ตอนที่ 219 หัวหน้าครอบครัว

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 219 หัวหน้าครอบครัว

จิ่งหยางมักจะทำให้เธอคิดถึงนักแสดงหนังที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแต่มักจะเล่นบทอย่างว่า ส่วนจิ่งหน่วนก็ฟังดูไม่ดีเท่าไร มันพ้องเสียงกันอย่างเลวร้ายเสียจริง ๆ!

หรือว่าปัญหาอยู่ที่เธอตั้งชื่อ?

รถหยุดลงที่ด้านหน้าบ้านพักวิลล่าสีฟ้าขาว เธอลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว และทันทีที่เธอลงมาจากรถก็เข้าไปอุ้มหน่วนหน่วน “แม่จ๋า บ้านพ่อจ๋าใหญ่จังเลย”

“หนูชอบก็ดีแล้ว” เธอยิ้มและมองไปที่หยางหยาง ใบหน้าเล็ก ๆ ดูไร้วี่แววอารมณ์ใด ๆ แสดงออกมา

เธอจูงมือหยางหยาง “หยางหยาง!”

ทันทีที่จูงมือลูกชาย ก็เหลือไว้เพียงจิ่งเป่ยเฉินที่กำลังลงมาจากรถด้วยสีหน้าไม่มีทางเลือก

เขาเป็นพ่อ เป็นสามีของเธอ เป็นหัวหน้าครอบครัว ผู้หญิงคนนี้กลับไม่สนใจเขา!

เด็ก ๆ ทั้งสองเดินอย่างรวดเร็วอยู่ด้านหน้าโดยไม่มีความคิดเห็นใด ๆ กับสีหน้าที่นิ่งเฉยของจิ่งเป่ยเฉิน

อันโหรวมองไปที่คนรับใช้ที่ยืนยิ้มรออยู่หน้าประตูทางเข้า รอก่อนเถอะ ฉันจะคิดบัญชีกับนาย!

คนรับใช้พูดด้วยความพร้อมเพรียงกันว่า “คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย คุณหนู สวัสดีค่ะ”

“ช่วยไปยกกระเป๋าหน่อย” เธอสั่งอย่างใจเย็น ฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้จากด้านหลัง ทันทีที่เธอเข้ามาในบ้านก็ปล่อยหน่วนหน่วนและหยางหยาง

เหล่าคนรับใช้มองไปที่คนที่กำลังเดินเข้ามา เมื่อเห็นจิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ในชุดนอนก็ลังเลขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเรียก “คุณผู้ชาย”

“นี่นายเตรียมห้องให้ลูก ๆ แล้วเหรอ?” เธอหันไปถาม

“อืม” จิ่งเป่ยเฉินคุกเข่านั่งลงมองพวกเขา “พ่อจ๋าตกแต่งห้องชั้นบนไว้ให้พวกหนูด้วย ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนได้เลย”

“ต้องชอบอยู่แล้วค่ะ!” หน่วนหน่วนยิ้มตอบ พร้อมพุ่งเข้าไปหอมแก้มเขา “ขอบคุณนะคะพ่อจ๋า”

จิ่งเป่ยเฉินเบิกตากว้าง แม้หน่วนหน่วนจะชอบเขามาโดยตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับผลตอบแทน

อันโหรวที่ยืนอยู่ด้านข้างก็มองอย่างประหลาดใจ แต่แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีที่พวกเขาดีต่อกัน  

เธอจะเป็นห่วงก็แค่หยางหยาง

“ผมไม่เรื่องมากครับ” หยางหยางตอบกลับ

“เด็กดี” จิ่งเป่ยเฉินยืนขึ้น ก่อนจะจูงมือลูกทั้งสองขึ้นไปดูห้องด้านบน

อันโหรวยืนอยู่ที่เดิมพลางมองพวกเขา เสียงฝีเท้าที่เดินขึ้นไปชั้นบนไม่ได้รีบเร่งมากนัก มีแค่หน่วนหน่วนที่ห่วงใย หันหน้ากลับมามองเธอ จิ่งเป่ยเฉินจงใจชัด ๆ สมควรตายจริง ๆ!

เขาคงโกรธที่พวกเขาไม่รอเขาตอนที่เข้ามาเมื่อกี้ จึงใช้วิธีที่ไร้เดียงสานี้มาแก้แค้นเธอ!

