เวลานี้ในสายตาของเฉียนจินหวู่เต็มไปด้วยความหลงใหลที่ปิดไม่มิด
เจียงป่าวชิงขมวดคิ้ว
อารมณ์ของเจียงเหลียนฮัวกับเฉียนเซียงเซียงที่เนื้อตัวเปียกปอนไม่ดีเท่ากับเฉียนจินหวู่ เจียงเหลียนฮัวอยากที่จะเข้าไปขยี้ขยำเจียงป่าวชิงให้รู้แล้วรู้รอด
เจียงหยุนชานดึงน้องสาวไปไว้ด้านหลังตัวเองด้วยสีหน้าราบเรียบ โจซื่อที่อยู่ด้านหลังพูดโดยลากเสียงให้ยาวขึ้น “หยุนชาน เมื่อก่อนเจ้าไม่ใช่เด็กแบบนี้ ทำไม ? อากับครอบครัวของป้าของเจ้ามาถึงที่นี่เพื่อพูดคุยกับพวกเจ้า เจ้ากลับร้อนรนถึงขั้นสาดน้ำใส่ครอบครัวของเขาแบบนี้เลยรึ ? เรียนหนังสือมาอย่างไรตั้งหลายปี ? แล้วต่อไปใครยังจะกล้าคบค้าสมาคมกับครอบครัวของเจ้าอีกเล่า ?”
มีความหมายมากมายในคำพูดของโจซื่อ สมองของเจียงเหลียนฮัวยังไม่ทันได้ประมวลผล นางสะบัดแขนเสื้อที่ยังมีน้ำหยดลงมาเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่โหดเหี้ยม “ชดใช้มาซะ!”
เจียงหยุนชานพูดอย่างสุภาพ “ท่านอา ท่านป้า ท่านลุงขอรับ ถ้าหากว่าพวกท่านมาที่นี่อย่างสันติ ข้ากับป่าวชิงก็คงจะต้อนรับด้วยคำพูดคำจาดี ๆ อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากว่าพวกท่านมาเพื่อก่อเรื่องวุ่นวาย ข้ากับป่าวชิงที่เป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ก็คงรับรองไม่ได้ว่าเราจะทำอะไรลงไปบ้าง และเราก็ไม่กลัวว่าจะถูกเผยแพร่เรื่องพวกนี้ออกไปด้วยเช่นกัน เพราะถึงอย่างไรก็เป็นพวกท่านที่เป็นฝ่ายมาหาเรื่องเด็กกำพร้าอย่างเราสองคนถึงหน้าบ้านก่อน คนที่มีสติปัญญาต่างมองออกว่าใครถูกใครผิด”
ไหนบอกว่าไม่งัดบ้านแม่หม้าย ไม่รังแกเด็กกำพร้า
คนพวกนี้พาทั้งครอบครัวมายืนอยู่ตรงหน้าบ้านของเด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ อีกทั้งยังทุบประตูบ้านและด่าประจานไปถึงพ่อแม่ของพวกเขา เด็กมันแค่สาดน้ำเป็นการให้รางวัลก็ถือว่าดีเท่าไหร่แล้ว
น้ำเสียงของเจียงเหลียนฮัวสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “หากว่าไม่ใช่เพราะเซียงเซียงมาที่นี่ ชาตินี้ข้าก็คงจะไม่มาที่บ้านของเจ้าหรอก อะไรกัน! ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ถึงอย่างไรเซียงเซียงก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเจ้าไม่ใช่รึ ? กลางวันแสก ๆ พวกเจ้ากลับปล่อยให้นางอยู่ด้านนอก ในสันเขาแถวชานเมืองที่ทุรกันดารเช่นนี้ ถ้าหากว่านางเจอคนร้ายเข้าจะทำอย่างไร ? เป็นมนุษย์ต้องมีคุณธรรม! ในเมื่อพวกเจ้ายังทำเรื่องเช่นนี้ได้ลงคอ แล้วเหตุใดคนอื่นจะทุบประตูบ้านพวกเจ้าไม่ได้ ?”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะจากทางด้านหลังเจียงหยุนชาน “ทำไมรึ ? ทุบประตูบ้านกับก่นด่าคนอื่นนี่มีเหตุผลมากเลยอย่างนั้นสิ ? พี่หยุนชานกับข้าเชิญเฉียนเซียงเซียงมาหรือก็เปล่า แขกน่ารังเกียจที่มาโดยไม่ได้เชิญแล้วยังจะเข้าไปในบ้านคนอื่นเช่นนี้ หน้าใหญ่มากเลยอย่างนั้นสิ! หากคิดว่าข้างนอกอันตรายก็รีบกลับไป ทำเหมือนพวกเราขอร้องให้พวกเจ้ามาอย่างนั้นแหละ”
