ตอนที่ 193 โดนรุมกระทืบ / ตอนที่ 194 พ่อคร้าบ พ่อสุดยอดไปเลย

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 193 โดนรุมกระทืบ

 

 

เขาเป็นคนทำให้พี่สะใภ้ต้องมาโรงพัก ครั้งนี้เขาไม่มีทางรอดแน่!

 

 

ก่อนหน้านี้เขาโทรหาพี่รอง แต่ทำไมถึงเป็นพี่ใหญ่ที่มาแทนวะ แม่งเอ๊ย!

 

 

หลินเยียนเหนื่อยที่ต้องอธิบายตำรวจซ้ำๆ  แต่แล้วเธอก็พลันหันไปเห็นเผยอวี้เฉิงเดินเข้ามาด้วยท่าทางเย็นชา ไม่ได้เจอเขามาหลายวันแล้ว เธอยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่

 

 

ในขณะเดียวกัน เธอคิดแบบเดียวกับเผยอวี่ถัง…

 

 

ฉิบหาย…

 

 

เธอยืนอยู่ที่มุมห้อง เผยอวี้เฉิงเลยไม่เห็นเธอตอนที่เขาเดินตรงเข้าไปหาเผยอวี่ถัง

 

 

เผยอวี่ถังเหลือบมองท่าทางข่มขวัญของพี่ชายแล้วแทบฉี่ราด เขาพูดตะกุกตะกักด้วยความกลัว “พี่…พี่ใหญ่…พี่…ฟังผมก่อน…”

 

 

เวรแล้ว! พี่ใหญ่พาเฉิงมั่วมาด้วย ท่าจะไม่ดีแล้วสิ

 

 

ทนายของเผยอวี้เฉิงยื่นนามบัตรให้แก่ตำรวจ “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณตำรวจ ชายที่ยืนอยู่ข้างผมคนนี้คือพี่ชายของคุณเผยอวี่ถัง ผมเป็นทนายของเขา กรุณาพูดคุยกับผมโดยตรงแทนได้เลยนะครับ”

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจอ่านชื่อที่ปรากฏบนนามบัตรด้วยความตกตะลึง

 

 

ทนายและที่ปรึกษาของเจเอ็ม คอร์เปอเรชั่น ฉินจื้อหมิง

 

 

เจเอ็ม คอร์เปอเรชัน…

 

 

นี่…นี่หรือว่าจะเป็นเจเอ็ม คอร์เปอเรชันที่เป็นของตระกูลเผยงั้นเหรอ

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจสลัดตัวเองออกจากห้วงความคิดและรีบตอบ “ชายหนุ่มพวกนี้มีเรื่องชกต่อยกันนิดหน่อย”

 

 

ฉินจื้อหมิงชำเลืองมองเผยอวี่ถังก่อนตอบ “ใครเป็นคนต่อย”

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจมองไปที่ใบหน้าของพวกเขาทุกคน “ผมคิดว่าพวกเขาทั้งหมด…”

 

 

แววตาของเผยอวี้เฉิงนิ่งเฉย แต่เผยอวี่ถังกลับรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่กระจายออกมา “นายจะเดินออกมาเองหรือจะให้ฉันสั่งให้คนลากนายออกมา”

 

 

เผยอวี่ถังลนลานรีบร้อนอธิบาย “พี่ใหญ่! ผมบริสุทธิ์! พวกนั้นเริ่มก่อน! เราไม่ได้ตอบโต้ด้วยซ้ำ เราโดนพวกนั้นรุมกระทืบ!”

 

 

“ไม่ได้ตอบโต้เหรอ” เผยอวี้เฉิงมองสำรวจซ่งเย่าหนานและพวกก่อนที่จะสังเกตเห็นรอยแผล เขาจึงตอบกลับไปอย่างเย็นชา “เผยอวี่ถัง นายน่าจะรู้นะว่าโกหกฉันแล้วจะเป็นยังไง”

 

 

เผยอวี่ถังตื่นตกใจ “ผมไม่ได้ทำ! ผมไม่ได้โกหก!”

 

 

ทนายความกระแอมเบาๆ “นายน้อยลำดับที่สาม หากคุณไม่ยอมบอกความจริง ผมก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้”

 

 

เผยอวี่ถังสวนทันควัน “แม่งเอ๊ย! ทำไมคุณถึงคิดว่าผมโกหก ผมโดนอัดซะเละขนาดนี้ ผมและคนอื่นๆ ไม่มีใครลงมือทำอะไรเลย!”

