ภาคที่ 3 บทที่ 70 ชิงเรือ

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 70 ชิงเรือ

“เรียกข้าว่าหน้ากากปีศาจเถอะ” ซูเฉินเอ่ยคำขึ้น

แม้การใช้ชื่อเล่นที่เขาได้มาเมื่อคราวเทือกเขาสีเลือดอาจทำให้ตัวตนเปิดเผย แต่ใครสนกัน ?

ได้ยินคำซูเฉินแล้วชายชราก็หัวเราะ “หน้ากากปีศาจหรือ ? ได้ เช่นนั้นหน้ากากปีศาจต้องการรับบริการใดจากชายชราเช่นข้ากัน ?”

ซูเฉินส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้ชายชรา

เมื่อชายชราเหลือบมองมัน ใบหน้าก็แข็งค้างไป “เจ้าจะนำข้อมูลนี้ไปทำอะไร ?”

“ย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน” ซูเฉินตอบกลับ

ชายชรายักไหล่ “ก็ถูกของเจ้า ก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ดูท่าโชคของตระกูลสายเลือดชั้นสูงแห่งเมืองธารน้ำใส ใกล้จะหมดแล้วสินะ”

พูด ๆ อยู่ก็พลันลดเสียงลงต่ำ ขยับริมฝีปากทว่าไร้เสียง หากแต่ซูเฉินกลับพยักหน้ารับหลายครา

เป็นเช่นนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มพยักหน้ารับต่อไป จากนั้นหยิบถุงเล็กถุงหนึ่งขึ้นมา “ให้ท่าน”

“ด้วยความยินดียิ่ง” ชายชราเปิดถุงออกดูพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่น

เขาเก็บถุงนั้นกลับไป จากนั้นเห็นว่าซูเฉินหันไปแล้วทำท่าจะเดินออกจากร้าน “ไม่อยู่ดื่มเหล้าอีกสักหน่อยหรือ ?”

“ไม่จำเป็นแล้ว เรื่องจบเมื่อไรข้าจะมาพบท่านอีก” ซูเฉินพูดจบก็หันหลังยกมือขึ้นโบกลาชายชรา

พอเดินออกมานอกร้านเหล้าแล้ว ซูเฉินก็รีบหยิบยาขวดหนึ่งขึ้นมากระดกจนหมดด้วยใบหน้าชุ่มเหงื่อ

“นายท่าน !” กังเหยียนร้องขึ้นเสียงเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นไร พิษของตาเฒ่านั่นแรงไม่น้อย ข้าเกือบฝืนไม่ไหว” ซูเฉินเอ่ยเสียงแผ่ว

มองเผิน ๆ อาจดูเหมือนเขาทำการค้ากับเถาอู่เหยียธรรมดา แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังคือการทดสอบ

ไม่เช่นนั้นเถาอู่เหยียจะยอมรับเขาได้ง่ายดายเช่นนี้หรือ ?

จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เถาอู่เหยียไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เราผ่านบททดสอบเขาแล้ว หากเราต้องการข้อมูลอะไร ต่อไปก็มาที่นี่ได้ ส่วนตอนนี้เรายังมีเรื่องอื่นให้จัดการอีก”

“เราจะไปที่ใดหรือ ?” ถังหมิงถาม

“คืนนี้จะมีกองเรือจากเมืองธารน้ำใสผ่านทางน้ำที่นี่”

ถังหมิงตาเป็นประกาย “เราจะชิงเรือสินะ !”

“เป็นเช่นนั้นล่ะ” ซูเฉินหัวเราะ

ในเมื่อคิดจะใช้โจรสลัดสู้โจรสลัดแล้ว ตอนนี้ก็ได้เวลาลงมือเสียที

จากนี้ไป กองกำลังสามสายธารจะไม่ปล้นกองเรือใดนอกจากกองเรือที่มาจากเมืองธารน้ำใสเท่านั้น !

