ตอนที่ 151 เข้าใจผิด

แม่สาวเข็มเงิน

ห้องครัวใหญ่มาก เครื่องครัวภายในก็มีพร้อมครบทุกสิ่งเท่าที่ควรมี อีกทั้งยังมีเนื้อตากแห้งและปลาแห้งจำนวนมากห้อยลงมาจากคาน

เจียงป่าวชิงกะพริบตาปริบ ๆ  นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับได้ยินเสียงเหมือนมีใครมาทุบประตูหลังที่เชื่อมต่อกับด้านนอกเสียก่อน “เปิด! รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”

เจียงป่าวชิงสะดุ้งตกใจ ส่วนแม่ครัวก็รีบเช็ดมือให้สะอาด นางตั้งใจจะออกไปดู

เจียงป่าวชิงค่อนข้างคิดมาก สถานะของกงจี้ตอนอยู่ที่นี่ค่อนข้างเป็นความลับอยู่พอสมควร นี่คงไม่ใช่ว่าพวกเขาไปทิ้งร่องรอยอะไรไว้แล้วถูกเปิดโปงหรอกนะ ?

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดสักครู่ มือเล็กเอื้อมไปหยิบไม้คานมาถือไว้แน่นและใช้มือชั่งน้ำหนักมัน นางคิดว่าสิ่งนี้เอามาใช้ปกป้องตัวเองได้อยู่บ้าง ถ้าหากว่าไม่ได้จริง ๆ ก็ยังมีท่าไม้ตายหรือ ‘เข็มเงิน’ ที่ซ่อนไว้ตรงข้อมือซ้ายรอให้ใช้อยู่

อย่างไรก็ตาม โชคดีที่นางไม่ได้ถูกเปิดโปง  เพราะทันทีที่แม่ครัวเปิดประตู ก็เห็นคนสองคนที่เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดกำลังถืออาวุธและถีบประตูเข้ามาอย่างแรง

หลังจากที่เข้ามาแล้ว คนหนึ่งรีบหมุนตัวกลับไปลงกลอนประตูทันที ส่วนอีกคนจ่อมีดทาบมาบนลำคอของแม่ครัว “ข้าจะบอกให้เจ้ารู้อย่างไม่เกรงกลัว พวกข้าสองคนเป็นโจรที่จะมาขอพักที่นี่สองสามวัน หากเจ้ากล้าออกไปรายงานพวกเจ้าหน้าที่หน้าโง่พวกนั้น ข้าจะฆ่าทั้งครอบครัวของเจ้าซะ!”

แม่ครัวเป็นคนพูดไม่เก่ง นางได้แต่พึมพำ “นี่ นี่มันไม่สะดวก…”

หนึ่งในคนร้ายที่รูปร่างสูงโปร่งมองไปรอบ ๆ บ้าน “น้องสอง เจ้าพูดถูกจริง ๆ ด้วย ตำแหน่งของซอยเล็ก ๆ นี้ดูไม่เลว มันช่วยอำพรางพวกเราได้ดีมาก หาบ้านคนสักหลังเพื่อซ่อนตัวเถอะ  เพียงแค่นี้ ไอ้คนที่ไล่ตามเรามามันคงหาที่นี่ไม่เจออย่างแน่นอน”

เมื่อคนร้ายที่รูปร่างค่อนข้างเตี้ยผู้ซึ่งกำลังจ่อมีดอยู่บนลำคอของแม่ครัวได้ยินดังนั้น เขารู้สึกภาคภูมิใจอยู่เล็กน้อย “ยังจะต้องพูดอีกรึ ?  พี่ใหญ่ พี่รีบมาดูเลยว่าในบ้านนี้มีใครบ้าง หรือไม่อย่างนั้นก็ฆ่าทิ้งให้หมด พวกมันจะได้ไม่แอบออกไปรายงานเรื่องเรา”

เขากำลังพูด จู่ ๆ คนร้ายที่รูปร่างสูงก็เห็นเจียงป่าวชิงที่ยืนอยู่ข้างประตูโดยถือไม้คานไว้ในมือ เห็นดังนั้นเขาพลันชะงักไปทันที “โย่! ในนี้ยังมีสาวน้อยน่ารักอีกคน เจ้าเด็กน้อยมานี่มา ดาบมันไม่มีตา หากมันวกไปฟันเจ้าตายอย่ามาโทษพวกข้าก็แล้วกัน!”

