บทที่ 139: ไพ่ตายของอลิเซีย
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชาร์ล็อต โซโรฟยา”
“ฉันโรเอล แอสคาร์ด ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ทางเข้าคฤหาสน์ของตระกูลแอสคาร์ด โรเอลผู้แต่งตัวสวมชุดอย่างดีได้มายืนประจันหน้ากับเด็กสาวผมสีน้ำตาลแดงและสลับกันแนะนำตัว ทันทีที่ชายตาของเขามองไปยังเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า โรเอลก็ตกอยู่ในความงุนงงไปชั่วขณะ
เธอสวยจริง ๆ
โรเอลคิดขณะมองไปที่เด็กสาวที่แนะนำตัวอย่างสุภาพ
ในฐานะคนที่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอลิเซียมานาน โรเอลคิดว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันต่อหญิงงามค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตามต่อหน้าคู่หมั้นของเขา เด็กชายก็ตระหนักได้ว่าตนเองนั้นยังไร้เดียงสาเกินไป
หากความงามของอลิเซียเป็นดั่งงานศิลปะอันทรงพลังที่ทำให้ผู้ที่จ้องมองมารู้สึกตื่นตาตื่นใจ ชาร์ล็อตก็เปรียบเสมือนงานศิลปะอันละเอียดอ่อนที่อาจจะไม่ส่งผลกระทบทันทีตั้งแต่แรกเห็น แต่กลับค่อย ๆ ดึงดูดใจของผู้ชมไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายที่สุดใคร ๆ ก็ต้องหลงใหล
ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าอันวิจิตรงดงาม ร่างกายเพรียวสวยงาม บวกกับเส้นผมนุ่มสลวยเงางามของเธอ และบรรยากาศอันสูงส่งที่สุดบรรยาย ทั้งหมดนี้ล้วนแสดงให้โรเอลเห็นถึงข้อเท็จจริงอย่างหนึ่ง
2D—ไม่! 3D—ใช่!
นี่เป็นครั้งแรกที่โรเอล ผู้เคยเชื่อว่าสาว 2D สวยงามไร้ที่เปรียบต้องเปลี่ยนความคิด มันไม่มีทางเลยที่นางเอกเหล่านี้ในรูปแบบ2D ในเกมที่เขาเห็น จะสามารถชนะตัวตนของพวกเธอในรูปแบบ 3D ได้
สายเลือดเชื้อสายไฮเอลฟ์ของชาร์ล็อตทำให้เธอเปล่งประกายเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศของชนชั้นสูง ส่งผลอิทธิพลต่อคนรอบข้าง ทำให้เหล่าคนรับใช้ของตระกูลแอสคาร์ดต้องประหลาดใจที่ได้เห็นตัวตนเช่นเธอบนโลกนี้
แม้แต่แอนนา ผู้นำแฟนคลับ โรเอล X อลิเซีย ก็ยังต้องหรี่ตาลง
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ฝั่งโรเอลเท่านั้นที่ตกตะลึงไปกับการพบกันครั้งแรกนี้ ชาร์ล็อตเองก็ตกใจเหมือนกัน…
ทำไมเขาถึงได้ดูยากจนขนาดนี้?
ชาร์ล็อตจ้องไปที่บรรยากาศที่ดูเหมือนคนยากไร้รอบ ๆ โรเอล ก่อนจะหันไปมองคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด เด็กสาวอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงด้วยความสับสนต่อสิ่งนี้
แปลกมาก คฤหาสน์นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความร่ำรวย แต่แล้วทำไมเขากลับไม่มีมันอยู่?