จิ่งเป่ยเฉินพาลูก ๆ ขึ้นไปชั้นสามของบ้าน เธอจึงเดินเข้าไปห้องที่เธอเคยนอนที่ชั้นสอง นั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้งและมองตัวเองผ่านกระจกพร้อมเท้าคางโดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

แม้แต่จิ่งเป่ยเฉินที่เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอเองก็ไม่ทันสังเกต

จิ่งเป่ยเฉินเอนตัวไปที่ไหล่ของเธอ “คิดอะไรอยู่ถึงได้เหม่อลอยขนาดนี้”

“ไม่ได้คิดถึงนายก็แล้วกัน” เธอหันหน้าไปมองเขา รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าที่สง่างาม “ตอนนี้นายพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ ล่อเด็ก ๆ มาได้ยังไง?”

“ฉันพูดแค่ประโยคเดียว” จิ่งเป่ยเฉินยื่นนิ้วออกมา

เธอมองไปที่นิ้วเรียวยาวในกระจก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าหนึ่งครั้ง “อะไร?”

“เธอต้องย้ายมาอยู่กับฉัน แน่นอนว่าพวกลูก ๆ ก็ต้องตามเธอมา” เขาลดมือลงไปโอบที่เอวเธอ “ที่นั่นมันไม่ปลอดภัย ที่นี่ปลอดภัยกว่า”

“ตามใจนายเถอะ!” ในเมื่อมาแล้ว เธอจะทำอะไรได้

ที่นี่มีคนคอยช่วยดูแลหยางหยางและหน่วนหน่วน น่าจะดีกว่า เธอจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านด้วย  

เป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ ในสัปดาห์นี้ ย้ายบ้านเชียวนะ!

ในช่วงเวลาบ่ายโมง เธอรับโทรศัพท์จากหลินจือเซี๋ยว เธอเก็บของลงกล่องเรียบร้อยแล้ว และก็ได้ให้เสี่ยวหยางขับออกไปส่ง ในสายก็ยังพูดหยอกล้อเธอไม่หยุด

เธอยอมรับโดยดี ใครใช้ให้เธอไม่เช็กก่อน ‘หลงกลเล่ห์เหลี่ยม’ ของจิ่งเป่ยเฉินเข้าให้แล้ว เธอแทบจะรับมือไม่ทัน

หลังจากที่เธอกลับประเทศจีนมาได้ไม่นาน กระเป๋าสัมภาระก็ไม่ได้เยอะมาก แต่หลินจือเซี๋ยวรู้ดี แม้แต่เครื่องสำอางที่จิ่งเป่ยเฉินให้เธอก็ยังเอามาใช้แต่งหน้า

เธอวางมันไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มีที่วางเหลือเฟือ

แม้เรื่องข่าวของฮั่วตงจะยังคงถูกเผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์ แต่การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตระกูลจิ่งในวันนี้กลับได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินกว่าที่คิดไว้

เธอรู้สึกเหมือนว่าเรื่องที่เผยแพร่ไปนั้นกลับเป็นประโยชน์ เดิมทีไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไรนัก แต่พอเป็นกระแสขึ้นมากลับทำให้คนอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ยอดขายก็ดีขึ้นตาม

ด้วยยอดขายที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ชื่อเสียงของเครื่องหยกของตระกูลจิ่งก็ดังขึ้นเช่นกัน ยอดขายสูงทะลุขึ้นเทียบเท่าเครื่องหยกของกลุ่มโอวหยางลี่กรุ๊ปภายในวันเดียว

ไม่เพียงแค่นั้น ชื่อเสียงของเหอเฉ่าก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก การค้นหาชื่อเธอติดเทรนด์อันดับหนึ่งในโลกอินเทอร์เน็ต

ขณะที่เป็นที่จับตามองอยู่นั้น ระดับสูงอย่างเว่ยป๋อเองก็ติดต่อเธอมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ประกาศให้เธอเป็นนักแสดงคนสำคัญในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา แต่ไม่ได้มีคำอธิบายเพิ่มเติม

เมื่อคิดดูแล้วก็กระตุ้นความสงสัยให้กับทุก ๆ คนในการเลือกเธอเข้ามาสู่วงการบังเทิงในอนาคต แต่หวังว่าเธอจะไม่ถูกคนในแวดวงการบันเทิงหลอกลวงหรอกนะ

เมื่อย้ายของเสร็จก็ค่ำแล้ว อาหารมื้อเย็นนั้นดูอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก คำพูดของจิ่งเป่ยเฉินถือเป็นการต้อนรับเข้าบ้านใหม่อย่างมีความสุข

หลังจากนั้นหน่วนหน่วนก็ปล่อยให้เขาได้ลิ้มรสประสบการณ์เข้าบ้านใหม่อย่างมีความสุขครั้งแรก

