที
จนเสวียนหั่วตะโกน ‘สำเร็จแล้ว’ และเก็บยาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ วิบากอัสนีบาตฟาดลงด้วยเสียงดังสนั่น เอ๋าเลี่ยชันตัวขึ้น เขาไม่ได้สัมผัสวิบากอัสนีบาตมานานแค่ไหนแล้ว รอบนี้ต้องลองสักหน่อย แต่นี่ มันช่างเจ็บเสียจริง
เขารับไปไม่กี่ครั้ง หลิวหลีก็รู้สึกยุบยิบในใจ
“อาเลี่ย ให้ข้าช่วย วางใจเถอะ ข้าไม่ฝืนหรอก” หลิวหลีพุ่งตะโกนไปบอกเอ๋าเลี่ย
เอ๋าเลี่ยคิดว่าตนเองยืนดูอยู่ข้างๆคงไม่เป็นไร จึงถอยออกมาอีกฝั่ง
หลิวหลีถูมือเข้าหากันขณะพุ่งเข้าไปหาวิบากอัสนีบาต แต่ก็ถูกอัสนีบาตฟาดลงจนใบหน้าบิดเบี้ยว แต่หลิวหลีลอบโคจรเคล็ดวิชา เอ๊ะ อาการบาดเจ็บภายในดีขึ้นบ้างแล้ว เป็นเช่นนี้นี่เอง
“นังหนูทำไมพุ่งเข้าไปอย่างดุเดือดแบบนี้นะ” เอ๋าเลี่ยเห็นหลิวหลีที่แม้จะโดนอัสนีบาตฟาดจนใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แต่กลับยังพุ่งเข้าไปอย่างห้าวหาญ หลิวหลีคงไม่ได้เข้าฌานจนสมองมีปัญหาหรอกกระมัง
“ใช่” เสวียนหั่วที่ดีขึ้นแล้วเล็กน้อย ก็ตกใจในความบ้าระห่ำของลูกศิษย์ ตนเป็นคนปรุงยาจึงได้รับแรงกระตุ้น แต่มีอะไรที่ไปกระตุ้นหลิวหลีเข้าหรือ เขาอายุหลายร้อยปีเพิ่งได้เป็นนักปรุงยาระดับ 8 หลิวหลียังมีอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ เหตุใดถึงได้ตื่นเต้นมากมายขนาดนี้
“หากนังหนูทรมานตัวเองแบบนี้ต่อไปซ้ำๆ อาการบาดเจ็บภายในจะยิ่งหนักขึ้นหรือไม่?” เอ๋าเลี่ยกังวลใจ แต่จากสัญญาณที่มากับพันธสัญญาบอกว่านางไม่เป็นอะไร ถ้าเช่นนั้นเหตุใดหลิวหลีถึงได้ตื่นเต้นกับวิบากอัสนีบาตนัก กล่าวได้ว่าตื่นเต้นจนเกินเหตุ
“คงจะไม่ ดูจากสีหน้าของหลิวหลีแล้วไม่เหมือนกับกำลังถูกฟาดจนเสียสติไปเลย” เสวียนหั่วเดา ศิษย์ของตนแค่ตื่นเต้นอย่างแปลกพิกล อีกทั้งอัสนีบาตเส้นเมื่อครู่นี้ก็ไม่ได้ฟาดลงถึงศีรษะ ประสาทเซียนน่าจะชัดเจนอยู่
หลิวหลีรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกาย น่าตื่นเต้นจริงๆ ยังคิดว่าจำเป็นต้องหาเปลวเพลิงเสียก่อนถึงจะแก้ปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บภายในได้ แต่กลับพบว่าวิบากอัสนีบาตนี้ก็ช่วยได้เช่นกัน ที่สุดแล้วนางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บภายในแล้ว ที่แท้อัสนีบาตเป็นของดีจริงๆ เสียดายที่นางไม่ใช่แกนวิญญาณอัสนี หลิวหลีรับอัสนีบาตอีกสาย แล้วใช้เพลิงอัคคีเปลี่ยนวิบากอัสนีบาตไว้ใช้ นางสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย จนวิบากอัสนีบาตสิ้นสุดลง เมฆก็สลายไป หลิวหลียังคงนั่งขัดสมาธิ ทำเอาเสวียนหั่วไม่กล้าเรียกนาง นังหนูทำอะไรกัน
