ตอนที่ 136 OST มีสมาชิกอื่นด้วยหรือไง

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

มาห้องเก้าได้สองเดือนกว่าแล้ว บางคนเห็นเธอเป็นเพื่อนแล้วจริงๆ

 

 

ฉินหร่านไม่เคยขี้เหนียวกับเพื่อนฝูงเลย

 

 

พวกเฉียวเซิงคิดจนหัวแทบระเบิด อยากเข้าไปดูการแข่งขันครั้งนี้

 

 

และบัตรพวกนี้ เป็นแค่เรื่องเพียงเอ่ยปากสำหรับฉินหร่าน

 

 

นอกจากบัตรปึกที่ให้เฉียวเซิงแล้ว เธอยังเก็บบัตรวีไอพีของงานแฟนมีตติ้งให้ลู่จ้าวอิ่งด้วยหนึ่งใบ

 

 

สีหน้าของผู้ชายสามคนที่ช่วยเมิ่งซินหรานขนของค่อยๆ จางหายไป

 

 

นักเรียนห้องเก้าที่เห็นของบนโต๊ะชัดเจนแล้วว่าคืออะไร ก็ไม่มีใครปริปากเลยเช่นกัน

 

 

หลายวันมานี้ ต่างก็วนเวียนอยู่กับเรื่องบัตรเข้าชมการแข่งขัน บัตรมีจำกัดอย่างมาก และมีเฉพาะในแฟนคลับตัวยงพวกนั้น มีจำกัดแค่คนละหนึ่งใบ

 

 

บัตรที่อยู่ในมือเมิ่งซินหรานถึงได้สร้างความฮือฮากันวุ่นวายใหญ่โตในโรงเรียน

 

 

สามารถเห็นได้จากการที่เฉียวเซิงแทบจะทำทุกอย่างให้เมิ่งซินหรานเพื่อบัตรพวกนี้

 

 

และนั่นเป็นแค่บัตรสี่ใบเท่านั้น

 

 

ตอนนี้ หนึ่งปึก?

 

 

เฉียวเซิงก็ตะลึงงันแล้วเช่นกัน เขาเก็บรวบรวมบัตรที่กระจัดกระจายอย่างระมัดระวัง เมื่ออยู่ซ้อนกัน ก็น่ามองยิ่งกว่าเดิม

 

 

“สุดยอด!” เหอเหวินสะดุ้งโหยง

 

 

เฉียวเซิงสัมผัสถึงความหนา ก็ตกใจเหมือนกัน เขาพลิกดูทีละใบแล้ว ล้วนเป็นบัตรเข้าชมการแสดงของ OST ที่มีรอบแตกต่างกัน ถึงขั้นว่ามีบัตรวีไอพีของงานแฟนมีตติ้งด้วยซ้ำ มีทั้งหมดหนึ่งปึก!

 

 

หากว่าเป็นบัตรอย่างอื่น ทุกคนในเหตุการณ์จะไม่แสดงปฏิกิริยาใหญ่โตขนาดนี้

 

 

แต่ตลอดหลายวันมานี้ บัตรสี่ใบในมือของเมิ่งซินหรานไปถึงจุดพีคแล้ว เมิ่งซินหรานเองก็ภูมิใจกับบัตรในมือตัวเองมาก

 

 

แต่ทว่าตอนนี้ในมือเฉียวเซิงมีเป็นปึก ไม่สามารถเทียบกันได้เลย

 

 

ทุกคนเผลอหันไปมองฉินหร่านโดยไม่รู้ตัว

 

 

เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่มองมา ฉินหร่านก็ขมวดคิ้ว พูดออกไปว่า “บัตรเข้าชมการแข่งขันสามรอบกับบัตรแฟนมีตติ้งของพวกเขา น่าจะมีอย่างละเจ็ดแปดใบละมั้ง ไม่เคยนับ”

 

 

เฉียวเซิงมึนงง เขาก้มหน้ามองบัตรเข้างานในมือ “เจ็ด เจ็ดแปดใบ?”

 

 

อย่างละเจ็ดแปดใบงั้นเหรอ

 

 

“เพราะว่าบอกช้าไป บัตรเลยเหลือไม่เยอะ” ฉินหร่านหยิบหูฟังขึ้นแล้วสวมให้ตัวเองช้าๆ พูดอย่างไม่ค่อยใส่ใจว่า “ไม่รู้ว่าจะพอแบ่งหรือเปล่า”

 

 

คนอื่นๆ มองบัตรเข้างานปึกหนึ่งในมือเฉียวเซิง ต่างก็พูดไม่ออกกับคำว่า ‘ไม่เยอะ’ ของฉินหร่าน

 

 

ความอวดดีบนใบหน้าของนักเรียนห้องหนึ่งทั้งสามคนหายไปจนหมดสิ้น

 

 

อวดคนอื่น จะอวดอย่างไรได้อีก

 

 

คนเขามีเป็นปึก!