 

 

ทนายพูดอย่างจนปัญญา “ถ้าคุณไม่ตอบโต้ แล้วพวกนั้นจะบาดเจ็บได้ยังไง”

 

 

หลินเยียนที่ไม่มีใครสนใจมาจนถึงตอนนี้ ยกมืออย่างยอมจำนน “เอ่อ คือว่า…เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายน้อยลำดับที่สามเลยจริงๆ ค่ะ…ฉันเอง…ฉันเป็นคนทำร้ายพวกเขา…”

 

 

ในที่สุดทุกคนก็ต่างพากันหันไปมองหลินเยียนเป็นตาเดียว

 

 

ทันทีที่เธอเอ่ยถึงคำสุดท้าย ซ่งเย่าหนานและลูกน้องก็ประสานเสียงกัน “ใช่! เธอทำร้ายพวกเรา!”

 

 

ทนายอึ้งพูดอะไรไม่ออก…

 

 

เผยอวี้เฉิงอึ้งพูดอะไรไม่ออก…

 

 

ในที่สุดเผยอวี้เฉิงก็เห็นหญิงสาวที่หลบอยู่มุมห้อง

 

 

หลินเยียนยืนอยู่ตรงนั้นอธิบายเสียงแผ่วทำท่าทำทางราวกับเด็กนักเรียนที่ทำความผิดมา “คุณเผยคะ…ฉัน…ฉันไปดูนายน้อยลำดับที่สามแข่งมาค่ะวันนี้”

 

 

“แข่ง?” เผยอวี้เฉิงหันไปจ้องเผยอวี่ถัง

 

 

หลินเยียนรีบตอบ “ใช่ค่ะ พอดีตกลงกันไม่ได้…สุดท้ายก็เลยจบด้วยการใช้กำลัง…”

 

 

ก่อนที่หลินเยียนจะทันพูดจบ ซ่งเย่าหนานก็พูดแทรกเธอขึ้นมา “เธอทำร้ายเรา! ดูรอยแผลเหวอะหวะที่เธอฝากไว้บนตัวเราสิ! คุณต้องมีคำอธิบายสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้!”

 

 

 

 

ตอนที่ 194 พ่อคร้าบ พ่อสุดยอดไปเลย

 

 

ซ่งเย่าหนานที่กำลังส่งเสียงเอะอะเหลือบเห็นสายตาของเผยอวี้เฉิงทางหางตา แล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกขนลุกชันจากความเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขา

 

 

ชายคนนี้คือพี่ชายของเผยอวี่ถังงั้นเหรอ เขาดูไม่เหมือนคนธรรมดาเลย…

 

 

แต่แล้วซ่งเย่าหนานก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ไอ้ขี้ขลาดเผยอวี่ถังจะมาจากครอบครัวที่มีอำนาจและอิทธิพลได้ยังไง

 

 

ถ้าเป็นงั้นจริง ไอ้บ้านั่นคุยโวทำเบ่งไปแล้ว

 

 

ซ่งเย่าหนานกลับมาฮึกเหิมอีกครั้งและเริ่มหันไปเสี้ยมลูกน้องให้ส่งเสียงเรียกร้องให้ผู้หญิงคนนั้นรับผิดชอบกับสิ่งที่เธอทำให้พวกเขาเจ็บ

 

 

เผยอวี้เฉิงปราดสายตามองไปที่ซ่งเย่าหนานและพวกทีละคน ในทันทีทุกคนหุบปากเงียบเสียงลง

 

 

เวรเอ๊ย…ทำไมสายตาของผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวกว่ายัยบ้าเลือดนั่นอีกนะ

 

 

ทนายชายตามองหลินเยียน “คุณผู้หญิง คุณเป็นเพื่อนของนายน้อยลำดับที่สามหรือครับ”

 

 

เผยอวี่ถังพูดสอดขึ้นอย่างไว “เธอเป็นพี่สะใภ้ผม เธอเป็นแฟนของพี่ใหญ่”

 

 

ทนายมีท่าทีประหลาดใจทันที เจ้านายมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

 

ผู้หญิงคนนี้หน้าตาคลับคล้ายคลับคลาจริงๆ เธอเหมือนดาราคนหนึ่ง…

 

 