“เสวียนหั่ว ข้ารู้สึกได้ หลิวหลีใช้วิบากอัสนีบาตรักษาอาการบาดเจ็บภายในร่างกายหมดแล้ว นางกำลังบรรลุช่วงพลัง” เอ๋าเลี่ยประหลาดใจอย่างมาก หลิวหลีชักจะใจกล้าเกินไปแล้ว เรื่องอันตรายเช่นนี้แน่นอนว่าต้องได้ผลลัพธ์ที่ดีแน่ แต่จะมุทะลุเช่นนี้ไปตลอดคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
“เจ้าช่างใจกล้าเสียจริง ทำเอาคนพบเห็นคงไม่เชื่อว่าเป็นนักปรุงยา” เสวียนหั่วเคืองเล็กน้อย เด็กคนนี้กล้าหาญเกินไป ทำเขาและท่านเอ๋าต้องมากังวลใจเช่นนี้
เมื่อสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังในร่างกาย หลิวหลีก็ดีใจอย่างมาก ระยะปลายขั้นสุดยอด ไม่เลวจริงๆ แต่ทว่า
“ท่านอาจารย์ๆ ยาคืนวิญญาณล่ะ” ท่านแม่นางต้องการยาอยู่
“ข้านึกว่าเจ้าลืมไปแล้ว” เสวียนหั่วพูดพลางถลึงตามองหลิวหลี
“ฮ่าๆ อาจารย์ท่านมองออกนี่นา” หลิวหลีแลบลิ้นแล้วพูด ปิดบังอาจารย์ไม่ได้จริงๆ
“อายุอานามข้าขนาดนี้แล้ว ย่อมต้องพอมองคนออกบ้าง”
“ฮ่าๆ” หลิวหลีไม่รู้จะพูดอะไรจึงแกล้งโง่หัวเราะโง่ๆไป
“นี่ ยาคืนวิญญาณ” หลิวหลีรับยาไปอย่างเคร่งขรึม
“อย่างที่คิดไว้ หลิวหลีเป็นอัจฉริยะจริงๆ นางเป็นนักปรุงยาระดับ8 แล้ว สวรรค์ปกปักษ์สำนักเมฆาคล้อยของข้าจริงๆ” เสวียนอวี่เห็นหลิวหลีกำลังถือยา ไพล่คิดว่านางจะเอาให้เสวียนหั่วดู รอดพ้นวิบากอัสนีบาตมาได้ นางต้องเป็นนักปรุงยาระดับ 8 แน่ สวรรค์ช่างรักใคร่นังหนูยิ่งนัก เพิ่งจะเข้าฌานไป พอออกจากฌานก็กลายเป็นนักปรุงยาระดับ 8 ไปแล้ว ทำให้ผู้คนประหลาดใจได้เสียทุกครั้ง
หลิวหลีมองอาจารย์อาเจ้าสำนักด้วยความสับสนงุนงง นี่มันอะไรกัน นางกลายเป็นนักปรุงยาระดับ 8 ตอนไหน นางเองก็เพิ่งจะทำความเข้าใจตอนดูอาจารย์ปรุงยา ยังไม่ทันไปแตะจุดเริ่มต้นของนักปรุงยาระดับ 8 เลย งุนงงจริงๆ
“ยินดีกับศิษย์น้องด้วย เจ้าเป็นผู้ถูกเลือกอัจฉริยะจริงๆ อายุขัยไม่ถึงร้อยปีก็ได้เป็นนักปรุงยาระดับ 8 แล้ว ข้าละอายใจเสียจริง” เสียงของเทียนเย่าดังลอยเข้ามา ทอดถอนใจกล่าว ‘คลื่นใหม่ซัดสู่คลื่นเก่า คลื่นเก่าถูกส่งมาอยู่บนชายหาดเนิ่นนานแล้ว’