————————————————

ยามราตรีมาถึงในที่สุด ที่ผืนน้ำของบึงหลิงหยวน ขบวนเรือสินค้าค่อย ๆ ลอยไปตามทางน้ำอย่างสงบ

มองดูไกล ๆ พบว่ามีเรืออย่างน้อย 20 ลำลอยเรียงกันเป็นเส้นตรง บนเรือมีสินค้ามากมายที่มาจากต่างแดน เป็นสินค้าเช่นพวกเกลือ น้ำตาลขาว และพวกขนสัตว์

อาจเพราะไม่พบเจอโจรสลัดอื่นมานาน กองเรือจังมีเพียงคนคุ้มกันไม่กี่คนที่เดินตรวจตราบนตัวเรือ

ไม่มีใครสังเกตเห็นนัยน์ตาคู่หนึ่งที่สร้างขึ้นจากพลังต้นกำเนิด ที่มันกำลังมองพวกเขาอยู่จากที่ไม่ไกลนัก

หลังจากสังเหตการณ์อยู่อีกเล็กน้อย นัยน์ตาคู่นั้นก็บินกลับไปยังฟากฝั่งที่มีต้นไม้ขึ้นรก ก่อนจะค่อย ๆ บินลงมาบนฝ่ามือซูเฉิน จากนั้นก็หายไป

ที่ด้านหลังคือกลุ่มโจรสลัดที่มารวมตัวรอรับคำสั่ง

หลังจากเอาเนตรสอดส่องเก็บไปแล้วจึงเอ่ยขึ้น “มีคนด่านกลั่นโลหิตทั้งหมด 3 คน ด่านก่อเกิดลมปราณ 6 คน ทั้งหมดรวมตัวกันอยู่ที่เรือลำหน้าสองลำ แจ้งทุกกองกำลังให้เตรียมตัวโจมตี”

เสียงผิวปากดังขึ้นหลายครั้งด้วยกัน เรือโจรสลัดทั้งหลายเริ่มปรากฏขึ้นให้เห็น ภายใต้ความมืดมิด พวกมันเคลื่อนที่ไปยังจุดมุ่งหมายเดียวกัน

ผู้เชี่ยวชาญสองสามคนเริ่มสร้างหมอกดำกินพื้นที่กว้างขึ้นมา ทำให้ราตรีที่มืดมิดยิ่งดำมืดกว่าเดิม

เรือโจรสลัดเดินหน้าต่อไปพร้อมกับหมอกดำที่ปกคลุม พวกทหารคุ้มกันบนเรือไม่อาจตรวจพบร่องรอยจนกระทั่งพวกเขาเข้าประชิดแล้ว

“ใครกัน ?”

โจรสลัดคนหนึ่งหัวเราะเสียงทะมึน “ก็ย่อมต้องเป็นคนที่อยากปล้นตระกูลสายเลือดชั้นสูงอย่างไรเล่า ! พี่น้องข้า ลุยเลย !”

ตู้ม !

เรือลำหน้าพุ่งเข้ามาใส่ยังเรือขนสินค้าลำแรก พริบตาต่อมา ตะขอนับไม่ถ้วนก็ถูกโยนเข้ามาเกี่ยวลำเรือไว้ จากนั้นเงาร่างมากมายก็กระโดดขึ้นเรือมา โดยมีเจียวอิ่นกวงที่เดิมเป็นรองหัวหน้านำกองกำลังสามสายธาร

เขาตวัดดาบคราหนึ่ง เจียวอิ่นกวงก็ฟันเสากระโดงใหญ่จนหักสองท่อน จากนั้นตะโกนขึ้น “ใครกล้าขัดขืนหรือหลบหนีจะถูกสังหาร !”

จากนั้นเสียงร้องแจ้งเตือนจึงดังขึ้นในยามค่ำคืน

ทหารคุ้มกันสองสามคนพากันพุ่งเข้ามา “ใครกล้าปล้นเรือสินค้าจากเมืองธารน้ำใสกัน ?”

“ก็พวกเจ้านี่ล่ะที่พวกข้ามาปล้น !”

เจียวอิ่นกวงตวัดดาบล้อแสงอีกครั้ง เสือกเข้าแทงความมืดยามค่ำคืน ทะลุร่างทหารคุ้มกันที่อยู่ตรงหน้า

เรือที่พุ่งเข้าใส่ตรงมุมทำให้เกิดคอขวด ขวางทางเรือด้านหลังไว้จนทำให้ไม่อาจเดินหน้าหรือล่าถอยได้ เรือโจรสลัดเองก็เริ่มรุดหน้าขึ้นมาเช่นกัน

แม้จะมีเรือสินค้าหลายลำ แต่ก็ขนสินค้ามาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้มีความสามารถในการโจมตีมากมายนัก แม้ทหารคุ้มกันจะสู้สุดตัว แต่สุดท้ายก็ถูกโจรสลัดนับร้อยสังหารสิ้น

ซูเฉินไม่แม้แต่จะเข้าร่วมการต่อสู้ เพียงแต่มองดูสถารการณ์จากไกล ๆ เท่านั้น

ภายในเวลาชั่ว 3 ก้านธูป การต่อสู้ชิงเรือก็ใกล้ถึงจุดสิ้นสุด

ครึ่งชั่วยามต่อมา ซูเฉินก็คุมกองเรือสินค้าทั้งหมดไว้ได้

“หัวหน้า เราชิงเรือมาได้ 23 ลำคน 124 คน สินค้าอีกนับไม่ถ้วน จะให้ทำอย่างไรต่อดีขอรับ ?” โจรคนหนึ่งรายงาน

“ทิ้งเรือไว้ลำหนึ่ง ส่งคนกลับไปด้วย ส่วนที่เหลือนำกลับไปเกาะใจหยก ขายมันให้เถาอู่เหยีย” ซูเฉินเอ่ยเสียงเรียบ

“รับทราบ !”