 

 

มีแม้กระทั่งบัตรวีไอพีงานแฟนมีตติ้งด้วยซ้ำ!

 

 

หน้าม่อยคอตกกลับห้องหนึ่ง

 

 

พอเมิ่งซินหรานกับคนพวกนั้นออกไปกันหมดแล้ว คนห้องเก้าก็เป็นเหมือนลูกโป่งที่ถูกเข็มทิ่มจนแตก

 

 

“เฉียวเซิง ให้ฉันได้ชื่นชมบัตรเข้างานหน่อย!”

 

 

“เฉียวเซิง ตั้งแต่วันนี้ไป นายก็คือพ่อที่แยกจากกันหลายปีของฉัน!”

 

 

“พวกนายนี่มันเลียเก่งจริงๆ ยอมทำทุกอย่างเพื่อตั๋วใบเดียว พี่ชาย พี่ยังจำน้องชายที่เร่ร่อนอยู่ข้างนอกตั้งแต่เด็กได้หรือเปล่า”

 

 

“…”

 

 

เฉียวเซิงรีบยกมือขึ้นปราม “เอาอย่างนี้ นอกจากของพวกเราสี่คนแล้ว ก็เหลืออย่างละสามใบ เอาไปคนละใบ ตกลงไหม”

 

 

“พ่อ!”

 

 

“ใบเดียวก็พอแล้ว ใบเดียวก็พอแล้ว!”

 

 

ในห้องมีแฟนคลับของ OST เยอะมาก คนที่อยากได้บัตรก็มีเยอะเช่นกัน เหลือบัตรอีกสิบหกใบ ไม่พอแบ่ง เฉียวเซิงเลยให้พวกเขาเป่ายิ้งฉุบกัน

 

 

ฝั่งเขาครึกครื้นมากทีเดียว ส่วนทางฝั่งฉินหร่านกลับไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

 

 

เธอสวมหูฟัง กำลังก้มหน้าคัดลายมืออย่างเชื่องช้า ใบหน้าด้านข้างดูหงุดหงิดไม่หยอก

 

 

คนที่ได้บัตรต่างก็โห่ร้อง แต่เฉียวเซิงกลับยกมือขึ้นเป็นเชิงให้พวกเขาเงียบก่อน จากนั้นบุ้ยใบ้ไปทางฉินหร่าน

 

 

เสียงเอะอะหายไปในพริบตา ทุกคนต่างก็รูดซิปปากตัวเอง หลังประเด็นร้อนของบัตรผ่านไป ทุกคนก็มองไปทางฉินหร่านโดยไม่รู้ตัว

 

 

ฉินหร่านเปลี่ยนท่าด้วยสีหน้าเย็นเยือกเป็นอย่างมาก

 

 

ทุกคนพากันเบนสายตาทันที

 

 

“เมื่อกี้พวกนายเห็นหน้าของสามคนที่ห้องหนึ่งหรือเปล่า” ฝั่งที่นั่งของเฉียวเซิง พวกเหอเหวินกำลังเลียนแบบผู้ชายที่ตั้งใจมาอวดสามคนนั้น “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นสีหน้าของคนเปลี่ยนเร็วขนาดนี้”

 

 

หลังพูดเรื่องพวกนี้เสร็จ ก็เงียบไปอีกครั้ง

 

 

“อะแฮ่ม” สุดท้าย ก็เป็นเหอเหวินที่ทำลายความเงียบก่อนอยู่ดี เขามองไปทางฉินหร่านทีหนึ่ง “พวกนายว่าเจ๊หร่านไปเอาบัตรมาจากไหนกัน ขนาดเมิ่งซินหรานยังมีแค่สี่ใบ”

 

 

และนี่เป็นเพราะก่อนหน้านี้เมิ่งซินหรานเป็นตัวสำรองของ OST และเคยร่วมการแข่งขันครั้งหนึ่ง

 

 

คนอื่นไม่พูดอะไร

 

 

สวีเหยากวงช้อนตาขึ้น เขามองฉินหร่านพลางทำหน้าครุ่นคิด ดวงตาคู่งามหรี่ลงเล็กน้อย “เธอไม่มีทางเอามาได้หรอก คงจะมีคนเอามาให้เธอแน่ๆ”

 

 

เฉียวเซิงรู้ว่าสวีเหยากวงต้องนึกถึงคนที่ห้องพยาบาลแน่นอน

 

 

ขณะที่คิดเขาก็อดก้มลงมองไม่ได้

 

 

เลขที่นั่งคือ สนามด้านใน โซน A เป็นที่นั่งเรียงกันตรงแถวที่สอง

 

 