ศิษย์พี่ไปถูกสิ่งใดกระตุ้นมา แต่ก็คงไม่มีคำตอบให้นาง นางไปอยู่กับพวกนักปรุงยาระดับ 8 ตอนไหนกัน ทำไมนางถึงไม่เห็นรู้เรื่องเลย
“ตอนนั้นศิษย์น้องทำถูกแล้วที่ไม่ไปอยู่หอสตรีเซียน หอสตรีเซียนจะปิดกั้นพรสวรรค์ของเจ้า” เทียนเซียนจื่อรีบเดินเข้ามา นางพูดในสิ่งที่ทำให้หลิวหลีมึนงงอย่างยิ่ง
“เดี๋ยวก่อน ท่านเจ้าสำนัก ศิษย์พี่ พวกท่านบอกว่าข้าเป็นนักปรุงยาระดับ 8 แล้ว เหตุใดข้าถึงไม่รู้เลยสักนิด” ต้องขอความเป็นธรรม นางแค่ยืนดูสิธีการปรุงยาระดับ 8 ไม่ได้ลงมือสักหน่อย
“ศิษย์น้องอย่าถ่อมตัวนักเลย ยายังอยู่ในมือเจ้าอยู่เลย” เทียนเย่าพูดพลางส่ายหน้า ศิษย์น้องช่างถ่อนตนนัก น่าเสียดายที่วิบากอัสนีบาตไม่ยอมให้เจ้าได้ถ่อมตัว
“ศิษย์พี่นี่คือ นี่เป็นเม็ดยาที่อาจารย์ปรุงให้ข้า ข้าไม่ได้เป็นคนปรุง” หลิวหลีส่ายหน้า เฮ้อ นางไม่ใช่นักปรุงยาระดับ 8 จริงๆ
“ฮะ นี่ไม่ใช่ยาที่ศิษย์น้องปรุงขึ้นมาเองหรือ?” หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เรื่องเข้าใจผิดนี้ก็จะไปกันใหญ่ ศิษย์ในสำนักล้วนเตรียมของขวัญมากมายเพื่อฉลองที่หลิวหลีได้เป็นนักปรุงยาระดับ 8 คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด
“ใช่ ท่านอาจารย์เป็นคนปรุง ข้ายังไม่ได้ใกล้ขอบเขตนักปรุงยาระดับ 8 ด้วยซ้ำ” หลิวหลีรีบทำให้เรื่องกระจ่าง เรื่องตลกนี้ไม่ตลกเอาเสียเลย
“แค่กๆ ที่พวกท่านรีบมาอย่างดีอกดีใจเช่นนี้ก็เพื่อมายินดีที่หลิวหลีได้เป็นนักปรุงยาระดับ 8 หรือ?” เสวียนหั่วที่ฟังอยู่ข้างๆมานานทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมาในที่สุด ทำไมหลิวหลีถึงปรุงยาระดับ 8 ได้ แล้วลืมเรื่องที่ตนเป็นนักปรุงยาระดับ 9 ไป แม้ว่าคนที่ถูกชมนั้นเป็นศิษย์ของเขา แต่ทำไมเขาถึงไม่ยินดีขนาดนี้
“ที่แท้ท่านอาจารย์ลุงก็เป็นคนปรุงยา คิดแล้วก็จริง พวกเราเอาเรื่องไม่ปกติทั้งหลายมาใส่ตัวหลิวหลีแล้วทำเหมือนเป็นเรื่องสมเหตุสมผลไปเสียหมด” เทียนเย่าเข้าใจได้ในทันที
“ศิษย์พี่ พวกท่านเข้าใจผิดกันจริงๆ ข้ายังไม่สามารถปรุงยาระดับ8 ได้ แล้วข้าก็เป็นแค่คนธรรมดาด้วย” คำว่า ‘คนธรรมดา’ สามคำในตอนสุดท้าย หลิวหลีเน้นเสียงหนักแน่นเป็นพิเศษ พวกเขาคิดมาได้ว่า พวกเขาคิดถึงแต่ด้านที่หลิวหลีเป็นผู้ถูกเลือก แต่ที่จริงนางก็มีเรื่องที่ทำไม่ได้เช่นกัน