เธออาบน้ำให้หน่วนหน่วน หน่วนหน่วนกอดเธอไว้ไม่ยอมปล่อย “แม่จ๋า หนูยังไม่ชินกับที่นี่ คืนนี้แม่มานอนกับหนูนะคะ”

“ได้สิคะ!” เธอตอบรับอย่างเต็มใจ

ขณะที่เธออุ้มหน่วนหน่วนลงมาด้านล่างและหยิบชุดนอนของตัวเองนั้น จิ่งเป่ยเฉินที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำนั่งอยู่บนเตียงพลางมองไปที่พวกเขาอย่างไม่กะพริบตา

เมื่อเดินไปก็ดึงเธอมา หน่วนหน่วนยังไม่ลืมที่จะพูดคำหวาน ๆ กับเขา “พ่อจ๋าราตรีสวัสดิ์”

“ราตรี…..สวัสดิ์” เขายิ้มตอบเบา ๆ สายตาจับจ้องไปที่ชุดนอนของอันโหรว

“สุขสันต์วันขึ้นบ้านใหม่นะ รีบนอนได้แล้ว” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย ก่อนจะจูงมือหน่วนหน่วนขึ้นไปบนห้อง

ประตูห้องนอนถูกปิดลง จิ่งเป่ยเฉินยังคงยืนนิ่งอยู่ การขึ้นบ้านใหม่ในภาพจินตนาการของเขาไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย!

ในเช้าวันรุ่งขึ้น นาฬิกาปลุกของอันโหรวก็ปลุกขึ้น เธอลืมตามองไปรอบ ๆ ห้องสีชมพู เธอลืมไปได้ยังไงว่าเธอย้ายบ้านมาตั้งแต่เมื่อวาน เธอไม่ต้องตื่นมาเตรียมข้าวเช้าแล้ว

หน่วนหน่วนที่ย้ายมาอยู่บ้านใหม่เมื่อวานนี้ดูตื่นเต้นมาก เล่นกันสนุกสนานอยู่ในห้องสักพักเธอจึงผล็อยหลับไป ทำให้เธอยังรู้สึกนอนไม่พอเท่าไร

เธอห่มผ้าให้หน่วนหน่วน ก่อนที่เธอจะนอนต่อ

อีกครั้งที่เธอถูกปลุกด้วยเสียงตะโกนเรียกเธอจากหน่วนหน่วน เธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนจะกอดลูกลงไปนอนอีกครั้ง

“แม่จ๋า พวกเรานอนดึกตื่นสายไปหรือเปล่าคะ? พ่อจ๋ากับพี่ชายต้องตื่นก่อนแล้วแน่ ๆ” หน่วนหน่วนแต่งตัวไปพลางถามเธอไปด้วย

มาอยู่บ้านพ่อวันแรกก็ทำตัวดูไม่ดี

“งั้นต่อไปนี้จะไม่นอนดึกแบบนั้นแล้ว เข้าใจไหมคะ?” เธอก้มหน้าไปมองลูกและพูดเบา ๆ

“ค่ะ คืนนี้จะรีบนอนแน่นอนค่ะ” หน่วนหน่วนพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง

ทั้งสองลงไปชั้นล่าง จิ่งเป่ยเฉินและหยางหยางทั้งสองคนอยู่ในชุดออกกำลังกายที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พวกเขายืนอยู่ในห้องรับแขก

“พวกนายทำอะไรกัน?” เธอถามอย่างสงสัย

“ออกกำลังกาย” จิ่งเป่ยเฉินขมวดคิ้วพร้อมยิ้มให้ มองเธอที่เดินมา “ลูกร่างกายอ่อนแอเกินไป ต้องฝึกอีกเยอะเลย พรุ่งนี้ฉันจะส่งลูกไปโรงยิมเทควันโด”

“ครับ!” อันหยางพยักหน้าพลางขานรับเสียงดัง

“หยางหยาง มันเหนื่อยมากเลยนะ” เธอดูกังวลเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนนี้ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอยู่ในโลกออนไลน์

“ผมไม่กลัว ผมเป็นลูกผู้ชาย” อันหยางหันไปมองเธอ เสื้อออกกำลังกายสีขาวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำให้แนบเนื้อไปบนอก สีหน้าที่หนักแน่นและแววตาที่เป็นประกายนั้นทำให้เธอไม่สามารถเพิกเฉยได้

“ผมต้องปกป้องแม่จ๋ากับน้องสาว” เขากล่าวเสริม