ตอนที่ 135 : ส่งรายงาน

เมื่อได้ยินคำพูดของอาหลง หวังเย่าก็ได้ตอบกลับ  “ ใช่ หลงปู้หยู๋ได้สาบานว่าจะติดตามฉัน พวกนายถือว่าเป็นพวกเดียวกัน พวกนายรอฉันอยู่ที่ประตูเมืองก่อนแล้วฉันจะไปหา  ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ “

“ลูกพี่ คุณนี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ หลงปู้หยู๋เป็นตำนานในหมู่ทหารรับจ้าง เขาโด่งดังและยังแข็งแกร่งอย่างมาก แต่คุณกลับทำให้เขายอมรับได้ คุณนี่ช่างน่าชื่นชมจริง ๆ ”  อาหลงทึ่งอย่างมาก

หวังเย่าไม่สนใจคำประจบของอีกฝ่ายและพูดขึ้น  “ฉันกำลังจะไป พวกนายรอฉันที่ประตูเมืองไปก่อน”

เมื่อพูดจบเขาก็วางสายทันที จ้าวเมิ่งซีเดินทางไปเรียน ส่วนหวังเย่าเองก็ออกไปข้างนอกเช่นกัน เพราะต้องไปจัดการธุระของตัวเอง ทั้งสองจึงไม่ได้ขี่รถไป  หวังเย่าได้เรียกรถก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ประตูเมือง

1 ชั่วโมงต่อมา หวังเย่าก็ได้ลงจากรถบัส ไม่ไกลออกไปนักเขาเห็นหลงปู้หยู๋, อาหลงและคนอื่นๆ พวกนั้นรีบเดินเข้ามาหาเขาทันที

“ลูกพี่ไม่ได้เจอกันนาน ฉันนึกว่าคุณจะลืมพวกเราสามคนไปแล้ว”  อาหลงดูดีใจอย่างมาก

หวังเย่าพยักหน้าตอบรับและพูดขึ้น  “ฉันจะลืมลูกน้องได้ยังไง ฉันแค่ไม่มีเวลา”

“ลูกพี่เรียกพวกเรากลับมาครั้งนี้มีธุระอะไร ? ”  เจ้าหนูถามขึ้นมา

“เรื่องนี้ไม่อาจจะประมาทได้ มันมีหลายขั้นตอน กำไรเองก็มากเช่นกัน ถ้าพวกนายทำได้ดี ฉันในฐานะหัวหน้าอาจจะให้ส่วนแบ่งกับพวกนาย”  หวังเย่าพูดด้วยท่าทีภูมิใจ

“ดีขนาดนั้นเลยหรือ ? ”  เจ้าเขียวแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา

หลงปู้หยู๋ไม่ได้พูดอะไร เขาคิดตามก่อนจะส่ายหน้า ชัดแล้วว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของหวังเย่านัก

หวังเย่าไม่ได้อธิบายอะไรมากและพูดขึ้น  “ตอนบ่ายเราค่อยมาคุยกันต่อ ตอนนี้ฉันต้องไปที่ฝ่ายรายงานก่อน”

สีหน้าของหลงปู้หยู๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบพูดขึ้นมา “หวังเย่า ไม่สิ…ลูกพี่ คุณจะไปส่งรายงานมิติเทือกเขาหินโม่หรือ ? ”

“แน่นอน ฉันใช้เวลาที่นั่นกว่าครึ่งเดือน มันนานพอที่ฉันจะได้ข้อมูลที่สมบูรณ์มา หรือนายคิดว่าเป้าหมายของฉันจะเหมือนฮวงจินเทียนกับเย่ฉิวเการึไง ? ”

“เหอะ นายดูถูกฉันเกินไปแล้ว อ้อ…ลืมไป นกกระจอกไฉนจะรู้ปณิธานของพญาหงส์ ทำไมฉันถึงเป็นลูกพี่พวกนายได้ นอกจากความแข็งแกร่งที่มากกว่านายแล้ว มุมมองและความคิดของฉันก็เหนือกว่านายด้วย บางทีนายอาจจะไม่เชื่อในตัวฉัน แต่อีกไม่นานนายจะเข้าใจเอง สุดท้ายนายจะรู้ว่าความคิดของนายช่างไร้เดียงสา”

บอกได้ว่านี่คือคำพูดที่ดูถูกเขาอย่างมาก หลงปู้หยู๋หน้าแดงก่ำและกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ

หวังเย่าไม่ได้สนใจอีกฝ่าย และมุ่งหน้าไปที่ฝ่ายรายงานทันที

หลังจากที่เข้าไปในออฟฟิศแล้ว หวังเย่าก็ได้กรอกเอกสารเพื่อทำการยืนยันรายงานที่เขาได้มา