ยังไงซะเขาก็ไม่ได้ติดตามข่าวในแวดวงบันเทิงมากนัก เขาเลยนึกไม่ออกว่าเธอคือใคร

 

 

ทนายเปลี่ยนสีหน้าและมองไปที่ตำรวจ “ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายคนพวกนี้หรือครับ”

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจยิ้มและตอบ “จะเป็นไปได้ยังไงครับ ผมสงสัยว่าเธอคงถูกชายกลุ่มนี้ข่มขู่และบังคับให้พูดออกไปอย่างนั้น”

 

 

ทนายหันไปมองที่หลินเยียนอีกครั้งและพูดกับเธอด้วยความเคารพ “คุณหลิน ถ้าหากคนพวกนี้ข่มขู่คุณ คุณไม่จำเป็นต้อง…”

 

 

หลินเยียนบอกว่าเธอเป็นคนทำไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว แต่ไม่มีใครเชื่อเธอเลย ในที่สุดเธอก็หมดความอดทนและพูดขัดจังหวะคุณทนาย “ไม่มีใครข่มขู่ฉันทั้งนั้น! ไม่เอาน่า! แฟนฉันก็อยู่นี่ ใครจะไปกล้าทำอย่างนั้นกันล่ะ ฉันพูดความจริง! นี่คือความจริง!”

 

 

ทนายนิ่งเงียบ…

 

 

เธอพูดถูก…

 

 

เวลานี้เจ้านายของเขาอยู่ที่นี่ทั้งคน ใครจะไปกล้าข่มขู่เธอ

 

 

เผยอวี่ถังอึ้งพูดอะไรไม่ออก…

 

 

พ่อสุดยอดไปเลย ทักษะการประจบประแจงของเธอกลับมาพัฒนาอีกครั้งแล้ว

 

 

เผยอวี้เฉิงที่ยืนอยู่ทางด้านข้างอย่างเงียบๆ หัวเราะหึๆ เบาๆ กับตัวเองเมื่อได้ยินที่หญิงสาวพูด

 

 

ทุกครั้งที่หลินเยียนได้ยินเสียงหัวเราะอันนุ่มนวลแผ่วเบาของเผยอวี้เฉิง เธอก็เป็นอันละลายทุกที รู้สึกเหมือนมีขนนกมาจั๊กจี้ที่หัวใจ…

 

 

เธอหน้าแดงก่ำทันทีที่รู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป

 

 

เธอไม่ได้ตั้งใจประดิษฐ์คำพูดให้สวยหรู เธอแค่พูดออกมาตามที่ใจคิด

 

 

ตายละ หรือนี่จะติดกลายเป็นนิสัยหรือเปล่านะ

 

 

หลินเยียนพูดอย่างระวัง “คุณเผยคะ ฉันทำร้ายพวกเขา…ขอโทษค่ะ…ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”

 

 

สายตาของเธอหันไปมองที่ชายหนุ่มอย่างเป็นกังวล

 

 

แฟนของเขาคือทรราชหัวรุนแรงที่ต่อยตีกับผู้ชายเป็นฝูง เผยอวี้เฉิงสมควรต้องโกรธ…

 

 

แต่ เดี๋ยวก่อนนะ! แล้วเธอจะกังวลไปทำไม

 

 

นี่ถือเป็นข้ออ้างที่ดีที่จะใช้บอกเลิกเขา!

 

 

ความดีใจแล่นปราดเข้ามาในตัวหลินเยียนก่อนที่เธอจะได้ยินเผยอวี้เฉิงพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มลึกและชัดเจน “เธอเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

 

 

หา?

 

 

เขาควรตำหนิเธอไม่ใช่เหรอ

 

 

หลินเยียนละล่ำละลักตอบด้วยความตกตะลึง “ฉัน…ฉันไม่เจ็บค่ะ…”

 

 

เผยอวี้เฉิงมองสำรวจหญิงสาวอย่างเงียบๆ ก่อนที่จะหันมาเห็นบางอย่างเข้า เขายกแขนซ้ายของเธอขึ้นมาและพิจารณาบาดแผลบนมือ แววตาของเขาเยือกเย็นขณะที่พูด “นี่เหรอที่เธอพูดว่าไม่เจ็บ”

 

 

หลินเยียนมองแผลที่มืออย่างเก้ๆ กังๆ “เอ่อ…”

 

 

นั่น…นั่นไม่ได้เรียกว่าแผล ไม่ใช่เหรอคะ