ลู่ฝานก็กลืนน้ำลายพูดว่า “ทำไมคณะหนึ่งเดียวถึงได้แย่ขนาด?”

ลู่หมิงส่ายหัวพูดว่า “ยากจะประเมินเหมือนกัน ฉันได้ยินอาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่า ตั้งแต่ที่สถาบันสอนวิชาบู๊ก่อตั้งมา คณะสามแห่งแรกก็มีคณะหนึ่งเดียวแล้ว ตอนนั้นคณะหนึ่งเดียวเป็นหน้าเป็นตาของสถาบันสอนวิชาบู๊ มีลูกศิษย์ยอดฝีมือมากมาย ผู้คนต่างไม่รู้จักสถาบันสอนวิชาบู๊ รู้จักแค่คณะหนึ่งเดียว ต่อมา คณะหนึ่งเดียวก็ค่อยๆ ตกต่ำลง อยู่อันดับสุดท้ายทุกปี เหมือนกับไม่เคยมียอดฝีมืออยู่เลย แต่ว่า นักเรียนที่จบออกไปจากคณะหนึ่งเดียวนั้น ต่อมาก็ได้มีชื่อเสียงกันทั้งนั้น เป็นคณะที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน จะว่าแข็งแกร่ง ก็ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งที่จุดไหน จะว่าอ่อนแอ แต่ลูกศิษย์ก็ตั้งใจเอาการเอางานกันมาก อย่างน้อยก็ทำได้ดีหลังจากออกไปจากคณะ”

นิ่งไปสักพัก ลู่หมิงก็พูดต่อว่า “อีกอย่าง อาจารย์เต้ากวงของคณะหนึ่งเดียว เป็นคนนิสัยแปลกประหลาด อัจฉริยะที่คนอื่นๆ ชื่นชอบ เขากลับเบะปากใส่ แต่สำหรับคนที่อ่อนแอ คนที่ถูกคนอื่นรังแกทุกวันๆ นั้น เขากลับชอบและอยากจะไปสั่งสอน”

ลู่ฝานได้ฟังก็ขมวดคิ้วเบาๆ ฟังดูแล้วน่าสนใจดีเหมือนกัน

“แล้วนายอยู่ในสถาบันไหน?” ลู่ฝานถามๆ ไปอย่างนั้น

ลู่หมิงตอบว่า “ความสามารถพื้นฐานมีน้อย คะแนนการประลองได้น้อย ได้เข้าคณะนานา ใช่แล้วจางเยว่หานของตระกูลจาง ก็เป็นคนของคณะนานาเหมือนกัน ต่อมาก็ได้สนิทกับศิษย์พี่ในคณะบังเหิน ก็เลยให้เธอได้เข้าไปในคณะบังเหินด้วย เหอะๆ”

ลู่ฝานยักคิ้วขึ้นเบาๆ ไม่อยากจะวิจารณ์อะไร

ตอนนี้ กับข้าวก็มาวางครบแล้ว เจ้าดำไม่รอช้า เริ่มกินทันที ลู่ฝานกับลู่หมิงก็กินไปคุยกันไป ไถ่ถามเรื่องราวในสถาบันสอนวิชาบู๊ต่อไป

ในมุมมืดหนึ่งของห้องโถง ลู่ฝานกับลู่หมิงไม่รู้เลยว่า เถ้าแก่อ้วนของหอฝึกสัตว์แอบนั่งอยู่ตรงนั้น

ความมืดปกปิดลำตัวของเถ้าแก่อ้วนไปจนหมด เห็นลู่ฝานกับลู่หมิงคุยกันสนุกสนาน เถ้าแก่อ้วนก็สีหน้าไม่ดี

เดิมทีเข้าตั้งใจว่าคืนนี้จะมาขโมยเจ้าดำไป แต่คิดไม่ถึงว่า เวลานี้ลู่ฝานกับลู่หมิงยังไม่เข้าไปในห้องอีก แต่ออกมากินข้าวข้างนอก ดูเหมือนว่าเขาคงจะต้องรอไปอีกสักพักแล้ว

สายตาจับจ้องไปยังเจ้าดำที่อยู่บนหัวไหล่ของลู่ฝาน เภ้าแก่อ้วนยิ่งมองยิ่งอยากได้ สายตาจับจ้องจะเอามาให้ได้

สัตว์อสูรตัวนี้ ถ้าหากเขามองไม่ผิดไปล่ะก็ จะต้องเป็นมังกรครึ่งอสูรแน่นอน หายากมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือ มันยังเป็นลูกอสูรที่ยังไม่โตอีกด้วย

ขอเพียงสั่งสอนให้เชื่อง วันข้างหน้าจะต้องเป็นพาหนะที่แข็งแกร่งแน่นอน พลังไม่ด้อยกว่านักบู๊แดนปราณดิน หรือเหนือกว่านักบู๊แดนปราณฟ้าก็เป็นได้

ลูกอสูรแบบนี้ จะเอาเงินมาเปรียบเทียบกันได้อย่างไร มันมีค่าควรเมือง

เถ้าแก่อ้วนตัดสินใจ ว่าจะต้องสัตว์อสูรตัวนี้มาครอบครองให้ได้

เถ้าแก่อ้วนรอคอยอย่างสงบเพื่อให้ลู่ฝานกับลู่หมิงกลับห้อง แล้วเขาค่อยลงมือ แต่เขาไม่รู้เลยว่า คืนนี้ลู่ฝานกับลู่หมิงวางแผนไว้ว่าจะไม่กลับห้อง จะคุยกันตรงนี้จนถึงเช้า

คนรอบๆ ค่อยๆ จากไป หรือไม่ก็กลับห้องไปนอน หรือไม่ก็กลับบ้านกันไปหมดแล้ว

แต่ลู่ฝานกับลู่หมิงยังนั่งอยู่ที่นี่ สั่งเหล้ามาอีกไหแล้ว ไม่คิดจะลุกขึ้นไปไหนเลย

เถ้าแก่อ้วนก็ทนรอไม่ไหวแล้ว ไม่สู้อาศัยฟ้ามืดแบบนี้ เข้าไปแย่งชิงมาเลยดีกว่า อย่างไรเสียพอเสร็จเรื่องก็กัดฟันไม่ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นก็พอ ไอ้เด็กต่างถิ่นสองคนมันจะทำอะไรได้?