เจียงป่าวชิงค่อย ๆ เดินเข้าไปหาพวกเขาอย่างช้า ๆ โดยที่ยังคงถือไม้คานอยู่ในมือ

คนร้ายที่ตัวเตี้ยตะโกนขึ้น “โยนไม้คานทิ้งซะนังเด็กบ้า!”

เจียงป่าวชิงโยนไม้คานทิ้งอย่างว่าง่าย แต่จากนั้นมือขวาของนางก็ค่อย ๆ คลำไปที่ข้อมือข้างซ้าย ปากก็พูดขู่ “พวกเจ้านั่นแหละปล่อยแม่ครัวซะ!”

คนร้ายตัวเตี้ยหัวเราะเยอะ “ก๊าก ๆ ๆ ปล่อยรึ ? เจ้าคิดว่าพวกข้าโง่หรือไง ? ถ้าปล่อยแล้วจะจับใครมาเป็นตัวประกันเล่า ?”

“ไม่ได้นะ…” แม่ครัวพึมพำ “ข้าเป็นตัวประกันไม่ได้ ข้ายังต้องทำอาหาร”

คนร้ายตัวเตี้ยกำลังจะพูดข่มขู่ แต่เขารู้สึกว่าอยู่ ๆ ทิวทัศน์ตรงหน้ากลับหัวกลับหางเสียอย่างนั้น เขาถูกใครบางคนจับข้อมือและทุ่มลงบนพื้น

คนร้ายตัวเตี้ยถูกทำร้ายจนมึนงงไปโดยสิ้นเชิง เขายังไม่ทันได้ตอบสนองอะไรกลับมา ก็ถูกใครคนนั้นเตะกระเด็นจนตัวของเขาลอยไปกระแทกกับฝาผนังอย่างแรง

“น้องสอง!” คนร้ายตัวสูงเผชิญหน้ากับฉากเหตุการณ์นี้อย่างกะทันหัน ตอนนี้เขาจึงตกตะลึงตาค้างทั้งอย่างนั้น

เมื่อครู่นี้เขาเห็นอะไร ?

แม่ครัวที่ดูไม่ต่างอะไรกับสาวใช้ทั่วไปยังคงมีสีหน้าขลาดกลัว นางเหมือนมีพลังเหนือมนุษย์อย่างกะทันหัน และกระชากแขนน้องสองของเขาจนน้องสองของเขาล้มกระแทกพื้น หลังจากนั้นนางก็ถีบน้องสองคนนั้นกระเด็นจนเกือบทะลุเข้าไปในฝาผนังอยู่แล้ว

ต่อให้น้องสองของเขาจะตัวเตี้ยกว่าเขาเล็กน้อย แต่นั่นคือชายร่างกำยำเชียวนะ!

เหตุใดแรงของสาวใช้คนนี้ถึงได้มีมากโขขนาดนั้น ?

คนร้ายตัวสูงดึงสติกลับมา จากนั้นเขาก็จ่อมีดไปทางแม่ครัว

จะสนใจไปทำไมว่านางแรงเยอะหรือไม่เยอะ ฟันให้ตายก่อนค่อยว่ากัน คิดได้ดังนั้นแล้วเขาก็ไม่รอช้า พุ่งเข้าใส่แม่ครัวทันที!

แม่ครัวหลบหลีกอย่างคล่องแคล่ว นางตรงไปยังด้านหลังของคนร้ายตัวสูงแทบทันที และจัดการทุบคนร้ายตัวสูงจนสลบเหมือดด้วยมีดในมือ

ในซอกนิ้วมือของเจียงป่าวชิงเต็มไปด้วยเข็มเงินเตรียมพร้อม ทว่าเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วพริบตาตรงหน้า นางก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว คนร้ายทั้งสองคนก็ลงไปนอนบนพื้นเหมือนหมาตายทั้งอย่างนั้น