ชาร์ล็อตไม่เข้าใจถึงความขัดแย้งนี้ แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับเธอ สถานะทางการเงินของคู่สมรสไม่ใช่สิ่งที่เธอจำเป็นต้องคำนึงถึง เด็กสาวมีทรัพย์สินเงินทองมากมายอยู่แล้ว เรื่องเงินไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเธอ
ด้วยความคิดเช่นนั้นในใจ ชาร์ล็อตก็ได้เบนความสนใจจากบรรยากาศอันยากจนของโรเอล มุ่งความสนใจไปที่คุณสมบัติอื่น ๆ ของเขา แม้ว่าเกรซจะเคยเล่าถึงรูปลักษณ์ของคู่หมั้นให้เธอฟังแล้วก็ตาม แต่เด็กสาวก็ไม่อาจสามารถหยุดหัวใจไม่ให้เต้นผิดจังหวะได้ เมื่อได้มองดูเขาตรง ๆ
โรเอลนั้นดูหล่อเหลาและสุภาพมากจริง ๆ เขามีร่างกายที่สมส่วน และดวงตาสีทองที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันลึกลับพร้อมที่จะดึงดูดผู้คนเข้ามาหา
เสน่ห์ลึกลับนี้มาจากพลังเวทที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎ มันทำให้ชาร์ล็อตถูกดูดเข้าหาโรเอลอย่างอธิบายไม่ได้ แต่ด้วยที่เธอมีประสบการณ์ทางสังคมมามาก เด็กสาวจึงสามารถปกปิดความรู้สึกของตนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
กลับกันแล้วผู้ติดตามของชาร์ล็อตไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมตนเองเท่าไหร่นัก
เกรซมองไปยังชายผู้ ‘เลวทราม’ ตรงหน้า ทันใดนั้นดวงตาของสาวใช้ก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย
ต้องยอมรับเลยว่าโรเอลในวันนี้ดูดีต่างจากตอนที่เขาเพิ่งลุกจากเตียงเมื่อวานมาก วันนี้เด็กชายให้บรรยากาศอันน่าประทับใจ ทั้งอ่อนโยนและหนักแน่น ชวนให้นึกถึงปราชญ์ผู้ปราดเปรื่อง
น่าเสียดายที่ภาพลักษณ์เชิงบวกนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกอุปทานหมู่ที่ฝั่งตระกูลโซโรฟยามีเลยแม้แต่น้อย
ชาร์ล็อตเหลือบมองโรเอลชั่วครู่ ก่อนจะลดสายตาลง เธอไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคู่หมั้นของตนถึงได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงขององค์หญิงแห่งจักรวรรดิเซนต์เมซิท รูปลักษณ์ของเขาเกินความคาดหมายของเธอไปมาก ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวลือแย่ ๆ รอบตัวโรเอล ชาร์ล็อตอาจตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็นเลยด้วยซ้ำ
น่าเสียดายที่สิ่งที่อยู่ภายในนั้น ไม่ตรงกับสิ่งที่เขาแสดงออกมาภายนอก…
“การเดินทางมาที่นี่คงทำให้คุณเหนื่อยมากสินะ คุณชาร์ล็อต พักดื่มชาสักถ้วยกันก่อนไหม?”
“แน่นอน เป็นเกียรติของฉัน คุณโรเอล”
ชาร์ล็อตตอบรับคำเชิญของโรเอลอย่างสุภาพ ก่อนที่ทั้งสองจะมุ่งหน้าไปยังโต๊ะน้ำชาตามขั้นตอนที่พวกเขาตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันคนรับใช้ที่ประตูก็เริ่มจัดเรียงรถม้าเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด มันค่อนข้างจะต้องใช้เวลาและกำลังคนมากพอสมควร เนื่องจาก สายธารแห่งอัญมณีของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยานั้นมีขนาดใหญ่มาก จนแม้แต่โรเอลก็ยังตกใจเมื่อได้เห็นมันเป็นครั้งแรก
ทว่าสถานการณ์กลับเปลี่ยนไปเป็นตาลปัตร เมื่อพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด
ชาร์ล็อตมองดูเหล่าของสะสมโบราณจำนวนมหาศาลที่ถูกวางไว้ทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์ เธออดที่จะแปลกใจไม่ได้ แม้ว่าจะเคยได้ยินเรื่องนี้จากเกรซมาก่อนแล้ว แต่การได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ยังคงทำให้ตกตะลึงได้อยู่ดี
