เช้าตรู่ของวันนี้ เจียงป่าวชิงคิดได้ตั้งนานแล้ว และนางก็ไม่ได้เข้าไปในอำเภอเพื่อไปดูการค้ายาเม็ดที่ร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงหลายวันแล้วด้วย วันนี้เมื่อนางเก็บของเสร็จเรียบร้อย นางก็ไปที่บ้านของซุนต้าหู
เมื่อซุนต้าหูเห็นเจียงป่าวชิงเขาก็ตกตะลึงไปทันที แต่จากนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าดีใจ “น้องป่าวชิง เจ้า… เจ้ากลับมาแล้วรึ ?”
ช่วงเวลาที่เจียงป่าวชิงออกไปทำธุระ แน่นอนว่าในหมู่บ้านจะต้องพูดถึงเรื่องนี้เป็นธรรมดา ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่ซุนต้าหูเองก็ยังปิดบังเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้เจียงป่าวชิงเคยปรึกษากับเจียงหยุนชานว่านางอยากทำการค้าเล็ก ๆ และต้องการไปที่อื่นเพื่อไปดูแหล่งผลิตสินค้าร่วมกับผู้อื่น
แน่นอนว่าคำพูดนี้มีความไม่เหมาะสมอยู่เล็กน้อย แต่ซุนต้าหูไม่ใช่คนที่ชอบพูดไปทั่ว และเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานต่างเชื่อใจเขากันทั้งนั้น
เจียงป่าวชิงยิ้มให้ซุนต้าหู นางหยิบของที่มีลักษณะกลมและมีการแกะสลักออกมาจากในอ้อมแขนสองอันส่งให้ซุนต้าหู “พี่ต้าหู ข้านำมาฝากจากด้านนอกเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวก็ใกล้จะเข้าช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อากาศก็จะชื้นขึ้น พี่นำสิ่งนี้ไปวางในตู้ มันจะช่วยกำจัดความชื้นได้เจ้าค่ะ”
มีริ้วแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าคล้ำของซุนต้าหู “น้องป่าวชิง นี่…”
เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “พี่ต้าหูเจ้าคะ นี่ไม่ใช่สิ่งของที่มีค่าอะไร ก็แค่น้ำใจจากข้าเท่านั้นเอง”
เจียงป่าวชิงพูดถึงขนาดนี้แล้ว ตอนนี้ซุนต้าหูถึงจะรีบถูสองมือบนเสื้ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รับลูกกลม ๆ แกะสลักสองอันนั้นมา
นางบอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งของที่มีค่าอะไร แต่น้ำใจนี้ ซุนต้าหูกลับมองว่ามันเป็นทรัพย์สมบัติอย่างหนึ่ง
ทั้งสองคนทักทายกันสักครู่ จากนั้นซุนต้าหูก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงถามนางว่า “น้องป่าวชิง แหล่งผลิตสินค้าที่เจ้าดูน่ะ ดูไปถึงไหนแล้วล่ะ ?”
แม้จะบอกว่า ‘ดูแหล่งผลิตสินค้า’ แต่ความเป็นจริงเจียงป่าวชิงแค่อยากหาเหตุผลที่จะปกปิดเงินที่นางจะได้รับบ่อย ๆ ในอนาคตก็เท่านั้น ได้ยินดังนั้น นางจึงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ดีมากเลยเจ้าค่ะ” ทว่านอกจากนี้แล้ว นางก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายนัก
นางไม่พูดอะไรมาก ซุนต้าหูเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากเช่นกัน สำหรับเขานั้น แค่รู้ว่าสิ่งที่เจียงป่าวชิงทำอยู่เป็นไปด้วยดีก็พอแล้ว เขารู้สึกโล่งอกพลางตบเบาะรองนั่งบนรถเพื่อให้มันฟูขึ้น
ทั้งสองคนพูดคุยกันและไปรอผู้คนที่ทางเข้าหมู่บ้านไปด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าจากนั้น ซุนต้าตงจะพาป๋ายรุ่ยฮัวมาด้วย
ถือได้ว่าเจียงป่าวชิงไม่มีไมตรีจิตอะไรกับป๋ายรุ่ยฮัวอีกต่อไปแล้ว และนางก็ไม่ใช่คนประเภทที่เอาใจคนอื่นทั้งที่คนอื่นไม่คิดจะสนใจตัวเองทำนองนั้น ตอนนี้นางจึงมองสองผัวเมียอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร
สายตาลามกของซุนต้าตงหมุนไปรอบ ๆ ตัวเจียงป่าวชิง จู่ ๆ เขาก็พบว่าเด็กสาวตัวเล็กที่เคยเสียสติและผอมแห้งคนนั้นมีน้ำมีนวลขึ้น ราวกับฟองน้ำที่เจอน้ำอย่างไรอย่างนั้น
เพียงแต่สายตานางค่อนข้างทิ่มแทงคนอื่นเกินไปหน่อย
ซุนต้าตงเบะปากแล้วจุ๊ปากสองที
ซุนต้าหูที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของซุนต้าตง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าน้องชายของตัวเองคนนี้ไว้ใจไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ครอบครัวกลับค้ำคออยู่ตรงนั้น และซุนต้าหูเป็นคนซื่อตรงซึ่งเขาไม่สามารถเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ต่อการกระทำที่ซุนต้าหูทำกับเจียงป่าวชิงเช่นนี้ได้
“ต้าตง เจ้าจะไปทำอะไรรึ ?” ซุนต้าหูเป็นฝ่ายทักทายซุนต้าตงก่อน
ซุนต้าตงพูดอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อย “ไปสถานที่ให้บริการรักษาโรคในอำเภอ”
ซุนต้าหูคิดว่ามีใครป่วย จึงเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรล่ะ ? มีใครป่วยรึ ? แล้วเฟิ่งเอ๋อร์ล่ะ ?”