แม่ครัวเดินอย่างช้า ๆ ไปหาคนร้ายตัวสูงที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น นางหยิบเชือกออกมาจากตรงเอวแล้วมัดคนร้ายตัวสูงอย่างคล่องแคล่ว ต่อมาก็ลากขาของเขาไปตรงมุมกำแพง

นางมัดคนร้ายตัวเตี้ยที่เป็นอัมพาตหมดสติอยู่บนฝาผนังในสภาพที่มีเลือดกำเดาไหล มัดเสร็จก็ลากคนร้ายตัวเตี้ยไปวางซ้อนบนตัวของคนร้ายตัวสูงอย่างเป็นระเบียบราวกับกองฟืน

นางกองได้เป็นระเบียบมากราวกับนั่นไม่ใช่ร่างคน

แม่ครัวมองแล้วพยักหน้าเหมือนพึงพอใจ  จากนั้นนางเดินกลับไปที่ห้องครัว ล้างมือราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสร็จแล้วก็เลือกผักต่อ

“เอ่อ…” เจียงป่าวชิงชะงัก แต่นางเองก็เดินไปที่ห้องครัวอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน นางไปล้างมือเตรียมช่วยแม่ครัวเลือกผัก “ป้าจ๊ะ ป้าคงไม่ต่อยข้าสลบแล้วพาไปวางในกองนั้นใช่ไหมจ๊ะ ? ข้าคือพวกเดียวกันกับป้านะ”

แม่ครัวชะงักไปเล็กน้อยถึงจะรู้ว่าเจียงป่าวชิงกำลังคุยกับตัวเอง นางยิ้มอย่างเกรงใจ “แม่นางตัวน้อยพูดตลกแล้ว เจ้าเป็นคนที่ท่านชายพากลับมา ข้าเป็นแม่ครัว หากว่าลงไม้ลงมือกับเจ้า ก็เท่ากับว่าข้าทำเรื่องมิสมควร”

เจียงป่าวชิงแอบโล่งใจอย่างเงียบ ๆ พลางคิดในใจว่า ‘เฮ้อ… คนข้างกายของกงจี้นี่เต็มไปด้วยคนที่มีฝีมือจริง ๆ ด้วย’

“แล้วคนพวกนั้นจะจัดการยังไงหรือจ๊ะ จะให้มัดไว้ที่นั่นรึเปล่า ?” เจียงป่าวชิงชี้ไปที่คนร้ายสองคนที่ถูกวางซ้อนกันอยู่ตรงมุมกำแพง

แม่ครัวส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่งานของข้า ข้าเพียงแค่มีหน้าที่รับผิดชอบห้องครัวนี้กับหลังบ้านที่เชื่อมต่อกันเท่านั้น ส่วนคนพวกนี้ที่เข้ามา ข้ากองไว้ตรงนั้น เดี๋ยวก็มีคนมาจัดการเอง”

มีคนมาจัดการ…

เจียงป่าวชิงเข้าใจแล้ว นางจึงไม่ถามอีกว่าคำว่า ‘จัดการ’ ในที่นี้หมายถึงวิธีจัดการแบบไหนกันแน่

……

วันต่อมา ตอนที่เจียงป่าวชิงไปดูอีกครั้ง คนร้ายสองคนที่อยู่หลังบ้านก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยไปแล้วจริง ๆ  ตอนที่นางว่าง ๆ จนรู้สึกเบื่อ นางก็จะไปหาแม่ครัวและพูดคุยกับแม่ครัวบ้างเป็นครั้งคราว

ปากของแม่ครัวแน่นมาก บางครั้งเจียงป่าวชิงพูดถึงกงจี้ นางก็จะยิ้มและพูดถึงอย่างไม่ชัดเจน แต่หากเจียงป่าวชิงพูดถึงอย่างอื่น นางกลับสามารถพูดคุยกับเจียงป่าวชิงได้อยู่บ้าง

ทว่าเจียงป่าวชิงไม่ได้มาเพื่อสืบข่าวจากแม่ครัว แต่มาเพราะรู้สึกเบื่อเกินไปที่จะอยู่ในบ้านนี้ ยามปกติถ้าหากอยู่ที่บ้าน ไม่ทำผักในสวนผักก็จะไปเด็ดสมุนไพรในภูเขา ใช้ชีวิตอย่างสบายใจและรู้สึกสนุกไปกับมัน ไม่เหมือนตอนนี้ที่ถูกขังไว้ในบ้านเล็ก ๆ นางจึงไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี

แต่เจียงป่าวชิงรู้ว่ากงจี้กำลังจัดการเรื่องสำคัญ ๆ อยู่ นางไม่อยากไปรบกวนเขาด้วยเรื่องพวกนี้ ดังนั้น นางจึงต้องหาวิธีแก้เบื่อแก้กลุ้มด้วยตัวเอง

เจียงป่าวชิงถึงขั้นคิดว่านางจะไม่แต่งงานในอนาคตดีกว่า นางเกรงว่าตัวเองอาจติดอยู่กลางกำแพงตามธรรมเนียมปัจจุบัน ซึ่งมันไม่สนุกและน่าเบื่อมากจริง ๆ

เจียงป่าวชิงมีเรื่องหนักใจ แต่ใช่ว่าจะมีคนมองออกเพียงคนเดียว กงจี้เองก็มองออกเช่นกัน  ดังนั้น หลังจากที่ฝังเข็มเสร็จในบางครั้ง กงจี้ก็พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ถ้าเจ้ารู้สึกเบื่อเกินไป เจ้าก็ออกไปเดินเล่นสิ”

เจียงป่าวชิงกะพริบตาปริบ ๆ พลางเงยหน้าขึ้นมามองกงจี้ “ข้า… ข้าออกไปได้ด้วยหรือ ?”

เมื่อกงจี้เห็นท่าทางของเจียงป่าวชิง ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกอึดอัดที่ทรวงอกอยู่หน่อย ๆ “แล้วทำไมเจ้าถึงจะออกไปไม่ได้ ?”

เจียงป่าวชิงยิ้ม “ก็ข้ากลัวว่าจะเผลอไปสร้างปัญหาให้คุณชายกงไงเล่า”

เมื่อเห็นรอยยิ้มจาง ๆ ที่ริมฝีปากของเจียงป่าวชิง จู่ ๆ กงจี้ก็รู้สึกโกรธขึ้นมา “ในหัวใจของเจ้า ข้าเป็นคนที่ปกป้องไม่ได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ งั้นรึ ? เจ้าคิดว่าข้าไร้ความสามารถขนาดนั้นเลยรึ ?”

เจียงป่าวชิงหุบยิ้มลงอย่างช้า ๆ และเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณชายกงไม่ได้ถูกข้าแทงจนแย่ไปหรอกใช่ไหม ? ข้าก็แค่ไม่อยากให้มีปัญหาใหม่สอดแทรกเข้ามา อยากทำเรื่องให้เสร็จเพื่อจะได้กลับเร็ว ๆ แต่เจ้ากลับเข้าใจข้าผิด”

“เจ้ากับข้า ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายเข้าใจผิด” กงจี้รู้สึกโมโหเจียงป่าวชิงจนสีหน้าของเขาแข็งกระด้างราวกับว่าเขากำลังจะกินคนได้อยู่รอมร่อ

เจียงป่าวชิงรู้สึกว่ากงจี้ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย  นางดึงเข็มเสร็จพอดี และเมื่อนางจัดเก็บเรียบร้อยก็ลุกขึ้นแล้วพูดเสียงแข็งว่า “ไม่มีใครเข้าใจใครผิด เราแค่ความคิดไม่ตรงกันจึงทำให้คุยกันไม่รู้เรื่องก็เท่านั้น คุณชายกง ข้าขอตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนนะ”

กงจี้มองแผ่นหลังของเจียงป่าวชิงที่กำลังเดินจากไป เขาโกรธจนใจสั่น ร่างกายผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “เจียงป่าวชิง! เจ้ามัน…”

อ้าปากพูดได้ครึ่งเดียว จู่ ๆ กงจี้ก็ตระหนักได้ว่าเขายืนได้แล้ว …งั้นรึ ?

แต่แทบจะในชั่วพริบตาเดียว เขารู้สึกเจ็บแปลบตรงบริเวณสองขา  ขาของเขาไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ล้มลงไปอีกครั้ง

.