ตอนที่ 116 ท่านแม่ฟื้นแล้ว

แม่ครัวยอดเซียน

“นังหนูเป็นเด็กดีเถอะ คราวนี้เจ้าคิดจะเข้าฌาณที่หอปรุงยาจนกว่าการจัดอันดับผู้ถูกเลือกจะเริ่มต้นขึ้นเลยหรือไม่” เอ๋าเลี่ยพูดขึ้นพลางมองดูบางคนที่บอกว่าตัวเองจะเป็นเด็กดี

“อาเลี่ย นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร ในฐานะที่เป็นคู่พันธสัญญาของข้า เจ้าไม่เชื่อข้าขนาดนี้เลยหรือเนี่ย” หลิวหลีปรายตามองเอ๋าเลี่ย ช้าก่อน แล้วเสี่ยวเทียนล่ะ

“เสี่ยวเทียนล่ะ ทำไมไม่เห็นเขาเลย?” ว่าที่สามีตัวขาวของนางล่ะ ทำไมถึงไม่ออกมารอรับนาง

“เหอะๆ นังหนู คิดถึงสามีที่ถูกเจ้าลืมไปนานกว่า 10 ปีขึ้นมาเหรอ วางใจเถอะ ตอนเจ้าเข้าฌานในปีที่ 2 เขาได้รับจดหมายจากทางบ้าน กลับไปแล้ว ข้าบอกเขาเรื่องที่เจ้าออกฌานแล้ว” เอ๋าเลี่ยพูดพลางใช้มือตบเข้าที่อก

“แบบนี้เอง” หลิวหลีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ออกฌานแล้วไม่ได้เจอเสี่ยวเทียน หงุดหงิดนิดหน่อย

“ท่านพี่ พี่เสร็จแล้วเหรอ” จื่อฉีรีบกลับมาเห็นหลิวหลีออกฌาน ก็รู็สึกดีใจเป็นอย่างมาก

“เอ่อ จื่อฉีโตขึ้นไม่น้อยเลย” จะว่าอย่างไรดีแต่ก่อนเป็นเด็กหนุ่มขาวใส ตอนนี้ดูมีความเป็นผู้ชายขึ้นมา ไม่เหมือนอดีตที่ดูเด็กหนุ่มที่ยังไม่เคยผ่านโลกมาก่อน

“ท่านพี่” พูดแล้วรู้สึกเขิน ๆ อย่างไรไม่รู้

“ใช่แล้ว ทำไมเจ้าไม่ใช้เวลาอยู่กับท่านอาอวี่ให้มากๆล่ะ ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้” หลิวหลีนึกถึงตอนที่ตัวเองเข้าฌาน จื่อฉีตามท่านอาอวี่กลับเผ่ากิเลน ว่าแต่ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้ ไม่ควรจะอยู่อ้อนพ่อแม่ต่ออีกสักพักหรือ

“เอ่อ ท่านพี่ อย่างไรเสียข้าก็เป็นคู่พันธสัญญาของท่านพี่ จะอยู่ห่างจากพี่นานไม่ได้” จื่อฉีนึกถึงพ่อแม่ที่เอาแต่หวานใส่กันของตัวเอง พวกเขา 10 ปีเจอกันไม่ถึง 10 ครั้ง ไม่เคยเห็นสามีภรรยาคู่ไหนที่วันๆ เอาแต่หวานกันเหมือนพ่อแม่ตัวเองเลย

“ฟังแล้วก็ดูมีเหตุผล แต่ว่า ข้าว่าจะกลับไปโลกอสูรเทพ” หลิวหลีลูบคางตัวเอง ทำไมจื่อฉีถึงพูดเก่งขนาดนี้นะ

“หา” จื่อฉีนิ่งค้างไป

ณ โลกอสูรเทพ

“ดังนั้นเจ้าจึงกลับมาอีก” เย่ฉีมองดูหลานชายของตัวเองที่เพิ่งไปไม่กี่วันก็คอตกกลับมา

“จริงสิ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าท่านพี่จะกลับมาโลกอสูรเทพ” จื่อฉีเสียใจเล็กน้อย มันรู้สึกเหมือนโดนท่านพี่ทำร้ายอย่างหนัก

“แล้วท่านพี่ของเจ้าก็ให้เจ้าอยู่กับพ่อแม่นานๆ ตอนจะไปแล้วถึงเรียกเจ้า” เย่ฉีมองดูหลานชายที่โดนทำร้ายความรู้สึก

“จริงด้วย” จื่อฉีกลับมาได้สักพักแล้ว พ่อแม่ของเขาก็ยังคงหวานกันไม่เสร็จ เดาว่าเขาจะไปหรือไม่ พวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