เจียงป่าวชิงรู้สึกว่านี่เป็นความเสียหายที่ไม่มีเค้ามาก่อน
ถึงแม้ว่ายามปกติ เจียงหยุนชานจะมีนิสัยอ่อนโยน แต่เขาก็ยังยืนหยัดได้ในช่วงเวลาสำคัญ สุดท้ายเขาก็พูดขึ้นอย่างเกรงใจ “ท่านป้าใหญ่ พวกท่านพาเซียงเซียงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะนะขอรับ แล้วต่อไปก็อย่าให้นางมาที่บ้านพวกข้าอีก”
ณ ตอนนี้ เฉียนถูฟูที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอดก็ได้แหวกผู้คนออกแล้วเดินไปหิ้วคอเสื้อของเจียงหยุนชาน “เจ้าเด็กชั่ว ข้าให้หน้าเจ้าอย่างนั้นรึ ? มีเด็กที่ไหนเขาพูดกับผู้ใหญ่แบบเจ้าบ้าง ?”
เฉียนถูฟูฆ่าหมูเชือดแกะมาเป็นเวลานาน บนตัวเขาจึงมีกลิ่นคาวเลือดอยู่จาง ๆ ตลอดเวลา อีกทั้งเขายังหน้าตาดุร้ายมาก เมื่อเป็นเช่นนี้ เจียงหยุนชานที่บริสุทธ์และเกลี้ยงเกลาจึงถูกเฉียนถูฟูยกขึ้นเหมือนกระต่ายขาวตัวเล็ก ๆ อย่างไรอย่างนั้น
สีหน้าของเจียงป่าวชิงเปลี่ยนไปทันที นางหยิบเข็มเงินออกมาจากบริเวณเอวและลงมืออย่างรวดเร็ว ราวกับปัดมือทำนองนั้น จากนั้น สีหน้าของเฉียนถูฟูก็เปลี่ยนไป แขนของเขาอ่อนปวกเปียกและรักษาพละกำลังต่อไปไม่ไหว ทำให้ต้องปล่อยเจียงหยุนชานลงโดยไม่ตั้งใจ สุดท้ายเขาก็จ้องไปที่เจียงป่าวชิงตาเขม็ง “เจ้าใช้อะไรแทงข้า ?”
เจียงป่าวชิงดึงเจียงหยุนชานออกจากเฉียนถูฟู นางมองเขาอย่างระมัดระวัง “ถ้าท่านลุงคิดจะทำอะไรอีก ข้าจะไม่เพียงแค่แทงท่านลุงด้วยเข็ม!”
เหล่าผู้หญิงหลายวัยมักจะเย็บปักถักร้อยและพกเข็มติดตัว มันจึงไม่เป็นที่น่าสงสัยเท่าไหร่นัก
เฉียนถูฟูล้วงมีดคมออกมาจากหลังเอว ปลายมีดเล็งไปที่เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชาน “ข้าคิดว่าเด็กชั่วอย่างพวกเจ้าคงอยากได้เลือดเต็มทีแล้ว!”
เจียงป่าวชิงหรี่ตาลงพลางหยิบเข็มเงินมากมายออกมาจากบริเวณเอวด้วยสีหน้าราบเรียบ และนำไปหนีบไว้ระหว่างซอกนิ้วมือ
ใครอยากได้เลือดกันแน่นั้นยังไม่แน่หรอก!
เจียงหยุนชานกลับรู้สึกประหม่ามาก เขารีบดึงเจียงป่าวชิงไปไว้ด้านหลังเพื่อปกป้องน้องสาว เขาเอาตัวเองมาบังอยู่ตรงหน้าเจียงป่าวชิง ด้วยเลือดเนื้อของเขา เขายอมเจ็บก่อนน้องสาว “ท่านลุงทำแบบนี้ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายนะขอรับ!”
