บทที่ 148 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 148

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

มองไปที่ฝ่ายตรงข้ามอยู่พักใหญ่ๆ หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจแล้วจากนั้นก็ล้มเลิกความคิดที่จะประจันหน้ากับอีกฝ่ายไป แต่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ได้

มันจำเป็นที่นางจะต้องรีบหาเหตุผลที่ถูกพบเช่นนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกนางทั้งคู่คงจะถูกจับได้ในอีกไม่เร็วก็ช้าเป็นแน่

แล้วทั้งสองคนก็ได้ซ่อนตัวด้วยกันตลอดทาง ซึ่งไม่ว่าจะเขาจะตั้งใจหรือไม่ หลินซีเหยียนก็ได้เพ่งความสนใจไปที่ชายคนนั้น แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมีพิรุธเลยแม้แต่น้อย

“นั่นมันพวกเขาไม่ใช่เรอะ?”

หลังจากที่ถูกพบอีกรอบ หลินซีเหยียนก็ได้รีบวิ่งหนีและคิดถึงปัญหานี้ในใจของนาง และด้วยเหตุนี้เขาก็ได้ไล่ตามนางตลอดทั้งบ่าย ราวกับนางเป็นคนร้ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

“ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ ข้าว่าพวกเราจะควรจะแยกทางกัน แล้วโอกาสรอดของพวกเราจะสูงกว่า”

หลินซีเหยียนที่พิงเข้ากับต้นไม้เพื่อหอบนั้น ถึงแม้ว่าเวลานี้นางจะเหนื่อยอ่อน แต่ดวงตาที่ใสแจ๋วของนางก็ไม่ได้ห่างไปจากชายคนนั้นเลย

ในสายตาของอีกฝ่ายเอง ก็มองไปที่นางอย่างไม่เห็นด้วย “ข้าจะต้องคอยตามดูเจ้า หากว่าเจ้าพบท่านแม่ทัพก่อน และอาจทำอันตรายท่านแม่ทัพได้”

ท่าทีที่ไม่ให้ความร่วมมือของอีกฝ่ายนั้นทำให้ดวงตาของหลินซีเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วนางก็ได้จ้องไปที่ฝ่ายตรงข้ามแล้วเว้นระยะห่าง จากนั้นริมฝีปากสีชมพูของนางก็ได้เปิดออกเล็กน้อย “ถ้าข้าเป็นคนไม่ดีจริงๆ ท่านก็คงไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่แล้ว”

“ก็จริงอยู่ที่ข้อสงสัยนี้ข้าเองก็อธิบายไม่ได้ แต่เจ้าอย่าคิดนะว่าเหตุผลแค่นี้จะทำให้ข้าเชื่อเจ้าได้น่ะ”

หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลง แล้วจากนั้นก็เดินเข้าไปหาทหารคนนั้นอย่างช้าๆ “ขาของเจ้าข้าคงจะไปตัดสินให้ไม่ได้ แต่ถ้าเจ้าตามข้ามาได้ ข้าก็จะให้เจ้าตามก็แล้วกัน”

หลังจากที่พูดจบหลินซีเหยียนก็ได้วิ่งหนีไป ส่วนทหารคนนั้นก็คิดที่จะตามไป แต่ทว่าทีมค้นหาก็ได้โผล่มาเสียก่อน ซึ่งกันเขาไม่ให้ไล่ตามหลินซีเหยียนได้

ทหารคนนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลบซ่อนตัว แล้วรอให้ทีมค้นหานั้นจากไปอย่างเงียบๆ

จริงๆแล้วหลินซีเหยียนนั้นรู้ถึงการมาของทีมค้นหาตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว นางจึงแกล้งบอกให้ตามมา แต่จริงๆแล้ว หลินซีเหยียนนั้นไม่ได้หนีไปไหน แต่แอบอ้อมไปด้านหลังของทหารคนนั้นอย่างเงียบๆ

ถ้าทหารคนนี้เป็นสมาชิกของกองทหารเกราะดำจริงๆก็จะไม่มีอะไร แต่ถ้าไม่ใช่แล้วล่ะก็นางจำเป็นที่จะต้องจัดการเรื่องนี้โดยด่วน และจะปล่อยให้ตัวอันตรายเช่นนี้ไปหากองทัพเกราะดำไม่ได้

หลังจากที่ทีมค้นหาจากไป ทหารคนนั้นก็ยังไม่ออกไปแต่กลับยังคงอยู่ที่เดิมอย่างทำอะไรไม่ถูก

เมื่อทหารคนนั้นไม่เคลื่อนไหวไปไหน หลินซีเหยียนก็ไม่ไป แล้วนางก็ได้ปีนต้นไม้ต้นหนึ่งอย่างเงียบๆ และหูของนางก็เต็มไปด้วยเสียงของจักจั่น

“คนที่เจ้าพบอยู่แถวๆนี้ใช่ไหม?”

มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา หลินซีเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกเมื่อนางได้ยินเสียงนี้ แล้วอู๋จื้อเฟิงก็ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่คาดคิด ซึ่งทำให้นางนั้นหายใจช้าลงด้วยความกลัวว่าจะถูกพบ

คนของอู๋จื้อเฟิงก็ได้รายงานสถานการณ์ไปอย่างตรงไปตรงมา แล้วอู๋จื้อเฟิงก็ผงกหัวแล้วบอกให้เขาออกไปค้นหารอบๆอย่างถี่ถ้วน หลังจากนั้นสักพักก็เหลือเขาอยู่ตรงนั้นแค่คนเดียว

“ออกมา!” อู๋จื้อเฟิงที่อยู่ตรงนั้นก็ตะโกนออกมา ทำให้หลินซีเหยียนอดไม่ได้ที่จะตกใจกับเสียงที่เย็นยะเยือกของเขา

ถูกพบแล้วงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้ถ้าถูกพบแล้ว ทำไมเขาถึงไม่บอกให้ลูกน้องมาตามจับนางล่ะ? ในเวลานี้หลินซีเหยียนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย

นางยังไม่ลงไป ด้วยความกลัวว่าจะอีกฝ่ายนั้นอาจจะหลอกนางก็ได้

การมองดูการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ แล้วค่อยตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น คือสิ่งที่คนฉลาดเขาทำกัน

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังปลอบหัวใจดวงน้อยที่กำลังหวาดกลัวของตัวเองอยู่นั้น ทหารจากกองทัพเกราะดำคนนั้นก็ได้เดินออกมา แล้วจากนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าของอู๋จื้อเฟิงด้วยสีหน้าที่ให้ความเคารพ

“ลูกพี่ใหญ่ขอรับ ข้าขอโทษขอรับ ข้าปล่อยเขาคลาดสายตาจนได้ขอรับ”

เมื่อหลินซีเหยียนได้ยินเช่นนี้ ก็มีแววตาแจ่มแจ้งปรากฏในดวงตาของนาง แล้วก็เริ่มรู้สึกยินดีในใจของนาง โชคดีที่ก่อนลูกพี่ใหญ่จะมาที่นี่ นางได้แยกทางจากเขามาก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นเกรงว่าในเวลานี้นางคงถูกพวกเขาจับตัวไปแล้ว!

อู๋จื้อเฟิงก็ได้มองด้วยสายตาที่แหลมคมของเขา เจ้าสวมชุดของกองทัพเกราะดำและเดินไปเดินมาอยู่ในภูเขาอูอวิ๋นก็ตั้งนานแล้วแต่เจ้ายังไม่พบคนอื่นๆของกองทัพเกราะดำอีกงั้นเรอะ?”

ชายคนนั้นก็ได้ส่ายหัวด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวเล็กน้อย “นอกจากเจ้าเด็กนั่นที่หนีออกมาแล้ว ข้าก็ไม่พบใครคนอื่นเลยขอรับ”

“แค่สองวันเท่านั้นเองหลังจากที่เยี่ยจุนเจี๋ยพาคนหนีออกไปได้ แต่ข้ากลับไม่พบพวกมันแม้แต่เงา” ความอดทนของอู๋จื้อเฟิงนั้นกำลังจะหมดลงแล้ว แล้วน้ำเสียงที่ใจเย็นของเขานั้นก็ได้หายไปแล้ว

หลังจากนั้นสักพักดูเหมือนว่าเขาจะระบายอารมณ์ได้มากพอแล้ว เขาก็ได้มองไปที่ทหารเกราะดำคนนั้นแล้วกล่าว “เจ้าไปหลบซ่อนตัวต่อได้แล้วไป ข้าไม่อยากเชื่อว่าข้าจะตามหาพวกมันไม่พบ”

“รับทราบ” แล้วชายคนนั้นก็ลูกขึ้นยืนแล้วไปหลบซ่อนที่พุ่มไม้เมื่อสักครู่ต่อ

เพราะอู๋จื้อเฟิงนั้นยังคงอยู่ที่นี่ และคนคนนั้นก็ดูระวังตัวอย่างมาก หลินซีเหยียนจึงไม่กล้าที่จะขยับไปไหน แม้แต่น่องของนางก็เริ่มที่จะเหน็บกินแล้วก็ตาม

