ตอนที่ 133 : ต้นสายปลายเหตุ

ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统)

ตอนที่ 133 : ต้นสายปลายเหตุ

“เราถูกส่งออกมางั้นหรือ ? ”  เย่ฉิวเกาแสดงท่าทีสับสนและเหลือเชื่อออกมา

“ดูเหมือนว่าเราจะรอดมาได้”  ฮวงจินเทียนขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด  “ การสำรวจครั้งนี้น่ากลัวจริงๆ ฉันนึกว่าจะได้ตายอยู่ข้างในนั้นซะแล้ว “

แม้แต่คนที่เย่อหยิ่งแบบเขาก็ยังใจสั่น

หลงปู้หยู๋ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขานึกขอบคุณหวังเย่าเป็นอย่างมาก ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เขารู้ว่าการเดินทางในครั้งนี้มันเสี่ยงมาก แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

“หลงปู้หยู๋ นายไปทำอะไรที่ภูเขาแกะกันแน่ ? ”  เย่ฉิวเกาถามขึ้นมา

ฮวงจินเทียนก็มองไปที่หลงปู้หยู๋เช่นกัน

“มันเกี่ยวอะไรกับพวกนาย ฉันถือว่าใจดีมากแล้วที่ไม่เอาเรื่องพวกนายที่แอบตามฉันมา”  หลงปู้หยู๋สีหน้าหม่นลงและพูดขึ้น

หากหลงปู้หยู๋พูดกับคนอื่น อีกฝ่ายก็คงกลัวไปแล้ว แต่ถ้าพูดกับเย่ฉิวเกาและฮวงจินเทียนนั้นคงไม่มีทางได้ผล สองคนนี้มาจากตระกูลใหญ่โต พวกเขาเป็นถึงลูกหลานสายตรง

“หลงปู้หยู๋ อย่าทระนงตัวเกินไปนัก ทำไมคุณชายอย่างข้าจะถามไม่ได้”  เย่ฉิวเกาตอบกลับ

ฮวงจินเทียนมองดูอยู่อย่างใจเย็น แต่ชัดแล้วว่าเขาก็คิดแบบเดียวกับเย่ฉิวเกา

หลงปู้หยู๋กัดฟันแน่น ตอนนี้เขาได้เสียกิเลนไฟไปแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาจึงลดลงมาอย่างมาก เขาไม่อาจจะสู้กับสองคนนี้ได้  แม้แต่จะหนีไปจากที่นี่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่

ตอนที่หลงปู้หยู๋กำลังจะเปิดปากพูดขึ้นมานั้น อยู่ ๆ ก็มีสายลมพัดผ่านเข้ามาจากทางด้านหลัง ทั้งสามหันกลับไปมองทันที

“หวังเย่า”  เมื่อเห็นหวังเย่าปรากฏตัวขึ้นมา ทั้งสามคนก็พากันตะโกนออกมา

หวังเย่าไม่คิดว่าทั้งสามคนจะอยู่ที่นี่ เขาพยักหน้าเล็กน้อยและพูดขึ้น  “ไม่คิดเลยว่าการที่ฉันช่วยชีวิตพวกนายสามคนเอาไว้  พวกนายจะมารอขอบคุณฉันที่นี่”

ฮวงจินเทียนและเย่ฉิวเกานั้นหน้าด้าน พวกเขาไม่เคยซาบซึ้งบุญคุณอีกฝ่าย เป้าหมายของกิเลนไฟคือหลงปู้หยู๋ หากไม่มีหวังเย่าเข้ามายุ่ง งั้นสองคนนี้ก็น่าจะหนีไปได้  พวกเขาคงไม่ถูกขังไว้ถึง 3 วันแบบนี้

โชคดีที่พวกเขาไม่ได้บาดเจ็บอะไร พวกเขาแค่โดนขังไว้ 3 วัน ไม่งั้นแล้วทั้งสองคนคงไม่ไว้หน้าหวังเย่า

“ฉันต้องขอบคุณแกที่ฉันไม่ตาย แต่โดนขังไว้ 3 วันสินะ”  เย่ฉิวเกาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ฮวงจินเทียนไม่ได้พูดอะไร แต่สีหน้าของเขาก็ชัดเจนแล้วว่าเขาไม่พอใจหวังเย่า

หวังเย่าไม่ใส่ใจ  “ถ้าพวกนายไม่ได้รอขอบคุณฉันก็รีบไปซะ หลงปู้หยู๋ นายคงจำได้นะว่าตกลงอะไรกับฉัน ฉันคงไม่จำเป็นต้องพูด”

“หวังเย่าไม่จำเป็นต้องย้ำหรอก ฉันเองก็เป็นลูกผู้ชายพอ ฉันยอมรับนายเป็นลูกพี่ นายไม่ต้องย้ำก็ได้”

หลงปู้หยู๋ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ อันที่จริงก่อนที่จะเข้าไปในมิติลับนี้ เขายังมีกิเลนไฟอยู่ เขาไม่ได้สนใจหวังเย่าเลยด้วยซ้ำ

หวังเย่าพยักหน้าแสดงสีหน้าพอใจออกมา ก่อนจะพูดขึ้น “งั้นก็ไปกับฉัน ในฐานะลูกน้องแล้วเป็นธรรมดาที่นายจะต้องทำตามคำสั่งลูกพี่ เราค่อยคุยกันระหว่างทาง”

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ไว้ใจฮวงจินเทียนกับเย่ฉิวเกา เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา  “ถึงเราจะไม่รู้จักกันแต่เราก็อยู่มหาลัยเดียวกัน ระหว่างเราไม่ได้เป็นมิตรหรือศัตรูกัน ฉะนั้นฉันขอแนะนำว่าอย่าอยู่ที่นี่นานนัก รีบกลับไปซะ บางทีกิเลนไฟด้านในอาจจะออกมา ถ้าเธอยังเห็นว่าพวกนายสองคนอยู่ที่นี่ งั้นฉันคงรับรองไม่ได้ว่าพวกนายจะรอดไปได้”