เมืองโรซ่าเพิ่งแยกตัวออกจากจักรวรรดิออสทีนและกลายมาเป็นสมาคมพ่อค้าโรซ่าได้เพียงแค่ร้อยปีเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะสามารถสะสมทรัพย์สมบัติมาได้มหาศาลภายในระยะเวลาอันสั้นนี้ แต่ในมุมมองของอาณาจักรมหาอำนาจส่วนใหญ่ในทวีปเซีย พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากเศรษฐีคนใหม่
เมืองโรซ่าขาดประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานต่างจากอาณาจักรอื่น ๆ โบราณวัตถุในท้องถิ่นส่วนใหญ่มีอายุเพียงร้อยปีเท่านั้น วัตถุโบราณที่มีอายุนานมากกว่าร้อยปี มักจะเป็นของที่ถูกนำเข้ามาจากต่างอาณาจักร
หากมองในแง่นี้ มันถือเป็นชัยชนะโดยสมบูรณ์ของตระกูลแอสคาร์ด
ชาร์ล็อตสังเกตเห็นว่ามีกระดาษใบเล็ก ๆ วางอยู่ข้างโบราณวัตถุทุกชิ้น ราวกับจะเน้นให้เห็นถึงความเป็นมาของโบราณวัตถุเหล่านั้น
「 ปี 79 มี.ค. ของขวัญจากดยุกลูซีน ในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของเขา」
「 ปี 828 กุมภาพันธ์ ของขวัญจากจักรพรรดินีวิกตอเรียระหว่างงานเลี้ยงของราชวงศ์」
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของตระกูลแอสคาร์ด ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี รวมถึงเครือข่ายทางสังคมอันน่าเกรงขามของพวกเขา เมื่อได้เห็นชาร์ล็อตมองดูกระดาษแต่ละใบอย่างรวดเร็ว โรเอลก็รู้สึกเบิกบานใจ
นี่เป็นความคิดที่เด็กชายคิดขึ้นมาได้ในนาทีสุดท้าย
เมื่อวานนี้ขณะที่เขาพานอร่าไปเที่ยวสำรวจของสะสมที่มีอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงคลังเกียรติยศล้านปีของจักรวรรดิออสทีน
“บางทีเราน่าจะทำแบบนั้นได้เหมือนกัน”
หลังจากที่ร่างจำแลงของนอร่าหายไป โรเอลก็ลูบคางของเขาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเสนอแนวคิดนี้ให้แอนนา
ในแวดวงชนชั้นสูง วัตถุโบราณมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงมรดกและชนชั้นของตระกูลขุนนาง อย่างไรก็ตามพวกมันจะมีค่าก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายทราบถึงที่มาของพวกมัน ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นจะรู้ถึงจุดนั้น
แม้แต่โรเอลก็ยังลำบากในการระบุที่มาของวัตถุโบราณต่าง ๆ ในคฤหาสน์ นับประสาอะไรกับคนแปลกหน้า!
ดังนั้นเด็กชายจึงตัดสินใจที่จะลดระดับความยากลง โดยเลียนแบบมาจากพิพิธภัณฑ์ในโลกเดิมของเขา
ไม่รู้จักวัตถุโบราณพวกนี้งั้นเหรอ? อา ไม่เป็นไร อย่างน้อย ๆ ก็อ่านหนังสือออกใช่ไหมล่ะ?
เพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมให้ดียิ่งขึ้น โรเอลจึงได้จัดเรียงโบราณวัตถุต่าง ๆ ตามอายุของมัน สร้างเรื่องราวตามลำดับเหตุการณ์ให้กับแขก แม้มันจะเป็นรายละเอียดเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ก็มีประสิทธิภาพมากในการสร้างความประทับใจให้กับแขกที่เข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลแอสคาร์ด
หลังจากโอ้อวดรอบด้านไปแล้ว โรเอลและชาร์ล็อตก็มาถึงห้องรับรองและเริ่มสนทนากันอย่างเหมาะสม ทั้งสองคนรู้ดีถึงสัญญาการหมั้นหมาย พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงหัวข้อนั้น และมันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ถ้าหากจู่ ๆ พูดเรื่องนั้นขึ้นมา
โรเอลคิดว่าเขาควรจะสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับชาร์ล็อตก่อนที่จะเข้าเรื่องนั้น ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือการชมเชย
“แม้แต่ในเมืองโรซ่า ฉันก็ได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของท่านมาร์ควิส ลุงคาร์เตอร์มามากมาย ถ้าจำไม่ผิด เขาทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการหน่วยขนส่งเสบียงของจักรวรรดิเซนต์เมซิทในการทำสงครามที่ชายแดนตะวันออกใช่ไหม? ถือเป็นโชคดีของทหารที่นั่นจริง ๆ ที่พวกเขาสามารถทุ่มเทความสนใจไปรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้นได้ โดยไม่ต้องมากังวลเกี่ยวกับการเสบียง”