เฉียวเซิงเคยเห็นบัตรเข้างานที่ลู่จ้าวอิ่งให้ฉินหร่าน มันเป็นแถวห้า

 

 

ไม่รู้เพราะอะไร เขามีลางสังหรณ์ว่าคนที่ห้องพยาบาลไม่ได้เป็นคนให้บัตรพวกนี้กับฉินหร่าน

 

 

หากว่าไม่ใช่…แล้วฉินหร่านไปเอาบัตรพวกนี้มาจากไหนล่ะ

 

 

 

 

คืนนี้คนในห้องเก้าแทบจะไม่ค่อยตั้งใจเรียนกันเลย

 

 

คนที่นิ่งเฉยที่สุดในห้อง นอกจากฉินหร่านแล้ว ก็คือหลินซือหรานที่ตื่นตาตื่นใจกับอัลบัมกองหนึ่งของเหยียนซีเสร็จแล้ว

 

 

เธอหยิบโจทย์ชุดหนึ่งออกมาทำอย่างใจเย็น

 

 

พอหมดคาบเรียนด้วยตัวเอง ถึงได้เงยหน้ามองฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านยังคงใส่หูฟังเช่นเดิม ในมือถือปากกาหมึกซึมแท่งหนึ่ง กำลังคัดลายมืออย่างเอื่อยเฉื่อย

 

 

ปากกาหมึกซึมแท่งนั้นเป็นสีดำ รูปลักษณ์สวย บนปลอกปากกามีคริสทัลที่ลักษณะคล้ายจี้เพชรประดับอยู่ชิ้นหนึ่ง

 

 

ดูแล้วให้อารมณ์ลึกลับบางอย่าง

 

 

เซี่ยเฟยที่มารอทั้งคู่รู้สึกว่าสวยมากทีเดียว “เจ๊หร่าน ปากกาแท่งนี้ซื้อที่ไหนเหรอ ฉันก็อยากได้เหมือนกัน”

 

 

เธอไม่มีความชอบอะไร แต่ชอบสะสมปากกา สมุด ยางลบสวยๆ แม้แต่ปากกาที่หมึกหมดแล้วหากสวยเธอก็ทำใจทิ้งไม่ลง

 

 

คนในห้องทยอยกลับหอพักแล้ว

 

 

ฉินหร่านเอาหูฟังออก พอได้ยินคำพูดของเซี่ยเฟย เธอก็ก้มหน้ามองปากกา หมุนดูรอบหนึ่ง หายี่ห้อไม่เจอ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน คนอื่นให้มา เธอถ่ายรูป แล้วไปลองหาดูในอินเทอร์เน็ตสิ”

 

 

เธอยื่นปากกาหมึกซึมให้เซี่ยเฟย

 

 

จากนั้นก็ถือโอกาสเก็บสมุดคัดลายมือใส่ลิ้นชักใต้โต๊ะ

 

 

หลินซือหรานเหลือบมองแวบหนึ่ง พบว่าสมุดคัดลายมือนั่นไม่มีหน้าปก

 

 

เซี่ยเฟยพลิกดูปากกา แต่ก็หาโลโก้ไม่เจอ แค่จับมือสัมผัสก็ดีกว่าแล้ว ประณีตกะทัดรัด เธอรีบหยิบมือถือออกมาถ่ายรูปมุมสูง

 

 

เฉียวเซิงยังรอฉินหร่านอยู่หน้าประตู เห็นผู้หญิงสามคนร่ำรี้ร่ำไร จึงสาวเท้าเดินเข้ามา กอดกล่องใบหนึ่งแนบอกอยู่ด้วย

 

 

เขาเสี่ยงตายเอากล่องที่สวีเหยากวงใช้ใส่เหรียญรางวัลมาใส่บัตรเข้างาน

 

 

“เจ๊หร่าน ทำไมพวกเธอยังไม่ไปอีก” เขาเดินมา เอ่ยปากอย่างเอาใจ

 

 

“กำลังจะไปแล้ว” เมื่อเซี่ยเฟยถ่ายรูปเสร็จ ก็เก็บมือถือ

 

 

ยื่นปากกาหมึกซึมของฉินหร่านให้เธอ

 

 

ฉินหร่านเก็บปากกาหมึกซึมลงในถุงดินสอ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ก็สวยอยู่หรอก แต่เป็นรอยขีดข่วนง่าย”

 

 

โดยเฉพาะเมื่อกระทบกับพวกวงเวียน

 

 

“ถ้าฉันซื้อมาแล้วจะหาถุงดินสอมาใส่มันโดยเฉพาะเลย” เซี่ยเฟยพยักหน้า

 

 

ตอนที่เพิ่งหมดคาบเรียนด้วยตัวเองอาคารเรียนเต็มไปด้วยเสียงเอะอะโวยวายดังอื้ออึง ตอนนี้คนกลับกันไปเกือบหมดแล้ว จึงเงียบสงบลง