“ชนะขาดลอย” เว่ยหยางหัวเราะ

“นี่แค่เริ่มเท่านั้น” ซูเฉินว่า

เมื่อได้สินค้าจำนวนมากมาครองแล้ว กองเรือทั้งหลายก็เริ่มมุ่งหน้ากลับสู่เกาะใจหยก

และเมื่อรุ่งสาง เกาะใจหยกก็เตรียมพร้อมรับผลประโยชน์ก้อนใหญ่

สินค้าจากเรือนับสิบลำเรียงรายอยู่บนท่าเรือ พวกโจรสลัดได้แต่ถอนหายใจด้วยใบหน้าตื่นเต้น ไม่รู้ว่าใครปล้นเอาสินค้ามามากขนาดนี้ได้

แต่เมื่อได้ยินว่ามาจากกองเรือสินค้าธารน้ำใส สีหน้าก็แปรเปลี่ยนทันควัน

“บัดซบแล้ว พวกมันกล้าแตะสินค้าของเมืองธารน้ำใสหรือ ? ไม่รู้จักคำว่าตายหรือไร ?”

“กองกำลังขุนเขาหยกและกองกำลังวิทูรกระจ่างไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่”

“ใช่แล้ว ก่อนหน้านั้นก็มีคนไม่รู้ต่ำสูง แตะต้องสินค้าของตระกูลสายเลือดชั้นสูง สุดท้ายก็ถูกกองกำลังขุนเขาหยกกำจัดสินซากเลยไม่ใช่หรือ ?”

“แถมตอนนั้นยังเป็นเพียงสินค้าจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงสองตระกูลเท่านั้น แต่ครั้งนี้ดูท่าจะเป็นสินค้าจากทั้งพันธมิตรตระกูลสายเลือดชั้นสูงเลย มันกล้าล่วงเกินตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งหมดในครั้งเดียวเลยนะ”

“พวกมันไม่รอดแน่ ถูกกองกำลังขุนเขาหยกล้างบางแน่นอน”

“เจ้าพูดถูก ๆ”

โจรสลัดทั้งหลายต่างส่งสายตาเห้นใจให้ซูเฉิน

ไม่ว่าคนนอกพวกนี้จะคิดอย่างไร คนในกองกำลังสามสายธารต่างก็กำลังมีความสุขกับชัยชนะครั้งใหญ่

หลังผ่านการถกเถียงตึงเครียดระยะหนึ่ง เถาอู่เหยียก็เสนอราคาซื้อสินค้าทั้งหมดมาในที่สุด ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างปรานีเลยทีเดียว

“หินพลังต้นกำเนิด 1 ล้านก้อนอยู่ในนี้แล้ว” เถาอู่เหยียกล่าว จากนั้นมอบแหวนกักเก็บให้ซูเฉิน

“เถาอู่เหยียใจดีไม่น้อย” ซูเฉินหัวเราะแล้วรับมันมา

“อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า รับเงินไปแล้วก็ไปเสีย แล้วอย่ากลับมาเกาะใจหยกอีกสักระยะหนึ่ง” เถาอู่เหยียพูด

“ขอบคุณท่านเถาอู่เหยียมากที่กล่าวเตือน ข้ารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร” ซูเฉินหัวเราะแล้วจากไปพร้อมกับคนอื่น ๆ

พวกเขาไม่รีรออีก แต่ขึ้นเรือทันทีที่มาถึงท่า จากนั้นก็เคลื่อนตัวออกไป

หลังจากพวกเขาจากไปไม่นาน เรือลำใหญ่ก็แล่นเข้ามา

โจรหน้าตาดุร้ายผู้หนึ่ง บนหลังสะพายดาบใหญ่ไว้กระโดดลงมาจากเรือ จากนั้นร้องตะโกนลั่น “ไอ้บัดซบตัวไหนที่มันปล้นเรือสินค้าเมืองธารน้ำใสกัน ?”