ตอนที่ 134 : ความรักไม่มีถูกผิด
สำหรับสิ่งที่หลงปู้หยู๋เจอในมิติลับนั้น หวังเย่าคงได้แต่บอกว่าเขาโชคร้าย อีกฝ่ายนั้นใจกล้าจนยอมรับความเสี่ยงที่สูงแบบนี้ แต่หากเปลี่ยนเป็นเขาเอง เขาก็อาจจะทำเหมือนกัน
“ เอาล่ะ เรื่องทางนี้จบลงแล้ว นายไม่ต้องสนใจอะไรมาก ฉันจะทำตามที่รับปากกับนายไว้ นายสบายใจได้ เมื่อหาอสูรที่เหมาะกับนายได้แล้ว ฉันจะติดต่อหานายทันที ตอนนี้นายกลับไปที่เมืองกับฉันก่อน แล้วช่วยไปเรียกทหารรับจ้าง 3 คนมาให้ฉันที สามคนนั้นคือลูกน้องของฉันเหมือนกัน ดูเหมือนว่านายคงดูแลพวกนั้นได้ “
หวังเย่าใช้การ์ฟิลด์อยู่สักพักก่อนจะเปลี่ยนไปใช้มอเตอร์ไซค์แทน หลงปู้หยู๋เห็นแบบนั้นก็เอามอเตอร์ไซค์ของตัวเองออกมา ตลอดหลายปีมานี้เขาใช้แต่กิเลนไฟหาเงิน นี้จึงทำให้เขาเองก็มีของดีอยู่พอตัว
บ่ายวันต่อมาทั้งสองก็กลับมาถึงเมืองหัวเซี่ยแล้ว หวังเย่านึกถึงจ้าวเมิ่งซีและรู้สึกปวดใจขึ้นมา เพราะเขากลัวว่าเขาจะสูญเสียเธอไป
เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็เลือกจะส่งข้อความกลับไปหาเธอทันที “เมิ่งเอ๋อร์ ฉันกลับมาแล้ว ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า”
ครึ่งนาทีต่อมาโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น หวังเย่าจึงหยิบขึ้นมาดูและพบกับข้อความ ตอนนั้นเองที่เขาโล่งอกขึ้นมาทันที
“เจ้าบ้าหวังเย่า ฉันอยากเจอนายตอนนี้เลย”
มันไม่เหมือนข้อความที่จ้าวเมิ่งซีส่งมา แต่หวังเย่าเข้าใจว่าครั้งนี้เขาคงทำให้เธอโกรธจริงๆ
…
อันที่จริง จ้าวเมิ่งซีไม่พอใจอย่างมาก ที่อยู่ๆแฟนของเธอก็เดินมาบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้มีเธอแค่คนเดียว สิ่งนี้มันจึงทำให้เธอเสียใจอย่างมาก
หลังจากที่คิดอยู่สักพัก จ้าวเมิ่งซีก็ใจเย็นลงแต่ก็ไม่อาจตัดสินใจได้ เธอยอมรับว่าเธอชอบหวังเย่า การอยู่กับเขา ทำให้เธอมีความสุขอย่างมากและรู้สึกปลอดภัยด้วยแต่ความรักของเธอน่ะเห็นแก่ตัว ความรักคือเรื่องของคนสองคน แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ในมุมมองของเธอ การที่ความรักของคนสองคนมีคนอื่นเข้ามาเพิ่มนั้น มันทำให้เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์กำลังจะพังลง
ประมาณ 5 นาทีหลังจากที่หวังเย่าเดินทางออกไปนั้น ฟ่านฉิงเหมยก็กลับมาที่มหาลัยย
จ้าวเมิ่งซีได้ข่าวจึงตัดสินใจติดต่อไปหาฟ่านฉิงเหมยทันที ถ้ากล่อมเธอให้ทิ้งหวังเย่าได้ บางทีเธออาจจะรักษาความสัมพันธ์ของเธอไว้ได้ แต่ในใจของเธอก็รู้ดีว่าไม่อาจจะทำแบบนั้นได้
ผลก็คือหลังจากที่ไปพบกับฟ่านฉิงเหมยและพูดคุยกันแล้ว จ้าวเมิ่งซีก็รู้สึกผิดขึ้นมา เธอรู้สึกว่าไม่ควรมาคุยกับอีกฝ่าย เพราะเธอพบว่าฟ่านฉิงเหมยนั้นสวยและเป็นคนที่แข็งแกร่ง ต่อหน้าอีกฝ่ายแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าด้อยกว่า
ตอนที่พูดคุยกันนั้นเธอก็ได้รู้เรื่องของฟ่านฉิงเหมย ฟ่านฉิงเหมยกับหวังเย่ามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และนี่คือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตที่โดดเดี่ยวของฟ่านฉิงเหมย แต่เธอก็ไม่อาจจะปล่อยหวังเย่าไปได้