หลงปู้หยู๋และคนอื่น ๆ ตามเขาไปด้วยเพราะความสงสัย

“สวัสดี”  หวังเย่าทำความเคารพพนักงานที่เป็นชายแก่ ก่อนจะส่งใบอนุญาตสำรวจให้

ชายแก่รับใบอนุญาตไปก่อนจะพยักหน้าและอ่านข้อมูลในเอกสาร  “ในวันที่ 12 เมษายน หวังเย่าจบจากโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์เมืองอรุณ ตอนนี้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยหัวเซี่ย สาขาตรวจสอบ ได้ขอทำการสำรวจมิติ 3 ดาวเพื่อหาข้อมูล หลังได้รับใบอนุญาตจากฝ่ายลงทะเบียนแล้ว หวังเย่าก็ได้รับสิทธิ์ในการสำรวจมิติเทือกเขาหินโม่ และจะทำการสำรวจมิตินั้นให้เสร็จโดยเร็วที่สุด”

เขาเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้นต่อ  “หลังจากสำรวจเสร็จสิ้นแล้ว ข้อมูลต่างๆจะถูกเขียนเป็นรายงาน พร้อมแนบภาพและวัสดุต่าง ๆ ส่งให้กับฝ่ายตรวจสอบเพื่อเป็นการยืนยัน”

หลังจากที่ชายแก่อ่านจบ เขาก็ได้บอกกับหวังเย่าว่า  “ใบอนุญาตนี่ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ฉันต้องตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของนาย เอาสายรัดข้อมือมาวางไว้บนเครื่องนี่”

หวังเย่าทำตามที่อีกฝ่ายบอก ไม่นานข้อมูลของเขาก็ถูกแสดงขึ้นบนจอคอมของชายแก่

หลังจากที่ชายแก่ยืนยันข้อมูลแล้ว เขาก็ได้พูดขึ้น  “ยืนยันตัวตน หวังเย่า นายต้องส่งรายงานให้ฉันรวมถึงภาพและวัตถุดิบต่าง ๆ ฉันจะเก็บมันไว้ก่อนและจะส่งไปที่ฝ่ายตรวจสอบ จะมีพนักงานหลายคนตรวจสอบมันรวมถึงมีทหารรับจ้างขั้นสูงไปตรวจสอบด้วยตัวเอง ในอีก 7 วันถึงจะได้คำตอบ ตอนนั้นเราจะติดต่อผ่านสายรัดข้อมือนี้”

หวังเย่าเอารายงานกว่า 50 หน้ารวมไปถึงรูปและวัตถุดิบต่าง ๆ ออกมามันกินพื้นที่กว่าครึ่งห้อง จนทำให้ชายแก่ตกตะลึง

“มีของเยอะแบบนี้ในมิติ 3 ดาวได้ยังไง ? ”  ชายแก่อดไม่ได้ที่จะพึมพำ  เขาหันไปมองรายงานและรูปก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตะลึง

ผ่านไปสักพักชายแก่จึงหันไปมองหวังเย่าด้วยสีหน้าประหลาดใจ ตอนนี้เขาไม่ได้ดูถูกหวังเย่าแบบเดิมแล้ว แต่เขากลับชื่นชมในตัวหวังเย่า

“อาหลี่ ไปเรียกคนมา”  ชายแก่บอกผู้ช่วยที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนที่อาหลี่จะทำการโทรศัพท์ทันที

ไม่นานก็มีพนักงาน 4 คนเดินเข้ามา พวกนั้นรีบรับของจากหวังเย่าและใส่ไปในกล่องปิดผนึก ก่อนจะขนออกไป

“หวังเย่า นายไปได้แล้ว”  ชายแก่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก น้ำเสียงของเขาเป็นมิตรขึ้นมา

หวังเย่าพยักหน้าก่อนจะขอบคุณอีกฝ่ายแล้วกลับออกมาพร้อมกับลูกน้องทั้งสี่คน

เขาเรียกรถแล้วมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหาร ร้านนี้เป็นร้านที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อาหารที่นี่อร่อย อีกทั้งราคาก็พอรับได้

20 นาทีต่อมา ทั้งห้าคนก็ได้ไปที่ห้องส่วนตัวที่ชั้นสองก่อนจะทำการสั่งอาหารและเครื่องดื่ม

“ลูกพี่ นายจะเป็นผู้ตรวจสอบ 1 ดาวแล้วหรือ ? ”  หลงปู้หยู๋ถามขึ้นมา

คนที่เหลืออีกสามคนก็มองไปที่หวังเย่า

หวังเย่ายิ้ม เขาไม่ได้ตอบกลับแต่กลับพูดเรื่องแผนการของเขาแทน

“ที่ฉันเรียกพวกนายมาในครั้งนี้ก็เพราะฉันได้โชคมาไม่น้อย”

หวังเย่าได้พูดถึงแร่ไฟ เมื่อทั้งสี่ได้ยินเรื่องนี้ก็พากันหอบหายใจถี่ขึ้นมาและถึงกับเหม่อไปสักพัก

หลงปู้หยู๋เป็นคนแรกที่ได้สติ เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกตะลึง “ลูกพี่…กิเลนไฟนั่นให้แร่ไฟกับนายทั้งหมดเลยหรือ ? แถมยังรับปากว่าจะขนออกมาจากมิติลับให้ด้วย พวกเราแค่ต้องไปขนมันกลับมาที่เมืองงั้นหรือ ? ”

อาหลง, เจ้าเขียวและเจ้าหนูต่างก็แสดงสีหน้ากังวลพร้อมกับรอคอยคำตอบจากหวังเย่า