สำหรับผู้คนในหมู่บ้านบนภูเขาเหล่านี้ ถึงแม้คำว่า ‘ฝ่าฝืนกฎหมาย’ จะเต็มไปด้วยพลานุภาพ แต่มันกลับห่างไกลอยู่พอสมควร
เฉียนจินหวู่ไม่คิดว่าการที่สั่งสอนเจ้าเด็กชั่วที่มีพฤติกรรมชั่วร้ายของบ้านญาติจะเป็นเรื่องที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ตอนนี้เฉียนจินหวู่คิดอะไรกับเจียงป่าวชิงแล้ว เขาจึงรีบห้ามเฉียนถูฟูผู้เป็นพ่อ “ท่านพ่ออย่าวู่วามเลย ถึงอย่างไรก็ยังถือว่าเป็นญาติกัน”
แต่ในขณะนี้ ไป๋จีกลับเดินถือดาบออกมาจากบ้านข้าง ๆ เสียแล้ว “พวกเจ้า! นายท่านของข้ากำลังพักผ่อน พวกเจ้าทะเลาะอะไรกันเสียงดังลั่น ?”
ก่อนหน้านี้เจียงเหลียนฮัวเคยได้ยินเจียงเอ้อยากับหลีโผจื่อบอกว่าคุณชายผู้ร่ำรวยที่พักอาศัยอยู่ที่บ้านข้าง ๆ เลี้ยงองครักษ์ที่พกดาบติดตัวไว้คนหนึ่ง ซึ่งน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้องครกษ์คนนั้นเดินถือดาบมาทางนี้ คมมีดเย็นเฉียบส่องแสงเจิดจ้า ดูก็รู้ว่าเป็นดาบชั้นดีที่ฟันเหล็กขาดได้เหมือนโคลน เห็นดังนั้น เจียงเหลียนฮัวก็ตกใจจนขาอ่อนแรง
เฉียนถูฟูเล็งปลายมีดไปที่ไป๋จีแล้วพูดขึ้นอย่างดึงดัน “เจ้าเป็นใคร อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่น ไสหัวออกไปซะ!”
แต่เฉียนเซียงเซียงกลับมองไปทางด้านหลังไป๋จีอย่างตื่นเต้น นางจำได้ว่านี่คือคนที่บังคับรถม้าให้คุณชายคนนั้นเมื่อสักครู่ แล้วคุณชายคนนั้นล่ะอยู่ไหน ?
ทว่านางผิดหวังเพราะไม่มีใครอยู่ด้านหลัง
หัวใจของสาวน้อยอย่างเฉียนเซียงเซียงอ่อนปวกเปียกลงทันที นางทั้งอยากเห็นคุณชายคนนั้นอีกสักหน่อย และทั้งคิดว่านางเปียกปอนไปทั้งร่างซึ่งดูจนตรอกขนาดนี้ ไม่เห็นก็คงจะดีกว่า
เจ้าคนชั้นต่ำอย่างเจียงป่าวชิงจะต้องจงใจอย่างแน่นอน จงใจให้นางตกอยู่ในสภาพจนตรอกขนาดนี้!
……
ไป๋จีไม่สนใจว่าเฉียนเซียงเซียงจะมีละครในใจมากมายเพียงใด เขามาเพื่อหนุนหลังสองพี่น้องต่างหาก
ไป๋จียกดาบขึ้น ปลายดาบเกือบจะชี้ไปที่จมูกของเฉียนถูฟูอยู่แล้ว เฉียนถูฟูตกใจจนถึงกับก้าวถอยหลัง ใครก็ตามที่อยู่ ณ ที่นั้นสามารถเห็นความตกใจจนใบหน้าคล้ำขาวซีดขึ้นของเฉียนถูฟู
เฉียนถูฟูแสร้งทำเป็นสงบ แต่เขายังคงตัวสั่นอยู่เล็กน้อย “เจ้า… เจ้าคิดจะทำอะไร ?! ข้าจะบอกให้เจ้าฟังว่าการฆ่าคนนั้นผิดกฎหมาย!”