“นี่อาจื่อเจ้าไปฝึกวิชากับอาเยี่ยกลับมาแล้วเหรอ” อวี้หลินเห็นสองอาหลานนั่งอยู่ ก็นึกว่าเพิ่งฝึกฝนเสร็จแล้วกลับมา

จื่อฉีมองฟ้าไม่มีอะไรจะพูด ดูสิ พ่อแม่ของเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาออกไปแล้ว มองสีหน้าท่าทางของจื่อฉี เย่ฉีที่อยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะยกใหญ่ มีพ่อแม่ที่หวานกันขนาดนี้ สำหรับลูกแล้วก็ถือเป็นภาระไม่น้อย

ณ เผ่ามังกร เอ๋าป๋อเหวินมองดูหลิวหลีที่คงคิดว่าเผ่ามังกรเป็นบ้านของตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นมังกรหรืออย่างไร กลับมาที่เผ่ามังกรทุกครั้งเลย

“ท่านบรรพบุรุษ ท่านกลับมาแล้วเหรอ” ไม่ว่าเอ๋าป๋อเหวินจะก่นด่าในใจอย่างไร แต่ก็ต้องยิ้มรับอยู่ดี จะทำอย่างไรได้ ใครให้นังหนูนี่มีที่พึ่งเป็นคนใหญ่คนโตล่ะ

“อืม ผู้นำเผ่าเอ๋า ข้ามาเป็นแขกอีกแล้ว ของขวัญเล็กน้อยไม่ได้มากมายอะไร” หลิวหลีส่งของให้

“สิ้นเปลืองเปล่าๆ” รับของคนอื่นก็จะมือไม้อ่อนอย่างนี้ เอ๋าป๋อเหวินรับถุงเก็บของมา จะว่าไปแล้ว นังหนูคนนี้มีถุงเก็บของกี่ใบ ทุกครั้งที่ให้ของก็จะเป็นถุงเก็บของ กระทั่งมังกรตัวน้อยที่ยืมไปขอหมั้นหมาย ยังได้ยินมาว่าอสูรน้อยของเผ่าอื่นๆ ก็ได้เช่นนี้เหมือนกัน

“พอได้แล้ว นังหนูเจ้าจะเกรงใจทำไม มาเผ่ามังกรก็เหมือนกลับบ้าน ข้าจะเข้าฌาน ไม่รับแขก” เอ๋าเลี่ยทนความปลอมของทั้งสองคนไม่ไหว ก็เลยเข้ามาแทรกบทสนทนา แล้วพาหลิวหลีออกไป จากนั้นก็มีคำพูดที่ทำให้เอ๋าป๋อเหวินอยากจะฝังตัวเองลอยมาแต่ไกล

“เจ้าจะมัวแต่ไปพูดคุยกับตาแก่จอมปลอมนั่นอยู่ทำไม ในเผ่ามังกรเป็นที่ของข้า เจ้าเป็นคู่พันธสัญญาของข้า เดินมาก็ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”

เอ๋าป๋อเหวินเอามือกุมหน้าอก ‘ตาแก่จอมปลอม’ นั่นหมายถึงเขาเหรอ มองดูถุงเก็บของในมือ ไม่รู้ว่าคราวนี้ข้างในคืออะไร

 “เอ่อ หมูอบแห้ง หมูแผ่น ขวดขนาดเล็กที่อยู่ล่างสุด ยาระดับ 7 คุณภาพชั้นเลิศ 1 เม็ด” เอ๋าป๋อเหวินดูเสร็จก็คิดว่าทำไมนังหนูถึงขี้เหนียวแล้วล่ะ เขาจำได้ว่านังหนูให้ยาเม็ดศักดิ์สิทธิ์อย่างใจกว้าง แต่เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่านปรมาจารย์ของเขารู้สึกไม่ชอบเขา จึงนำยาคุณภาพชั้นเลิศกว่าร้อยเม็ดเปลี่ยนเป็นหมูอบแห้งกับหมูแผ่นแทน

เมื่อกลับไปถึงห้องเอ๋าเลี่ย ก็แขวนป้ายเข้าฌาน คนหนึ่งคนกับมังกรหนึ่งตัวปรากฏตัวขึ้นภายในมิติ มองดูมิติที่กลับมาดูมีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลิวหลีสูดหายใจลึก ยังดียังดี ไม่มีส่วนที่โดนทำลาย

“นายท่าน มาแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกแล้ว ถ้ายังมีอีก ข้าคงจะต้องเละเป็นโจ๊กแล้ว” โม่หรานเห็นนายท่านของตัวเองเข้ามาก็อดจะบ่นไม่ได้ ลืมไปหมดท่าทางโหดร้ายในอดีตของหลิวหลีไปจนหมดสิ้น