“ท่านแม่ดูเฟิ่งเอ๋อร์อยู่น่ะจ้ะ” ป๋ายรุ่ยฮัวที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอดเป็นฝ่ายรับคำแทน
ซุนต้าตงโอบกอดป๋ายรุ่ยฮัวด้วยใบหน้าโอ้อวด “น้องชายของพี่เก่งเกินไป ดูเหมือนว่าน้องสะใภ้ของพี่จะตั้งท้องเสียแล้ว ข้าจึงจะพานางไปตรวจในอำเภอสักหน่อย”
พูดเรื่องนี้ตอนกลางวันแสก ๆ และยังเป็นการพูดต่อหน้าซุนต้าหูอีกต่างหาก ตอนนี้ป๋ายรุ่ยฮัวจึงหน้าแดงเล็กน้อย แต่นางทำเหมือนตัวเองกำลังลำบากใจอย่างไรอย่างนั้น
ซุนต้าหูพูดติดอ่าง “นะ… นี่เป็นเรื่องดี ยินดีกับเจ้าด้วย”
ป๋ายรุ่ยฮัวมองซุนต้าหูอย่างโศกเศร้าเล็กน้อย ทว่าซุนต้าตงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของนาง เขาแสดงสีหน้าภาคภูมิใจทั้งอย่างนั้น “โย! พี่ น้องชายของพี่ยอดเยี่ยมมากใช่ไหมเล่า ?”
ทันใดนั้นเอง มีคนข้าง ๆ พูดขึ้นยิ้ม ๆ “หลังจากแต่งงานแล้ว ต้าตงดูน่าเชื่อถือขึ้นไม่น้อยเลย ในหมู่บ้าน บ้านไหนเมียตั้งท้องต่างเชิญแม่เฒ่ากัวมาดูกันทั้งนั้น มีแต่บ้านเจ้านี่แหละที่ไปสถานที่ให้บริการรักษาโรคในอำเภออยู่ เห็นทีว่าเจ้าคงจะรักเมียมากล่ะสิท่า”
ซุนต้าตงคิดว่าการรักเมียเป็นเรื่องที่น่าขายหน้า เดี๋ยวนี้พวกคนที่เป็นสามีต่างตบตีเมียตัวเองกันทั้งนั้นไม่ใช่รึ ? มีแค่คนที่ไร้อนาคตเท่านั้นแหละถึงจะรักเมีย สีหน้าของเขาไม่สู้ดี จากนั้นเขาก็รีบพูดแก้ต่างอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่ว่ารักหรอก ข้าแค่รู้สึกว่ามีเด็กอยู่ในท้องเท่านั้น จึงจะให้ไปตรวจดูสักหน่อย”
คนอื่นก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย ทำเพียงหัวเราะและเดินจากไป
ป๋ายรุ่ยฮัวหน้าขาวซีดเล็กน้อย คนพวกนี้ยังไม่รู้เบื้องหลัง เมื่อคืนซุนต้าตงดื่มเหล้าไปหลายกระป๋องและเขาตบตีนางอีกแล้ว นางจึงทนไม่ไหวและบอกเรื่องที่ตัวเองอาจจะตั้งท้องออกไปในที่สุด เมื่อแม่ของซุนต้าตงได้ยินว่านางอาจจะตั้งท้อง แม่ของเขาถึงจะออกมาห้ามปรามซุนต้าตง ด้วยเพราะกลัวว่าซุนต้าตงจะทำร้ายลูกในท้องอย่างไม่ระวัง และสั่งให้ซุนต้าตงพานางไปตรวจอาการที่ในอำเภอ เพื่อจะได้เป็นการรับประกันด้วยเช่นกัน
ตอนนั้นที่แม่ของซุนต้าตงยอมตกลงให้ซุนต้าตงสู่ขอแม่หม้ายลูกติดที่สามีตายอย่างนาง ก็เพราะแม่ของเขาเห็นว่าป๋ายรุ่ยฮัวคลอดลูกเก่งนั่นเอง
เมื่อซุนต้าตงได้ยินป๋ายรุ่ยฮัวบอกว่าอาจจะมีเด็กอยู่ในท้อง เขาก็ได้สติขึ้นมา จากนั้นก็ขานรับ เมื่อถึงเวลาเช้าเขาก็รีบพาป๋ายรุ่ยฮัวมานั่งรถเพื่อเข้าไปในอำเภอทันที
“เจ้าส่งเบาะรองนั่งมาสิ” ซุนต้าตงพูดกับเจียงป่าวชิงอย่างอวดดี “เจ้ารู้เรื่องไหมนี่ ?”