พอตัดสินใจแล้ว เถ้าแก่อ้วนก็เตรียมจะลงมือ

แต่ในตอนนี้เอง ก็มีเรือนร่างอ่อนช้อยเดินเข้ามา พอเห็นผู้หญิงคนนี้นั้น ตัวของเถ้าแก่อ้วนก็หยุดลง

“ยกกับข้าวมาเร็วๆ เอาของอร่อยๆ มาให้ฉันกินหน่อยซิ”

เสียงไพเราะเสนาะหู ทำให้คนที่ยังอยู่ในห้องโถงต้องหันไปมอง พอเห็นแล้วก็ตาเป็นประกาย

สาวสวยแบบนี้ หาชมได้ยากจริงๆ !

ลู่ฝานก็หันหัวไปมองเหมือนกัน พอเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแล้ว ลู่ฝานก็ตกใจขึ้นมาทันที

เธอไม่ใช่คนที่เขาซีซานคนนั้นหรอกหรือ……

ผู้หญิงคนนั้นก็มองไปรอบๆ เหมือนกัน แล้วก็สบตากับลู่ฝานพอดี

“นายนี่เอง/เธอนี่เอง!”

ลู่ฝานและผู้หญิงคนนั้นแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน

ผู้หญิงคนนั้นรีบลุกขึ้น แล้วพูดกับลู่ฝานว่า “หน็อยแน่ ดูซิครั้งนี้จะหนีไปไหนได้”

พูดไป ในมือของผู้หญิงคนนั้นก็มีมีดพกสีแดงดั่งไฟปรากฏออกมา แล้วตัวก็พุ่งไปยังฝั่งลู่ฝานอย่างเร็ว

ลู่หมิงตอบสนองไม่ทันท่วงที ก็เลยถูกผู้หญิงคนนั้นถีบลอยออกไป พลิกตัวบนอากาศ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็แทงปัดมีดพกลงไปยังตัวลู่ฝาน

ลู่ฝานก็ตอบสนองเร็วมาก ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นลงมือ ก็ชักกระบี่ด้านหลังออกมาแล้ว

เพล๊งๆๆ !

เสียงดังต่อเนื่องสามครั้ง ดูไปแล้วจะเหมือนมีดเพลิงไฟ แต่จริงๆ แล้วมีพลังระดับ30เปอร์เซ็นต์ สะเทือนจนแขนของลู่ฝานสั่นเล็กน้อย

วิชากระบี่หนัก สายลมทำลาย!

กระบี่หนักของลู่ฝานกวัดแกว่งอย่างแรง แล้วฟันไปทางผู้หญิงคนนั้น

อาวุธของทั้งสองคนปะทะกัน โต๊ะตรงหน้าถูกแรงสั่นสะเทือนจนแตกออก สองฝั่งก็ถอยกันออกไป3ก้าว

ตอนนี้เจ้าดำก็กระโดดขึ้นไปยังหัวไหล่ของลู่ฝาน ในปากก็มีเปลวไฟดำออกมา แล้วพ่นไปยังผู้หญิงคนนั้น

ผู้หญิงคนนั้นเห็นเจ้าดำกับเปลวไฟดำ ก็หน้าเสียไปทันที และในตอนนี้ เถ้าแก่อ้วนก็บุกออกมา

“คุณหนูฮ่วนเย่ว์!”

เถ้าแก่อ้วนตะโกนเรียก จากนั้นก็สะบัดมือปัดป้องเปลวไฟดำไว้

เปลวไฟดำถูกทำลายลงด้วยมือของเถ้าแก่อ้วน คนรอบๆ ก็ตกใจอึ้งกันไปหมด รีบหลบซ่อนกันพัลวัน บนชั้นสองก็มีคนชะโงกหัวกันลงมือดูว่าเกิดอะไรขึ้น

ในที่สุดลู่หมิงก็ลุกขึ้นมาแล้ว ฮ่วนเย่ว์ก็เตะไปอีกที เกือบจะทำให้เขาเดินไม่ได้

มองดูเถ้าแก่อ้วน แล้วก็มองฮ่วนเย่ว์ ลู่หมิงกัดฟันพูดว่า “ที่แท้ พวกเธอก็เป็นพวกเดียวกัน”

ฮ่วนเย่ว์ขมวดคิ้วพูดว่า “พวกเดียวกันอะไร ไอ้อ้วน แกเป็นใคร?”

ใบหน้าอ้วนๆ ของเภ้าแก่อ้วนก็กระตุกๆ เขาไม่อยากจะโผล่ออกมาจริงๆ แต่ก็ต้องพุ่งเข้ามา เลยพูดไปว่า “คุณหนูฮ่วนเย่ว์ ผมคือเถ้าแก่ของหอฝึกสัตว์ใน เมืองตงซาน ผมชื่อสวีตาน”

ฮ่วนเย่ว์ตอบรับ แล้วก็พูดว่า “หอฝึกสัตว์งั้นหรือ เข้าใจแล้ว นายหลบไปก่อน ฉันกำลังคิดบัญชีกับหมอนี่อยู่”