“เหอะๆ เรื่องนั้นมันก็มีสาเหตุอยู่ ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” หลิวหลีเอามือจับจมูก พูดเสียงอ่อย แฝงด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“นายท่าน ตอนนี้มิติคงจะทนการใช้งานของท่านไม่ได้ อีกอย่างนายท่าน ทั้งๆ ที่หยกชิ้นสุดท้ายก็อยู่ในมือของว่าที่สามีของท่าน ท่านขอมามิติก็จะสมบูรณ์แล้ว อย่างนั้นไม่ดีกว่าเหรอ” โม่หรานล่องลอยเมื่อถูกน้ำเสียงออดอ้อนของหลิวหลี

“เจ้าหมายความว่าข้าควรเอามา ทำให้เจ้าสมบูรณ์ แบบนี้จึงจะถูกใช่ไหม” น้ำเสียงของหลิวหลีเริ่มส่อแววคุกคาม ภูตอาวุธตัวนี้ถ้าไม่โดนเข้าสักหน่อยคงจะไม่หลาบจำ

“ใช่สิ” โม่หรานที่ยังไม่รับรู้ถึงความอันตราย ยังคงทำหน้าว่ามันควรจะต้องเป็นเช่นนั้น

“ข้าจะบอกอะไรให้เจ้านะโม่หราน ถ้าเจ้ายังมีความคิดนั้นอยู่ข้าก็ขอให้เจ้าลบมันทิ้งไปซะ ถ้าเสี่ยวเทียนยินดีให้ข้า เจ้าก็จะสมความปรารถนา หากเสี่ยวเทียนไม่ให้ข้า เจ้าเป็นอย่างนี้ก็พอแล้ว หากกล้าที่จะมีความคิดแบบนี้อีก ข้าก็ไม่ได้กลัวว่ามิตินี้จะไม่มีภูตอาวุธอยู่หรอกนะ” หลิวหลีจับไหล่โม่หรานแน่น แล้วพูดออกมาทีละคำ

“รู้แล้ว รู้แล้ว ข้าไม่กล้าแล้ว” ฮือ ฮือ ฮือ นายท่านเปลี่ยนเป็นจอมมารอีกแล้ว ทำไมเขาถึงลืมไปได้นะ

เมื่อเป็นเช่นนี้หลิวหลีถึงได้ยอมปล่อยเขาไป

“พาข้าไปหาท่านแม่” หลิวหลีชักสีหน้าพลางออกคำสั่ง

“ขอรับ” ฮือ ฮือ ฮือ จอมมารร้ายน่ากลัวมากๆ โม่หรานรีบนำทาง กลัวว่าถ้าตัวเองเดินช้าไปหนึ่งก้าว ก็อาจจะถูกจอมมารซ้อมจนน่วม

เมื่อมาถึงห้องของมารดา หลิวหลีนิ่งอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง ยกมือขึ้น วางมือลง แล้วก็ยกมือขึ้นใหม่ด้วยท่าทีหวาดกลัวน้อยๆ

“นังหนู ในเมื่อเจ้าเตรียมพร้อมแล้ว ก็ไม่ต้องลังเลแล้ว” เอ๋าเลี่ยเห็นความลังเลของหลิวหลี ถึงขนาดที่มีความหวาดกลัวซ่อนอยู่ นังหนูจะกลัวอะไร

“อาเลี่ย ให้ข้าสงบสติอารมณ์หน่อย” หลิวหลีพูดขึ้น นางอยากให้ท่านแม่ของนางฟื้นขึ้นมาแต่ก็กลัว เพราะว่าท่านแม่ของนางไม่ชอบท่านพ่อ เช่นนั้นก็อาจจะไม่ชอบตัวนางเองที่มีสายเลือดของบิดาอยู่ครึ่งหนึ่งหรือไม่นะ

“นังหนู นี่ไม่เหมือนเจ้าเลยนะ เจ้ากลัวอะไร ท่านแม่ของเจ้ารักเจ้า ไม่เช่นนั้นคงไม่วางแผนเพื่อเจ้าขนาดนี้หรอก” เอ๋าเลี่ยพูด เขาสัมผัสได้ว่านังหนูรู้สึกกลัวสิ่งที่จะเกิดหลังจากที่แม่ของนางฟื้นขึ้นมาแล้ว

“มันก็ใช่ ท่านแม่รักข้า” หลังจากหลิวหลีฟังคำเตือนของเอ๋าเลี่ย นึกถึงสิ่งที่ท่านแม่ของนางวางแผนให้นางที่โลกมนุษย์

หลิวหลียกมือขึ้นมาดันประตู แม่ของนางยังอยู่ดี เพียงแต่หลับใหลราวเจ้าหญิงนิทรา

“นายท่าน หากใช้น้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์จากบ่อน้ำวิญญาณจะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า” เมื่อเห็นหลิวหลีเตรียมจะป้อนยาให้มารดา โม่หรานก็พูดขึ้น