ตอนนี้กลับมาพูดเรื่องกฎหมายกับคนอื่น
…แต่ไป๋จีคือคนที่เคยฆ่าคนมาแล้วจริงๆ
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ นางนำเข็มเงินที่ซ่อนอยู่ในซอกนิ้วมือกลับไปวางในบริเวณเอวด้วยใบหน้าราบเรียบ
ภายใต้พลานุภาพของไป๋จี ครอบครัวของเจียงเหลียนฮัวไม่กล้าพูดอะไร พวกเขาทำเพียงหนีบหางหนีกระเจิงไปอย่างรวดเร็ว
มีแค่เฉียนเซียงเซียงเท่านั้นที่ยังคงไม่ยอมแพ้ ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของทั้งพ่อและแม่ของนาง ประกอบกับนางเองก็รู้สึกหวาดกลัวองครักษ์ถือดาบคนนั้นด้วยเช่นกัน สุดท้าย นางจึงกลับไปพร้อมกับพ่อแม่โดยที่หันกลับมามองทางนี้เป็นระยะ
……
ในขณะนี้ ใครก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่เจียงเอ้อยารายงานเจียงเหลียนฮัวเสร็จแล้วนางจะไม่ได้กลับบ้าน กลับมาโผล่ที่เป่ยถุนแทน
เป็นเพราะเจียงเอ้อยาได้ยินมาว่าครอบครัวที่อุดมสมบูรณ์ที่เจียงเหลียนฮัวคุยให้กับเฉีบนเซียงเซียงนั้นอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้
เจียงเอ้อยาไปหาเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ชื่อว่าอาฮัวซึ่งอยู่ในหมู่บ้านก่อน จากนั้นนางก็ยัดทองแดงไม่กี่แผ่นให้กับอาฮัว สุดท้ายอาฮัวก็ตกลงที่จะออกไปกับนาง
ณ ที่คันนาของครอบครัวที่อุดมสมบูรณ์นั้น เจียงเอ้อยากับอาฮัวแสร้งทำเป็นคุยซุบซิบกัน และทำเป็นว่าเดินผ่านคันนาของครอบครัวนั้น
“ได้ยินหรือยัง ? หมู่บ้านของเรามีครอบครัวหนึ่งแซ่เฉียน ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเจรจาเรื่องการแต่งงานกับครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านของพวกเจ้าอยู่ด้วยนะ”
“หืม… มีเรื่องนี้ด้วยรึ ?”
“ใช่! ครอบครัวแซ่เฉียนของหมู่บ้านเราทำตัวเจ๋งยิ่งกว่าอะไร ลูกสาวของครอบครัวนั้นมีตางอกอยู่บนหัว คิดว่าลูกชายของครอบครัวของหมู่บ้านพวกเจ้าเตี้ยเกินไป นางคิดว่าเขาเป็นคนเตี้ย วันนี้จึงหนีออกจากบ้านไปแล้ว”
“ถึงกับหนีออกจากบ้านเลยอย่างนั้นรึ ? สวรรค์โปรด นางช่างกล้าจริง ๆ…”
“เฮ้อ! ก็ใช่น่ะสิ ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของพวกเขาออกไปตามหาแล้วด้วย”
เจียงเอ้อยากับอาฮัวพูดเสร็จ ก็เดินจากไปจากคันนาทันที
ชาวนาแก่ที่สวมหมวกหญ้าที่อยู่ในทุ่งนายืดตัวขึ้น จากนั้นเขาก็โยนหมวกหญ้าลงบนพื้นด้วยความโกรธ เขาไม่ได้รังเกียจที่ลูกสาวของเฉียนถูฟูเป็นลูกสาวของคนฆ่าสัตว์ที่มีกลิ่นแปลก ๆ ทั้งตัว แต่นางกลับมีหน้ามารังเกียจหาว่าลูกชายของเขาเตี้ยเนี่ยน่ะรึ ?
ไม่พอ ยังรังเกียจจนถึงกับต้องหนีออกจากบ้านอีกต่างหาก ?
เห็นทีว่าการแต่งงานนี้คงจะแต่งไม่ได้เสียแล้ว
.
.
.