เจียงเอ้อยาห้ามเจียงเหลียนฮัวไว้และบอกว่าถ้าหากเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ มันจะส่งผลเสียกับชื่อเสียงของเซียงเซียง และถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกเล่าต่อ ๆ กันจนไปเข้าหูครอบครัวนั้น เกรงว่ามันจะทำให้เซียงเซียงสูญเสียการแต่งงานที่ดีครั้งนี้ไปได้
แม้ว่าเจียงเหลียนฮัวจะไม่ชอบเจียงเอ้อยา แต่ตอนนี้นางกลับยอมรับว่าที่เจียงเอ้อยาพูดมามีเหตุผลมากจริง ๆ
เจียงเหลียนฮัวลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า นางเป็นห่วงลูกสาวมาก จึงตัดสินใจลากเฉียนถูฟูผู้เป็นสามีกับเฉียนจินหวู่ลูกชายของนางไปที่ชีหลี่โว
ครอบครัวตระกูลเฉียนรีบไปที่ชีหลี่โวอย่างรวดเร็ว เจียงเอ้อยามองด้านหลังของครอบครัวตระกูลเฉียนที่จากไป จากนั้นนางก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาด
เจียงเหลียนฮัวพาสามีและลูกไปที่บ้านแม่ของนางก่อน เดิมทีหลีโผจื่อก็ไม่พอใจอยู่แล้ว นางคิดว่าเฉียนเซียงเซียงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี และนางเองก็แสดงสีหน้าที่ไม่ดีต่อเจียงเหลียนฮัวเช่นกัน แต่เพราะนางเห็นแก่เนื้อที่เจียงเหลียนฮัวพกติดไม้ติดมือมาด้วย จึงทำให้นางมีสีหน้าที่ดีขึ้นเล็กน้อย
“ข้าว่าเฉียนเซียงเซียงของพวกเจ้าโดนให้ท้ายเกินไปหน่อย” หลีโผจื่อพูดพลางเบะปาก “หากว่าให้ข้าออกความเห็น ข้าว่าควรให้นางไปอยู่ข้างนอกสักสองสามวัน พอเจอกับเรื่องลำบากนางก็จะรู้ถึงข้อดีของที่บ้าน แต่นี่ยังมาหนีออกจากบ้านอีก ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงดี ๆ เขาทำกัน!”
เฉียนถูฟูเหมือนกับเจียงเหลียนฮัว ทั้งสองต่างรักลูกสาวคนเล็กที่ได้มาไม่ง่ายคนนี้มาก ได้ยินแม่ยายพูดเช่นนี้ เขาก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เจียงเหลียนฮัวยิ่งไม่พอใจมากกว่าเดิม นางถลึงตาใส่แม่ตัวเอง “ท่านแม่ ที่ท่านพูดนี่หมายความว่าอย่างไร ? ต้ายาเองก็หนีออกจากบ้านไม่ใช่รึ ? แม่จะบอกว่าตระกูลเจียงเป็นตระกูลที่ไม่ดีอย่างนั้นสิ ?”
เมื่อพูดถึงเจียงต้ายา สีหน้าของหลีโผจื่อก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ นางกลอกตาและจ้องลูกสาวเขม็ง “เจียงต้ายาถูกขับไล่ออกจากวงศ์ตระกูลแล้ว เราไม่ถือว่านางเป็นคนของตระกูลเจียงอีกต่อไป”
เห็นว่าหลีโผจื่อกับเจียงเหลียนฮัวใกล้จะทะเลาะกันแล้ว เฉียนจิงหวู่จึงรีบพูดเจรจาทันที “ท่านย่า ท่านแม่ขอรับ นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกันนะ เซียงเซียงยังอยู่ข้างนอก ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง นางไปพักอยู่กับเจียงหยุนชาน หากวว่าคนอื่นเห็นเข้าจะถูกนินทาเอาได้ เรารีบไปพาตัวเซียงเซียงกลับมาก่อนเถอะ”
ที่เฉียนจินหวู่พูดนั้นเป็นหลักการที่ถูกต้องจริง ๆ
เจียงเหลียนฮัวลุกขึ้น “ท่านแม่ ในบ้านยังมีใครอีก เราไปที่นั่นด้วยกัน จะได้เสริมอำนาจให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างไรเล่า”
หลีโผจื่อกลอกเปลือกตาไปมา “เจ้ายังจะถามถึงใครอีก ยังจะมีใครได้อีก เมื่อตอนบ่ายพ่อกับพี่ชายของเจ้าเพิ่งถูกคนไล่กลับมา น่าขายหน้าชะมัดยาด หากว่าจะไปพวกเจ้าก็ไปกันเองเถอะ”
เจียงเหลียนฮัวโมโหสุดขีด
โจซื่อกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ด้านข้างโดยไม่พูดอะไร จากนั้นสายตาของเจียงเหลียนฮัวจึงไปหยุดอยู่ที่โจซื่อ “พี่สะใภ้ พี่ไปด้วยกันกับพวกข้าเถอะ จะได้ตีคนด้วย”
เมื่อโจซื่อเงยหน้าขึ้นมา เจียงเหลียนฮัวก็ตกใจทันที นี่เพิ่งผ่านไปไม่เท่าไหร่เอง แต่เหตุใดโจซื่อถึงดูแก่ได้ถึงขนาดนี้ เปลือกตากับแก้มย้วยลงมา ตรงบริเวณหางตาก็เต็มไปด้วยแววแห่งความชั่วร้าย ซึ่งดูน่ากลัวแปลก ๆ
“ประเดี๋ยว… พี่สะใภ้อย่างนั้นรึ ?” โจซื่อส่งเสียงหัวเราะในลำคอเล็กน้อย “เจ้าเรียกใครว่าพี่สะใภ้ ไม่แน่ผ่านไปอีกสองสามวัน ‘พี่สะใภ้’ ก็ต้องถูกเปลี่ยนคนแล้ว”
เมื่อหลีโผจื่อเห็นโจซื่อพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเจียงเหลียนฮัว นางก็ตะคอกขึ้นอย่างหงุดหงิดทันที “พอได้แล้ว อย่ามาทำตัววิตถาร ไม่มีปัญญาคุมเข็มขัดกางเกงของสามีตัวเอง แล้วยังจะมาพูดจาไร้สาระอะไรอีก ? ไป! รีบไปด้วยกันกับเหลียนฮัวเร็วเข้าสิ!”