“ได้ยินมาว่า ท่านบรูซ เองก็มีส่วนอย่างมากในการทำสงครามเช่นกัน สมาคมพ่อค้าโรซ่าให้การสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่แก่กองทัพที่ต่อสู้ในแนวหน้า ทำให้ผู้คนจากทุกอาณาจักรต่างสรรเสริญความเมตตาของเขา”
เด็กชายและเด็กหญิงกล่าวชมเชยซึ่งกันและกันด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มแจ่มใส เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งคู่มีทักษะในการหลบหลีกในสภาพแวดล้อมทางสังคม ทำให้เข้ากันได้ดีขึ้นจนสามารถสร้างสายสัมพันธ์ง่าย ๆ ได้อย่างรวดเร็ว สร้างรากฐานสำหรับพวกเขาในการขับเคลื่อนบทสนทนาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับตนเองและความสนใจของพวกเขา
โรเอลสนใจเกี่ยวกับหนังสือ ส่วนชาร์ล็อตสนใจเรื่องธุรกิจ
โรเอลทำงานนอกเวลาในฐานะผู้บัญชาการทหารและตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ด ในขณะที่ชาร์ล็อตขลุกอยู่กับการออกแบบเสื้อผ้า เครื่องดนตรีและศิลปะ
“…”
ทั้งคู่มีความแตกต่างค่อนข้างชัดเจน
ความสนใจของพวกเขาแทบจะไม่มีอะไรทับซ้อนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเพียงแค่แตะเบา ๆ ในหัวข้อนี้ก่อนที่จะพูดถึงชีวิตของตนเองอย่างรวดเร็ว
“โอ้? คุณชาร์ล็อตได้เข้าร่วมในฐานะผู้บริหารของสมาคมพ่อค้าโซโรฟยามาได้สี่ปีแล้วงั้นหรือ? น่าประทับใจจริง ๆ ฉันเพิ่งได้เป็นตัวแทนผู้ปกครองเขตการปกครองแอสคาร์ดได้ไม่ถึงสามปีด้วยซ้ำ”
“คุณโรเอลถ่อมตัวเกินไปแล้ว ฉันได้ยินความปรีชาสามารถของคุณมาจากหน่วยข่าวกรองของเมืองโรซ่า แม้ว่าคุณจะไม่มีเครือญาติคอยสนับสนุน แต่คุณก็ยังสามารถพัฒนาเขตการปกครองแอสคาร์ดเพียงลำพัง มาได้ถึงขนาดนี้ ความสำเร็จของฉันเทียบอะไรไม่ได้หรอก”
“คุณชาร์ล็อตก็ชมฉันมากเกินไป นอกจากนี้ก็ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีญาติอยู่เคียงข้าง คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับน้องสาวบุญธรรมของฉันที่ชื่อว่าอลิเซียใช่ไหม?”
ทันทีที่โรเอลผู้ชื่นชอบน้องสาวกล่าวถึงเรื่องอลิเซีย บทสนทนาก็ถูกเปิดออกราวกับประตูระบายน้ำที่พังลงทำให้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวกราก เขาเริ่มชมอลิเซียราวกับว่าตนเองเป็นบิดาวัยสี่สิบปีที่กำลังคุยโวเรื่องลูกสาวของตัวเอง
กลับกันแล้ว ใบหน้าของชาร์ล็อตได้แข็งทื่อลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินชื่ออลิเซีย เธอก็หวนนึกถึงรายงานที่ได้รับมาจากเกรซ พลันความรู้สึกเกลียดชังปรากฏขึ้นในใจ
ทว่าระหว่างที่ชาร์ล็อตกำลังฟังเสียงคุยโวของโรเอลอย่างเงียบ ๆ สายตาของเธอก็เกิดความสับสนขึ้น ดูเหมือนว่าโรเอลจะไม่ได้จงใจที่จะพูดถึงหญิงอื่นที่ตนเองมีความสัมพันธ์อย่างผิดกฎหมายด้วยต่อหน้าคู่หมั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพิจารณาจากไหวพริบในการสนทนาของเขาแล้ว มันแปลกที่เด็กชายจะทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้นทัศนคติของโรเอล ให้ความรู้สึกเหมือนกับพ่อแม่ที่กำลังอวดลูกของตัวเองเสียมากกว่า
ทั้งหมดนี้จึงทำให้ชาร์ล็อตเริ่มพิจารณาสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง
หากเด็กสาวละทิ้งอคติที่ได้รับจากข้อมูลก่อนหน้านี้ โรเอลถือว่ามีคะแนนการประเมินค่อนข้างสูง เมื่อพิจารณาจากผลงานของเขาจนถึงตอนนี้แล้ว เด็กชายทำได้ดีเกินความคาดหมายสูงสุดของชาร์ล็อตด้วยซ้ำ
มันอาจเป็นความเข้าใจผิดรึเปล่า?
ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมาภายในใจของชาร์ล็อต ดวงตาของเด็กสาวค่อย ๆ กลับมาเรืองแสงอีกครั้ง หัวใจเริ่มเต้นระรัว เร็วขึ้นและเร็วขึ้น
ปฏิกิริยาของชาร์ล็อตได้ถูกจับตาดูอย่างจริงจังโดยแอนนาที่ยืนอยู่ด้านหลังโรเอล ทำให้หน้าผากของเธอย่นลงเล็กน้อย
อย่างที่เราคิดจริง ๆ อุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนั้นมันยังไม่พอ แอนนาคิดพลางถอนหายใจ
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่านายน้อยของพวกเธอมีเสน่ห์มากพอที่จะทำลายชื่อเสียงแย่ ๆ ทั้งหมดเมื่อวาน ที่คนของตระกูลโซโรฟยาเจอมาลงได้ อย่างไรก็ตามโชคดีที่พวกเธอได้เตรียมไพ่ตายใบสำคัญซ่อนเอาไว้อยู่
สาวใช้ส่งสัญญาณไปทางประตู จากนั้นคนรับใช้ก็เดินเข้ามาและรายงานว่าอาหารกลางวันพร้อมแล้ว ส่งผลให้โรเอลกับชาร์ล็อตต้องแยกจากกันชั่วคราว มุ่งหน้าไปยังห้องของตนเพื่อเตรียมรับประทานอาหาร
การพักผ่อนช่วงสั้น ๆ ทำให้โรเอลได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก การสร้างความประทับใจนั้นเป็นงานที่ยากจริง ๆ
เหล่าสาวใช้ได้อาศัยโอกาสนี้ในการแต่งแต้มเครื่องสำอางของโรเอลด้วยเครื่องสำอางที่พวกเขาเตรียมไว้ล่วงหน้า และเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขาให้สบาย ๆ มากขึ้นอีกด้วย
“อลิเซียอยู่ที่ไหน? เธอเรียนแค่ตอนเช้าไม่ใช่เหรอ เธอน่าจะมาทานข้าวกลางวันกับเราได้ใช่ไหม?”
“นายหญิงอลิเซียออกไปซื้อหนังสือค่ะ ท่านจะกลับมาในตอนกลางคืน”
“เข้าใจแล้ว”
โรเอลพยักหน้าตอบก่อนจะเปลี่ยนชุดอย่างรวดเร็ว
บางทีมันคงจะดีกว่าหากอลิเซียไม่อยู่ที่นี่ เนื่องจากโรเอลสัมผัสได้ถึงการปิดกั้นที่เธอมีต่อชาร์ล็อตจากการสนทนาครั้งก่อน ๆ ของพวกเขา ซึ่งเด็กชายก็ไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องนี้
โรเอลรู้สึกว่ามันไร้สาระที่จะปฏิบัติตามสัญญาหมั้นอายุร้อยปี และเขาก็เชื่อว่าชาร์ล็อตเองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน หากอีกฝ่ายไม่กล้ายกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เขาก็จะเป็นคนลงมือเอง เพราะมันจะเป็นโอกาสดีสำหรับเขาที่จะเก็บแต้มความสนใจจากเธอ
โรเอลคิดถึงขั้นตอนต่าง ๆ ในหัวของตนอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนได้วางแผนเอาไว้ก่อนหน้าเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อืม เราไม่ควรลืมเรื่องจดหมายนี้ด้วย”
โรเอลหยิบซองจดหมายเก่าแก่สอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้านหน้า เขากำลังวางแผนที่จะถามชาร์ล็อตเกี่ยวกับจดหมายฉบับนั้นว่ามันเกี่ยวข้องกับตระกูลโซโรฟยารึเปล่า บางทีมันอาจจะเป็นหัวข้อสนทนาที่ดีระหว่างพวกเขาสำหรับช่วงมื้ออาหารก็ได้
เมื่อพร้อมแล้ว โรเอลก็เดินออกจากห้องไปพบกับชาร์ล็อต ซึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเช่นกันที่ห้องอาหาร
“ชาร์ล็อต คุณดูสวยมาก”
“ขอบคุณมาก คุณโรเอล…”
จู่ ๆ ชาร์ล็อตก็หยุดชะงักโดยที่ยังพูดไม่จบ ปฏิกิริยาแปลกประหลาดของเธอทำให้โรเอลต้องกะพริบตาอย่างสับสน อย่างไรก็ตามชาร์ล็อตนั้นตกใจเกินกว่าจะสนใจปฏิกิริยาของโรเอล เพราะสิ่งที่อยู่ตรงคอของเขา
มีรอยบางอย่างอยู่ใต้คอของโรเอลใกล้ ๆ กับหน้าอกของเขา ผิวขาวของเด็กชายนั้นมีรอยช้ำสีชมพูชวนให้นึกถึงผีเสื้อ มันเป็นเครื่องหมายแห่งความรักจากอลิเซีย