จากนั้นหวังเย่าก็ได้กระโดดออกไปทันที

ก่อนที่จะเรียกการ์ฟิลด์ออกมาและสั่งให้มันขยายตัว

“มาสิ”  หวังเย่าบอกกับหลงปู้หยู๋

หลงปู้หยู๋กระโดดขึ้นไปบนหลังของการ์ฟิลด์ ก่อนที่การ์ฟิลด์จะทะยานขึ้นสูงกว่า 200 เมตรและออกจากมิตินั้นไป

พริบตา หวังเย่าและหลงปู้หยู๋ก็หายไปจากสายตาของพวกเขา

ฮวงจินเทียนมองไปที่เย่ฉิวเกา เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเลือกจะออกจากที่นี่

“ฮวงจินเทียน นายจะไม่กลับเข้าไปดูหน่อยหรือ ? ”  เย่ฉิวเกาเหมือนจะไม่ยอมแพ้

“นายจะไปก็ไปสิ อย่าลากฉันไปตายด้วย”  ฮวงจินเทียนพูดจบ ก็หันหลังกลับแล้วออกไปทันที

เย่ฉิวเกาอยากจะเถียงออกมา แต่สุดท้ายเขาก็เลือกจะจากไปเพราะไม่มีความกล้าพอ

การเดินทางครั้งนี้เขากับฮวงจินเทียนไม่ได้ข้อมูลของมิติลับ  พวกเขาตามหลงปู้หยู๋มา เพราะพวกเขาอยากรู้ว่าหลงปู้หยู๋มาทำอะไรที่นี่ ทั้งสองคนใช้ข้ออ้างในการสำรวจมิติลับ ผลก็คือหลงปู้หยู๋ระวังตัวอย่างมาก เขารออยู่ที่ทางเข้ามิติลับอยู่นานจนอีกสองคนเปิดเผยร่องรอยของตัวเอง

เมื่อเข้าไปในมิติลับ หลงปู้หยู๋ก็ยิ่งระวังตัวกว่าเก่า เขาเดินทางเป็นวงกลมจนทำให้ทั้งสองนั้นสับสนและหงุดหงิด

เมื่อหลงปู้หยู๋เข้าไปที่ภูเขาแกะ ทั้งสองคนก็ได้ตามเขาไปด้วยแต่เพราะโดนหลอกมาหลายครั้ง ดังนั้นเย่ฉิวเกาจึงเลือกที่จะไม่ตามไป สุดท้ายหลงปู้หยู๋ก็ได้ล่อกิเลนไฟกลับมาหาพวกเขาแทน

เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้เย่ฉิวเกาอึดอัดใจ เขาไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้ อีกทั้งเขาเกือบจะตายด้วยซ้ำ

สถานการณ์ของเขากับฮวงจินเทียนไม่ต่างกัน ทั้งสองกลืนไม่เข้าคายไม่ออก มันทำให้เขาหงุดหงิด พวกเขาเป็นคนของตระกูลใหญ่และมีอำนาจ แต่กลับหวั่นเกรงหวังเหย่าและหลงปู้หยู๋ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็คิดที่จะสั่งสอนทั้งสองคนอย่างหนัก

ตอนนั้นเองหวังเย่าก็ได้สอบถามหลงปู้หยู๋เกี่ยวกับมิติลับแห่งนี้ เมื่อไม่กี่ปีก่อน หลงปู้หยู๋ได้เข้าร่วมกองทัพและมายังมิติลับแห่งนี้ เขาได้แอบเข้าไปที่ภูเขาแกะก่อนจะขโมยไข่ออกมาได้ เขาฟักไข่นั้นออกมาและทำสัญญากับกิเลนไฟกลายพันธุ์ และสิ่งนี้มันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมาก

แต่เขาก็รู้สึกว่ายังแข็งแกร่งไม่พอ เขาอยากจะลองเสี่ยงโชคดูอีกสักครั้ง เขารู้ว่าในภูเขาแกะนั้นมีสัตว์อสูรหลับใหลอยู่ และเขาอยากจะลองเสี่ยงโชคดู เผื่อว่าจะได้ไข่ของสัตว์อสูรมาอีกใบซึ่งมันจะทำให้ความแข็งแกร่งของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ด้วยสัตว์อสูรระดับสวรรค์ 2 ตัวแล้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาเลื่อนขั้นได้

แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิด ข่าวนี้กลับรั่วไหลออกไปถึงหูของเย่ฉิวเกาและฮวงจินเทียน เพื่อสลัดสองคนนั้น ตอนที่อยู่ในเขตลับ เขาก็ได้คิดวิธีการมากมายแต่ก็ไม่อาจจะสลัดทั้งสองคนนั้นได้ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะเดินหน้าไปที่ภูเขาแกะ

ผลก็คือมันไม่ได้เหมือนกับเขาคิดไว้ สัตว์อสูรที่หลับใหลอยู่ได้ตื่นขึ้นมา ไข่สองใบก่อนหน้านี้ได้ฟักออกมากลายเป็นกิเลนไฟกลายพันธุ์แล้ว

สิ่งที่แย่ที่สุดคือเขานึกว่าซ่อนตัวได้ดีแล้ว แต่กลับมีกลิ่นของกิเลนไฟกลายพันธุ์ติดตัว มันจึงทำให้ชื่อหยวนจื่อรับรู้การมีอยู่ของเขาทันที ดังนั้นเขาต้องหนีออกมาจากที่ซ่อนเพื่อเอาตัวรอด