โจซื่อไม่ได้พูดอะไรอีก นางลุกขึ้นยืนโดยก้มหน้าก้มตาทั้งอย่างนั้น
เจียงเหลียนฮัวขมวดคิ้ว นางใจจดใจจ่ออยู่กับความเป็นห่วงเฉียนเซียงเซียงผู้เป็นลูกสาว จึงไม่มีแก่ใจไปเถียงกับหลีโผจื่อ ทำเพียงรีบออกจากบ้านอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ว่าเฉียนจินหวู่จะไม่ใช่คนที่ว่างการว่างงาน แต่ความรู้ที่เขารู้ในยามปกติก็พอมีอยู่บ้าง คำซุบซิบนินทาก็ได้ยินมาไม่น้อยเช่นกัน เขาจึงพูดกับแม่ของเขาเสียงเบาอยู่ตรงด้านหน้า “ท่านแม่ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้ลุงกำลังสนิทสนมกับแม่หม้ายแซ่ซ่งในหมู่บ้าน… ชีวิตของท่านป้าไม่ง่ายเลยจริง ๆ”
มุมปากของเจียงเหลียนฮัวกระตุกเล็กน้อย “ข้าขี้เกียจจะสนใจเรื่องเสียหายในบ้านของลุงแกแล้ว เรารีบไปกันดีกว่า นี่ก็ใกล้จะมืดค่ำแล้วด้วย คนในหมู่บ้านมีเยอะ เสร็จแล้วก็อย่าให้ใครเห็นว่าเซียงเซียงอยู่กับครอบครัวชั้นต่ำนั่น”
เฉียนจินหวู่พยักหน้า
โจซื่อที่เดินตามอยู่ด้านหลังก็ได้ยินที่เฉียนจินหวู่คุยกับเจียงเหลียนฮัวอย่างราง ๆ แล้วเช่นกัน
ตอนนี้นางไม่มีหน้าโดยสิ้นเชิง แม้แต่เด็กรุ่นหลังยังได้ยินเรื่องเสียหายของเจียงอีหนิวกับอีตัวหน้าด้านคนนั้น แต่หลีโผจื่อกลับคิดว่าผู้ชายมีใครบ้างที่ไม่สับปลับ นางไม่เพียงแต่ไม่สนใจเจียงอีหนิว แต่ยังหันมาขยี้โจซื่อด้วย นางไม่พอใจที่โจซื่อคุมเข็มขัดกางเกงของเจียงอีหนิวไม่ได้ ปล่อยให้เจียงอีหนิวออกไปมั่วสุมกับแม่หม้าย จนทำให้ตระกูลเจียงของพวกเขาอับอายขายขี้หน้าชาวบ้านไปจนหมดสิ้น
จะว่าไปแล้ว หลังจากการนัดพบกันของเจียงอีหนิวกับแม่หม้ายซ่งถูกคนในหมู่บ้านจิ้มจนแตก เจียงอีหนิวกลับทุบกระปุกให้แตกโดยสิ้นเชิง นอกจากกระดาษชั้นนั้นที่ยังแตกไม่หมด เขาก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว สามคืนจากห้าวันเขาจะพักอยู่ที่บ้านของแม่หม้ายคนนั้น
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ โจซื่อก็รู้สึกเกลียดจนกัดฟันแน่น และไม่รู้ว่าอีนังผู้หญิงแพศยานั่นใส่ยาอะไรให้เจียงอีหนิวกิน เขาถึงได้ติดงอมแงมเช่นนี้!
ถ้าหากไม่ใช่เพื่อเจียงโหย่วฉายลูกชายของนาง นางก็อยากจะสู้กับเจียงอีหนิวให้รู้แล้วรู้รอด!