เจียงป่าวชิงมองซุนต้าตงด้วยสีหน้าราบเรียบ
ซุนต้าตงตัวสั่นเพราะสายตาที่มีระลอกคลื่นของเจียงป่าวชิง
ป๋ายรุ่ยฮัวรีบดึงซุนต้าตงไว้ทันที “เอ่อ… ไม่ต้องหรอก”
ซุนต้าตงสะบัดแขนป๋ายรุ่ยฮัว “เจ้าไม่ต้องการ แต่ลูกชายของข้าต้องการ ในท้องของเจ้ามีเชื้อไขของตระกูลซุนของข้าอยู่ เจ้าสะเทือนจนได้รับบาดเจ็บไม่เป็นไร แต่ถ้าลูกของข้าสะเทือนจนได้รับบาดเจ็บ รอดูได้เลยว่าข้าจะหั่นเจ้าให้ตายอย่างไร!”
ป๋ายรุ่ยฮัวหน้าซีดเผือด จากนั้นนางก็ก้มหน้าลงอย่างลำบากใจ
การสละตำแหน่งให้สตรีมีครรภ์เป็นสิ่งที่ควรทำจริง ๆ แต่ซุนต้าตงที่พูดด้วยน้ำเสียงอวดดีเช่นนี้ เจียงป่าวชิงที่มีนิสัยอ่อนโยนแต่จริง ๆ คือแปลกประหลาดจึงไม่เต็มใจสละที่สักเท่าไหร่นัก
ยิ่งเดิมทีนางก็ไม่ชอบกากเดนอย่างซุนต้าตงอยู่แล้วด้วย
เจียงป่าวชิงส่งเสียงหัวเราะเยาะ “หึ ๆ ทำไมรึ ? เจ้ามีลูกชายแล้วทุกคนจะต้องยอมสละให้เจ้าอย่างนั้นรึ ? ลูกในท้องของเมียเจ้าจะต้องสืบราชบัลลังก์หรือว่าอย่างไรล่ะ ?”
แทบจะทุกคนมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ไม่มีใครคาดคิดว่าเจียงป่าวชิงจะกล้าพูดออกมาเช่นนี้ แม้แต่คำว่า ‘ราชบัลลังก์’ นางก็ยังกล้าพูดออกมา
เจียงป่าวชิงมองซุนต้าตงด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นนางถึงจะลงจากรถและสละตำแหน่ง
นางใช้คำพูดทิ่มแทงซุนต้าตง แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่เคารพชีวิตหนึ่ง ๆ ไม่ว่าจะอย่างไร ป๋ายรุ่ยฮัวอาจจะตั้งท้องจริง ๆ ก็ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งชีวิตเช่นกัน
ริมฝีปากของป๋ายรุ่ยฮัวขาวซีด นางพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ไม่… ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาสงสารข้า”
ซุนต้าตงกระชากแขนป๋ายรุ่ยฮัวและผลักนางขึ้นไปบนรถ “รีบไปนั่ง! เจ้าจะสำออยทำไมเล่า ?!”
ป๋ายรุ่ยฮัวน้ำตาคลอเบ้า นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และนั่งลงไปอย่างมั่นคง
ซุนต้าหูรีบออกมาไกล่เกลี่ยทันที “น้องป่าวชิง ที่ข้ายังมีเบาะรองนั่งอีกหนึ่งอัน เจ้านั่งเบาะของข้าก็ได้”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะพี่ต้าหู” พูดเสร็จ นางก็เป็นฝ่ายเดินอ้อมไปหลังรถและนั่งลงไปในที่สุด
ซุนต้าตงเองก็ขึ้นไปนั่งตรงตำแหน่งด้านหน้าอย่างภาคภูมิใจเช่นกัน นอกจากนี้ เขายังจงใจตะเพิดป๋ายรุ่ยฮัวอีกด้วย “นั่งดี ๆ! หากว่าลูกชายของข้าเป็นอะไรไป ข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างแน่นอน!”
ป๋ายรุ่ยฮัวก้มหน้าอย่างลำบากใจโดยไม่พูดอะไรสักคำ