นางมองไปที่อู๋จื้อเฟิงอย่างใจเย็น แล้วครุ่นคิดเรื่องนี้ในใจของนางอย่างต่อเนื่อง นางนั้นกล้าพูดได้ว่าอู๋จื้อเฟิงคนนี้ฉลาดมากจริงๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะนางได้ยินบทสนทนาที่ทั้งสองคนคุยกัน หลินซีเหยียนคงไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าอู๋จื้อเฟิงนั้นคิดที่จะใช้ทหารเกราะดำปลอมเพื่อสาวตัวไปหาตัวแม่ทัพ

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังใช้ความคิดอยู่นั้น นางก็พบว่าอู๋จื้อเฟิงนั้นหันมามองทางนี้แล้วก็เดินมาทางนี้ด้วย

หลินซีเหยียนก็ได้กลั้นหายใจแล้วเตรียมที่จะหนีไปทันที ถึงแม้ว่านางจะมีโอกาสหนีไม่รอดสูงถึง 80% ก็เถอะ

ในเวลานี้นางได้ยินเสียงหัวใจที่อกซ้ายของนางเต้นอย่างชัดเจน “ตุบ ตุบ ตุบ”

“หรือเราจะรู้สึกไปเอง?”

อู่จื้อเฟิงก็ได้จ้องไปที่พุ่มไม้ตรงหน้าเขาแล้วหรี่สายตาลงด้วยความสงสัย แล้วจากนั้นก็ได้หันหลังกลับแล้วเดินจากไปโดยไม่สนใจ

เมื่อเสียงฝีเท้าในหูของนางนั้นได้จากไปไกลเรื่อยๆ จนกระทั่งนางไม่ได้ยินเสียงแล้วหลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในเวลานี้เริ่มมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากฝ่ามือและหน้าผากของนาง

“ไม่เป็นไรแล้วสินะ” หลินซีเหยียนก็ได้ลงมานั่งที่พื้นอย่างหอบๆ แล้วบีบนวดน่องของนางที่เหน็บกินและแข็ง แล้วหัวใจของนางก็ได้รู้สึกเหมือนกับเกิดใหม่

หลังจากนั้นสักพักนางก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วปลอบใจตัวเอง “ยังมีงานอีกมากต้องทำ ตอนนี้ไม่มีเวลาจะมาพักแล้ว”

อย่างไรก็ตามจากบทสนทนาเมื่อสักครู่นี้ หลินซีเหยียนก็ได้เข้าใจอย่างชัดแจ้งว่าเยี่ยจุนเจี๋ยนั้นยังไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของอู๋จื้อเฟิง และบางทีอาจจะไม่ได้ติดอยู่ในภูเขาอูอวิ๋นลูกนี้ด้วย แต่ไม่ว่าจะอันไหนก็ถือเป็นเรื่องดีทั้งนั้น

มองไปที่ท้องฟ้ายามเย็น หลินซีเหยียนก็นึกถึง เจียงหวายเย่ขึ้นมา ในเวลานี้นางเกรงว่าชายคนนั้นคงจะตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่รู้เลยว่าเขานั้นจะโกรธนางอยู่หรือเปล่า?

เอาไว้ค่อยกลับไปขอโทษหลังจากที่นางพบเยี่ยจุนเจี๋ยก็แล้วกัน!

ไม่นานนักความมืดก็ได้เข้าปกคลุมท้องฟ้า แล้วดวงจันทร์โค้งก็ได้ลอยเอียงๆอยู่ในท้องฟ้า หลินซีเหยียนก็ได้มองหาผลไม้ป่ากับหญ้าบางอย่างทานเพื่อประทังความหิวของนาง

ในขณะที่นางกำลังคิดที่จะออกไปนางก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลังนาง

มีคนมา!

หลินซีเหยียนก็ได้ชักเอาเข็มเงินออกมาจากปลายนิ้วของนางแล้วปักไปที่คนที่อยู่ด้านหลัง แต่ทว่านางก็ถูกขัดขวางเสียก่อน แล้วดวงตาสีดำของนางก็ได้เบิกกว้างขึ้นมา หรือสวรรค์อยากจะให้นางตกอยู่ในมือของอู๋จื้อเฟิงกัน?

หลังจากที่การโจมตีของนางถูกขัดขวางโดยฝ่ายตรงข้ามแล้ว เขาก็ไม่ได้ตอบโต้กลับมาหรือโจมตีนาง ในขณะที่นางกำลังคิดที่จะหันกลับไป นางก็ได้ถูกดึงเข้าสู่อ้อมแขนของคนที่อยู่ด้านหลังนาง

นางนั้นยอมที่จะตายดีกว่าจะมาถูกย่ำยีเช่นนี้