“ไปเอามา” หลิวหลีดึงมือที่ถือยากลับมา

โม่หรานทำตัวน่ารัก รีบวิ่งไปเอามาตามที่หลิวหลีสั่ง

แล้วป้อนยาศักดิ์สิทธ์กับน้ำแร่ศักดิ์สิทธิ์ให้มารดา นางรอแม่ลืมตาขึ้นมาด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง แล้วใจนางก็สงบลงอย่างประหลาด

หลงซินเยว่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังหลงทาง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน จนกระทั่งมีเสียง ๆ หนึ่งเรียกนาง มีแสงแสงหนึ่งพยายามนำทางนาง หรืออาจจะพูดได้ว่าพยายามล่อลวงนางให้ไปยังทิศทางหนึ่ง ตอนแรกหลงซินเยว่ไม่ได้สนใจมากนัก แต่ว่าเสียงนั้นก็เรียกนางไม่หยุด เรียกดังขึ้น ทำให้นางต้องเคลื่อนไหว นางเดินไปตามเสียง คือใครกันนะ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ แสงก็ยิ่งสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังจะดูดนางเข้าไป หลงซินเยว่จำเป็นต้องเอามือขึ้นมาบังไว้ จนกระทั่งแสงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าไม่ได้แสบตาแล้ว เมื่อนางลืมตาขึ้น ก็เห็นสภาพแวดล้อมที่แปลกตา ด้านข้างมีคนอยู่ เมื่อหลงซินเยว่นึกขึ้นมาได้ก็พบว่าร่างกายตัวเองอ่อนแรงไปหมด ทำได้เพียงขยับลูกตาเท่านั้น แล้วเมื่อเห็นคนข้างเตียงชัดๆ ทำไมคนด้านข้างนั้นถึงมองนางด้วยความตื้นตันใจ อีกทั้งยังมีใบหน้าละม้ายนางหลายส่วน

“เจ้าคือใคร?” ใช่หลานสาวของตัวเองหรือเปล่านะ

“หลิวหลี หลงหลิวหลี เจอหน้ากันครั้งแรก สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านแม่” หลิวหลีเห็นว่าแม่ฟื้นขึ้นมาก็รู้สึกตื้นตันใจ แถมยังถามชื่อของนางด้วย

“หลงหลิวหลี ท่านแม่ เจ้าเป็นลูกข้า?” หลงซินเยว่พึมพำ สมองที่ไม่ได้ใช้การมากว่าสิบปีเพิ่งจะเริ่มมีปฏิกิริยา เด็กคนนี้คือลูกของนางกับคนผู้นั้น โตขนาดนี้แล้วหรือ

“เจ้าค่ะ ข้าคือลูกของท่าน ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปนี้ข้าจะปกป้องท่านเอง ตอนนี้ข้าเป็นผู้บำเพ็ญช่วงแยกจิตระยะปลาย ทั้งยังเป็นนักปรุงยาระดับ 7 อาจารย์ของข้าคือท่านปรมารจารย์เสวียนหั่ว สำนักเมฆาคล้อย คู่พันธสัญญาของข้าคือมังกรโลหิตในตำนานเอ๋าเลี่ยกับราชากิเลนม่วงจื่อฉี หากใครทำให้ท่านไม่พอใจ ข้าจะให้อาเลี่ยไปจัดการกับมัน” หลิวหลีรับรองกับท่านแม่ วางใจเถอะ ลูกสาวของท่านเก่งกาจมาก คู่พันธสัญญาก็สุดยอดยิ่งกว่า ใครทำให้ท่านไม่สบายใจ ข้าก็จะทำให้มันไม่มีความสุข ไม่มีเหตุผลอื่น ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเพราะนี่คือแม่ผู้ให้กำเนิดของนาง

เอ๋าเลี่ยฟังท่อนแรกก็รู้สึกอุ่นใจ พอมาถึงประโยคหลัง เขาเป็นถึงเทพแห่งสงครามลดตัวไปเป็นลูกไล่ตอนไหน นังหนู เจ้าทำเกินไปรึเปล่าเนี่ย

“เจ้าแซ่หลง ข้าจำได้ว่าในโลกมนุษย์บ้านนั้นแซ่หลี่ หรือว่าเจ้าใช้แซ่ตามข้า?” เห็นได้ชัดว่าหลงซินเยว่ไม่ได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวของตัวเองพูดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับสังเกตเพียงว่าลูกสาวของตัวเองแซ่หลง

“เจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าพ่อที่เป็นพ่อค้าขายผ้าอยู่บนโลกมนุษย์ไม่ใช่พ่อที่แท้จริงของข้า ท่านลุงมาเจอข้า ข้าจึงได้กลับไปที่สกุลเรา ท่านแม่” เอ่อ คำพูดของตนท่านแม่ไม่ได้ฟังเลย ก็จะรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

………………………………………………