 

 

เฉียวเซิงอุ้มกล่องเดินลงบันไดกับฉินหร่าน

 

 

 

 

สวีเหยากวงกำลังไปส่งควิซฟิสิกส์ที่ห้องพักครู

 

 

เขาวางควิซลงบนโต๊ะทำงานของอาจารย์ฟิสิกส์แล้วหยุดคิดไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ด้วยจุดประสงค์อะไร เขาไปค้นควิซแผ่นที่สามจากท้ายสุด

 

 

ควิซแผ่นนั้นเป็นของฉินหร่าน

 

 

ฉินหร่านสอบวิชาอื่นได้คะแนนเต็ม สอบได้ดีมาก อย่างมากสวีเหยากวงก็แค่ตกใจ แต่ก็ไม่ใส่ใจ

 

 

มีแค่วิชาฟิสิกส์เท่านั้นที่เขาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

 

 

เขากวาดตามองตั้งแต่ต้นจนจบ

 

 

ควิซแผ่นนี้ไม่มีตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียว

 

 

อาจารย์ฟิสิกส์เคยถามฉินหร่านว่าทำไมถึงไม่ทำข้อสอบ คำตอบที่ฉินหร่านให้คือทำไม่เป็น

 

 

โจทย์ที่เข้าใจยากอย่างตรีโกณมิติเธอยังสามารถทำออกมาได้ ไม่มีเหตุผลที่จะทำโจทย์ฟิสิกส์ไม่ได้เลยสักข้อ

 

 

แต่หากว่าทำเป็น เธอก็คงไม่ปล่อยวิชาฟิสิกส์ทิ้งวิชาเดียวโดยที่ไม่เขียนเลย

 

 

สิ่งที่เป็นไปได้ที่สุดคือเธอทำเป็น แต่ไม่ได้เก่งกาจเหมือนวิชาอื่น

 

 

ขณะที่สวีเหยากวงคิด ก็สอดควิซของฉินหร่านเข้าไป ล็อกประตูห้องพักครูแล้วจากไป

 

 

เจอกับพวกเฉียวเซิงที่กำลังลงจากตึกเข้าพอดี

 

 

หลังพวกฉินหร่านสามคนกลับหอพักหญิงไปแล้ว

 

 

เฉียวเซิงก็ลูบคางไปมา “เมื่อกี้ฉันถามเจ๊หร่าน เธอบอกว่าคนอื่นให้บัตรมา”

 

 

“อืม” สวีเหยากวงไม่แปลกใจแม้แต่นิด ดวงตาคู่นั้นทั้งเย็นชาและเฉยเมย “คงจะเป็นสองคนนั้นนั่นแหละ”

 

 

เขามองไปทางห้องพยาบาลแวบหนึ่ง

 

 

เขารู้จัก OST แต่อวิ๋นกวงกรุ๊ปน่ะเขาไม่รู้จัก แต่ก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน

 

 

แม้เขาจะไม่ใช่แฟนคลับของหยางเฟย แต่ก็เคยดูการแข่งขันของ OST ก่อนการแข่งขันครั้งนี้ เขาก็เคยคิดอยากวานคนหาบัตรมาให้ แต่ก็ไม่ได้มา

 

 

ฉะนั้นอย่างฉินหร่าน สวีเหยากวงไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเธอจะหาบัตรเยอะแยะขนาดนี้ได้ด้วยตัวเอง

 

 

“คุณชายสวี พรุ่งนี้จะไปดูการแข่งขันหรือเปล่า” เฉียวเซิงยังอุ้มกล่องไว้เหมือนเดิม หันหน้าไปถาม

 

 

สวีเหยากวงขบคิด จากนั้นพูดว่า “ไป”

 

 

เฉียวเซิงเปลี่ยนท่า “ไม่เห็นว่านายจะชอบเทพพระอาทิตย์ หรือสมาชิกคนอื่นของ OST สักเท่าไหร่ ทำไมจะไปดูการแข่งขันให้ได้ล่ะ”

 

 

นอกจากฟิสิกส์กับไวโอลิน เฉียวเซิงไม่เคยเห็นเขาชอบอย่างอื่นเลย

 

 

“ใครบอกว่าฉันไม่ชอบสมาชิกทีม OST” สวีเหยากวงหรี่ตาลง ดวงตาคู่นั้นดูลึกล้ำ

 

 

เมื่อถึงห้องพักของสวีเหยากวง เฉียวเซิงก็หยุดอยู่ข้างนอก ไม่เข้าไป แต่จะถามให้รู้เรื่อง “ไม่สิ แม้แต่เทพพระอาทิตย์นายยังไม่ชอบ มีสมาชิกทีม OST คนอื่นที่สะดุดตานายได้ด้วยเหรอ”