แน่นอนหากจ้าวเมิ่งซีขอให้ฟ่านฉิงเหมยเลิกกับหวังเย่า เธอก็จะยอม มันไม่ใช่เรื่องที่แย่อะไร เธอรู้ว่าเธอเป็นมือที่สาม ถ้าอยู่ด้วยกันได้คงดี ถ้าไม่ได้ เธอก็หวังให้หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
หลังจากที่รู้ความรู้สึกของฟ่านฉิงเหมยแล้ว จ้าวเมิ่งซีก็เศร้าขึ้นมา เรื่องแบบนี้ไม่มีใครผิดรึถูก เพราะมันคือเรื่องของความรู้สึกทั้งสิ้น
ความรู้สึกนั้นมักจะไม่ยุติธรรม มันต้องมีการเพิ่มและลด มันต้องมีการชดเชยและตอบแทน
จ้าวเมิ่งซีคิดเรื่องนี้ซ้ำ ๆ จนสุดท้ายก็ได้ข้อสรุป เธอไม่อยากปล่อยหวังเย่าไป อันที่จริงการที่มีฟ่านฉิงเหมยอยู่ด้วย มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ตราบใดที่พวกเขามีความสุข งั้นพวกเขาก็ไม่ต้องสนใจสายตาของคนอื่น ๆ
และในตอนนั้นเธอก็ได้รับข้อความจากหวังเย่าอีกครั้ง
“ฉันรักเธอ”
เมื่อเห็นข้อความนั้น จ้าวเมิ่งซีก็ยิ้มออกมา นี่คือตอนที่เธอมีความสุขที่สุด
เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่นก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนภายใต้สายตาที่แปลกใจของเพื่อนและอาจารย์ จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไป
…
หลังจากที่คิดได้สักพัก หวังเย่าก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างมาก
“หลงปู้หยู๋ นายโทรหาสามคนนั้น” หวังเย่าพูดถึงลูกน้องทั้งสามคน “เรียกพวกนั้นกลับมาที่เมือง แล้วนายค่อยไปจัดการธุระที่ฉันมอบให้กับพวกนั้น”
จากนั้นหวังเย่าก็ส่งนามบัตรของลูกน้องสามคนให้กับหลงปู้หยู๋
เขาได้ขับรถกลับไปที่โรงแรม การสำรวจครั้งนี้มีแต่ปัญหา แผนเดิมของเขาคือใช้เวลา 10 วัน แต่เพราะเหตุไม่คาดคิด เขาจึงใช้เวลากว่าครึ่งเดือน
โชคดีที่การเดินทางครั้งนี้เขาได้ผลตอบแทนกลับมาจำนวนมาก
ตอนนี้เขาอยากเจอกับจ้าวเมิ่งซี เขาคิดอะไรอื่นไม่ออก
เมื่อกลับมาที่ห้อง แล้วประตูเปิดออก จ้าวเมิ่งซีก็ใจสั่น เมื่อเห็นใบหน้าของหวังเย่า เธอก็ใจเต้นรัวพร้อมกับยิ้มออกมา
“เมิ่งเอ๋อร์ ฉันกลับมาแล้ว” หวังเย่ายังไม่ทันได้ถอดรองเท้าก็วิ่งเข้าไปกอดจ้าวเมิ่งซีทันที
แต่จ้าวเมิ่งซีกลับมองค้อนและบอกให้เขาไปถอดรองเท้าและอาบน้ำก่อน เขาจึงได้แต่ต้องทำตามที่เธอบอก
การสำรวจครั้งนี้กินเวลานาน เขาทั้งวิ่งและต้องนอนอยู่ตามถ้ำ แน่นอนว่าเนื้อตัวของเขาต้องสกปรกอย่างมาก
หวังเย่าอาบน้ำอยู่กว่า 10 นาทีก่อนที่จะรู้สึกสบายทั้งร่างกายและจิตใจ เขาอยากไปนอนกอดจ้าวเมิ่งซี
“เมิ่งเอ๋อร์” หวังเย่าไม่พูดเรื่องฟ่านฉิงหมิง เขากอดจ้าวเมิ่งซีไว้แน่น เขาดมกลิ่นผมที่หอมหวนของเธอพร้อมกับมือที่ลูบไล้ไปตามเอวของเธอ
ในพริบตาก็ผ่านไป 2 วัน หวังเย่าใช้เวลาทั้งสองวันในโรงแรมพร้อมกับเขียนรายงานการสำรวจ
สองวันต่อมาเขาก็เขียนรายงานไปกว่า 50 หน้าจนเสร็จพร้อมกับรูปและวัตถุดิบจำนวนมากที่ถูกยัดใส่กล่องรายงาน
กริ๊ง !
โทรศัพท์ของหวังเย่าดังขึ้น เขารีบรับสายทันที
“หัวหน้า ผมอาหลง เจ้าเขียวกับเจ้าหนูก็อยู่กับผมด้วย เราเพิ่งเข้าเมืองมา เราได้เจอกับหลงปู้หยู๋แล้ว เราได้ยินว่าหัวหน้าให้เขาโทรหาเรา”