“ข้าสับสนเอง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราขอตัวก่อน” เสวียนอวี่ขอตัว เข้าใจผิดแล้วยังต้องกลับไปปลอบลูกศิษย์ในสำนักที่ตื่นเต้นเรื่องหลิวหลีเป็นนักปรุงยาระดับ 8
“พวกเราก็ขอตัวลา” เทียนเย่ากับเทียนเซียนจื่อจากไปเช่นกัน
“ศิษย์เอ๋ย หน้าตาอาจารย์ถูกเจ้าแย่งไปแล้ว” เสวียนหั่วมองลูกศิษย์อย่างคับแค้นใจ มีลูกศิษย์เป็นผู้ถูกเลือก ทำให้ความสามารถของเขาถูกบดบังไปเสียหมด
“ฮ่าๆ ท่านอาจารย์ พวกเขาต้องรู้ถึงความเก่งกาจของท่านอาจารย์อยู่แล้ว นอกเสียจากพวกเขาจะไม่ต้องการยาระดับสูง” หลิวหลีมองสีหน้าคับแค้นใจของอาจารย์ก็อดพูดไม่ได้ และส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ที่เจ้าพูดก็จริง นอกเสียจากพวกเขาจะรอให้เจ้ากลายเป็นนักปรุงยาระดับ 8 ” เสวียนหั่วคิดว่างดให้ยาขั้นสูงกับพวกเขาก็เป็นความคิดที่ไม่เลวจริงๆ
“เช่นนั้นหรือ ท่านอาจารย์ ใช่สิ ถูกศิษย์พี่สร้างความวุ่นวาย อาจารย์ยังไม่ได้พักฟื้นร่างกายดีๆเลย” หลิวหลีเป็นห่วงสุขภาพของอาจารย์ตนเอง
“ศิษย์ข้าเจ้าช่างแสนดีนัก พวกศิษย์น่าเกลียดนั่นคิดว่าปรุงยาระดับ 8 ขึ้นไปนั้นง่ายดายนัก ถึงไม่เป็นห่วงเป็นใยข้าเลย” เมื่อนึกถึงความอ่อนโยนของหลิวหลี แล้วก็นึกถึงพวกน่ารังเกียจพวกนั้น เสวียนหั่วก็อดเสียดสีไม่ได้
หลิวหลีตัดสินใจไม่พูดอะไรอีก นางเก็บยาคืนวิญญาณเอาไว้ ดีจริงๆท่านแม่จะได้ตื่นเสียที นางอยากจะรีบเข้าไปในมิติและใช้ยารักษาท่านแม่ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา มิติของตนจะถูกเปิดเผยไม่ได้ ท่านแม่เองก็จะฟื้นที่นี่ไม่ได้ นางต้องเลือกเวลาที่ดีให้แม่ใช้ยา
“เอาเถอะ หลิวหลี ครั้งนี้ข้าสูญเสียพลังไปไม่น้อย คาดว่าต้องเข้าฌานอยู่หลายปี หากว่าเจ้ามีที่ๆอยากไปก็ไปเถอะ” เสวียนหั่วออกคำสั่ง ถึงอย่างไรเขาก็รู้ว่าลูกศิษย์ของตนอยู่เฉยๆไม่ได้
“อาจารย์ ท่านยังสบายดีอยู่หรือไม่” หลิวหลีกังวลเล็กน้อย
“วางใจเถอะ ข้าไม่เป็นไร ข้าจะออกจากฌานก่อนจะจัดการประลองรายชื่อผู้ถูกเลือกแล้วกัน” เสวียนหั่วบอกกำหนดเวลา
“อืม ข้าจะเป็นเด็กดี” หลิวหลีเกือบจะสาบานต่อสรวงสวรรค์
“ฮ่าๆ เจ้าบอกข้าว่าเจ้าเป็นนักปรุงยาระดับ 8 ยังดีเสียกว่า” เสวียนหั่วหัวเราะยกใหญ่พลางเดินไปเข้าฌาน
“อาจารย์จะหมายความว่าท่านคิดว่าเรื่องนางหัวอ่อนเหลวไหลกว่าเรื่องที่นางเป็นนักปรุงยาระดับ 8 หรือ”
……………………….……………………