……
ตอนที่พวกเจียงเหลียนฮัวไปถึงบ้านของเจียงป่าวชิง เจียงเหลียนฮัวก็เห็นลูกสาวที่น่าสงสารของตนเองกำลังเคาะประตูอย่างน่าสงสารอยู่ตรงนอกบ้าน ลูกสาวของนางร้องไห้หนักมาก ท่าทางเหมือนถูกใครรังแกมาอย่างไรอย่างนั้น
เห็นดังนั้น เลือดก็พุ่งขึ้นหัวเจียงเหลียนฮัวทันที
เจียงเหลียนฮัววิ่งเร็วกว่าใคร นางวิ่งไปตรงหน้าเฉียนเซียงเซียง จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน “ลูกรัก ใครหน้าไหนมันรังแกเจ้าเช่นนี้ ?”
เมื่อเฉียนเซียงเซียงเห็นว่าผู้หนุนหลังมาแล้ว นางก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม “ท่านแม่เจ้าขา… เจียงป่าวชิงไม่ให้ข้าเข้าบ้าน ไม่พอ นางยังตบข้าและด่าข้าด้วย” พูดเสร็จ นางก็ยกแขนแสดงให้เห็นรอยแดงที่ใกล้จะจางหายแล้วรอยนั้น
จะว่าไปแล้ว ก่อนหน้านี้เจียงเหลียนฮัวยังกังวลว่าเจียงหยุนชานจะคิดชั่วแล้วไม่ปล่อยตัวลูกสาวของนางอยู่เลย นางคิดถึงเรื่องนี้นางก็โมโหมาก แต่ตอนนี้กลับมาได้ยินว่าเจียงป่าวชิงไม่ให้เฉียนเซียงเซียงเข้าบ้าน และขังลูกสาวสุดที่รักของนางไว้ตรงนอกบ้านที่ตั้งอยู่ในที่ที่แสนจะกันดารแบบนี้
เจียงเหลียนฮัวแทบจะอยากถีบประตูบ้านหลังนี้จนพังให้รู้แล้วรู้รอด!
นางกำลังก่นด่าชุดใหญ่ จู่ ๆ ประตูบ้านก็เปิดออก มีเสียงดังขึ้นจากข้างในเล็กน้อย จากนั้นก็มีน้ำสาดตามมาติด ๆ
เจียงเหลียนฮัวกับเฉียนเซียงเซียงอยู่ตรงหน้าประตูพอดี พวกนางจึงเปียกไปทั้งตัว
เจียงป่าวชิงถือกะละมังและมองพวกเขาอย่างเย็นชา ปากก็ถามว่า “ตื่นหรือยัง ?”
เจียงเหลียนฮัวตัวสั่นเทา ไม่ใช่เพราะเย็นแต่เพราะโกรธเคือง จากนั้นนางก็ชี้เจียงป่าวชิง “เจียงป่าวชิง ข้าเป็นป้าใหญ่ของเจ้า เหตุใดเจ้าถึงได้กล้าสาดน้ำใส่ข้า ?”
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ต้องห่วง นี่คือน้ำจากแม่น้ำ ใช้สาดเพื่อให้พวกเจ้าตื่นก็เท่านั้น กลางวันแสก ๆ แห่กันมาเห่าหอนถึงหน้าบ้านคนอื่น รีบตื่นเร็วเข้าสิ!”
เฉียนเซียงเซียงยิ่งร้องไห้หนักมาก “เจียงป่าวชิง! เจ้ากลัวว่าถ้าข้าเข้าไปในบ้านเจ้าแล้ว ข้าจะแย่งความสนใจของคุณชายบ้านข้าง ๆ มาจากเจ้าใช่หรือไม่ ? เจ้าไม่ให้ข้าเข้าบ้านก็ว่าแย่แล้ว นี่เจ้ายังสาดน้ำใส่ข้าอีก เหตุใดเจ้าถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ ?”
เจียงป่าวชิงที่โหดร้ายส่งเสียงหัวเราะเล็กน้อย “นี่เจ้ากำลังดูถูกรสนิยมทางความงามของใคร ?”
‘อย่างเจ้าเนี่ยน่ะรึ ที่คิดจะแย่งความสนใจของกงจี้ไป’
‘อย่างเจ้าเนี่ยน่ะรึ คิดว่านางจะกลัวหรือไง ?’
สมองของเฉียนเซียงเซียงประมวลผลไม่ได้ไปชั่วขณะ นางไม่เข้าใจการดูถูกสองชั้นในคำพูดของเจียงป่าวชิง
ทันใดนั้นเอง เฉียนจินหวู่กลับดึงเฉียนเซียงเซียงไปไว้ด้านหลัง จากนั้นเขาก็มองเจียงป่าวชิงตาขวาง “ป่าวชิงใช่ไหม ? ไม่เจอกันสักพัก เหมือนว่าเจ้าเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยนะ”
ไม่เพียงแต่จะไม่ปัญญาอ่อนแล้ว… นางยังดูดีขึ้นอีกด้วย
เฉียนจินหวู่คิดอย่างนั้น
.
.
.