บทที่ 159 ขุดเหมืองทอง

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 159

ขุดเหมืองทอง

เมื่อได้ยินที่หลินรั่วจิ่งพูดอย่างมีน้ำใจเช่นนั้นแล้ว จงซู่เฟิงจึงได้ผงกหัว “แม่นางช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ซู่เฟิงต้องขอรบกวนแล้ว”

หลินซีเหยียนก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร อย่างไรเสียหน้าที่ของนางก็มีแค่คอยดูแลร่างกายของจงซู่เฟิงเท่านั้น แต่นางก็รู้สึกผิดหน่อยๆเพราะนางรู้สึกว่าหลินรั่วจิ่งนั้นไม่เหมาะสมกับจงซู่เฟิงเลย

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนางอยู่แล้ว

จงซู่เฟิงกับหลินรั่วจิ่งก็ได้ออกไปด้วยกัน โดยมีเหลยถิงและช่างช่านคอยติดตามไปด้วย

ด้วยเหตุนี้หลินซีเหยียนจึงได้รู้สึกสบายขึ้นมาก เพราะนางสามารถทำงานของนางเองได้อย่างสะดวกโดยไม่ต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจ

เยี่ยจุนเจี๋ยที่กลับมาอย่างผู้ชนะนั้น ก็ได้เตรียมที่จะจัดงานฉลอง หลินซีเหยียนจึงได้ไปที่บ้านท่านแม่ทัพเจิ้นกว๋อในฐานะหลินอวิ๋นเซวียน

“องค์ชาย ท่านอยู่พักผ่อนเฉยๆในพระราชวังไม่ได้รึไง?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆนาง ด้วยสีหน้าที่ช่วยไม่ได้

เจียงหวายเย่ที่สวมหน้ากากหยกขาวปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของตัวเองเอาไว้ แล้วริมฝีปากที่บางซีดของเขาก็ได้เอ่ยขึ้นมา “แม่ทัพเยี่ยได้รับชัยชนะ ข้าจะไม่แสดงความยินดีกับเขาได้อย่างไร?”

ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันนั้นดูเข้ากันดีมาก หลินซีเหยียนในชุดผู้ชายเองก็ดูหล่อเหล่า เหล่าลูกคุณหนูที่มาร่วมงานพร้อมกับพ่อแม่นั้นต่างก็พากันมองดู

แน่นอนว่าเจียงหวายเย่เองก็ไม่แพ้กัน ถึงแม้ว่าหน้ากากนั้นจะปิดบังใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาไป แต่บรรยากาศของความเป็นผู้ดีที่ไร้ที่ติก็ได้แผ่ออกมาจนทำให้หลายคนต้องก้มหัวให้

“อวิ๋นเซวียนเจ้ามาหลบอยู่นี่เอง” เยี่ยจุนเจี๋ยที่เห็นหลินอวิ๋นเซวียนก็ได้เดินมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา แต่หลังจากที่เห็นเจียงหวายเย่แล้ว เขาก็ได้ลดรอยยิ้มลงแล้วทำความเคารพเขา “ข้าขอคารวะท่านองค์ชายรัตติกาล”

ในวันนี้เจียงหวายเย่สวมชุดสีเงินอยู่ แล้วเขาก็ได้สะบัดแขนเสื้อของเขาแล้วกล่าวอย่างสบายๆ “ท่านแม่ทัพเยี่ยนอบน้อมมากไปแล้ว ที่เปิ่นหวางมาในวันนี้ก็เพื่อแสดงความยินดีกับ ชัยชนะของท่านแม่ทัพเท่านั้น”

“ขอขอบพระทัยองค์ชายที่เป็นห่วง”

แล้วสามหนุ่มหล่อเมื่ออยู่ด้วยกันก็ได้ดึงดูดสายตามากขึ้นไปอีก หลินซีเหยียนรู้สึกไม่ค่อยชอบที่ถูกมองเช่นนี้จึงได้หาเรื่องพูดขึ้นมา “จางฮุยลูกน้องของท่านแม่ทัพเฉิงนั้น ท่านควรจะระวังเขาไว้ให้ดี”

เมื่อได้ยินที่กล่าว เยี่ยจุนเจี๋ยก็ได้ผงกหัวและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภูเขาอูอวิ๋น แล้วสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา “อวิ๋นเซวียนไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะทำการตรวจสอบและล้างแค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน”

ที่เขาอูอวิ๋นนั้น แม่ทัพเฉิงถูกซุ่มโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่จางฮุยนั้นฉลาดมา ทั้งๆที่เขาตามไปแม่ทัพเฉิงไปบนภูเขาด้วยแท้ๆ แต่เขากลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลย มันจะต้องมีลับลมคมในอะไรบางอย่างแน่

“อู๋จื้อเฟิงที่อยู่ในคุกและจะถูกสอบปากคำในไม่ช้านั้น ถ้าท่านอยากที่จะได้ข้อมูลอะไรจากปากของเขา ข้าแนะนำให้ท่านหาคนมาคอยแอบปกป้องเขาเอาไว้” หลินซีเหยียนพูดด้วยเสียงเบาๆ ราวกับกลัวกำแพงมีหูประตูมีช่อง

“มีใครที่อยากจะฆ่าเขางั้นเหรอ?”

ที่เรือนจำสวรรค์นั้นมีการคุ้มกันที่แน่นหนามาก และยากมากที่จะฝ่าเข้าไปได้ ถ้ามีใครที่สามารถฝ่าเข้าไปได้แล้ว คนคนนั้นจะต้องมีฐานะที่ไม่น้อยเลยทีเดียว

เรื่องที่แม้แต่นางเองก็ยังไม่มั่นใจเช่นนี้ หลินซีเหยียนจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรมากเกินไป แต่นางก็จำต้องบอกให้เยี่ยจุนเจี๋ยรู้เอาไว้ “องค์ชายสองอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

เมื่อเยี่ยจุนเจี๋ยได้ยินเช่นนี้ก็ได้ออกไปจัดการเรื่องนี้ทันที อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก จะปล่อยให้อู๋จื้อเฟิงเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด

เจียงหวายเย่ที่มองแผ่นหลังของเยี่ยจุนเจี๋ยที่เดินจากไป แล้วดวงตาของเขาก็ได้ดำมืดขึ้นมา “เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ช่วยเข็นพาเปิ่นหวางออกไปหน่อยสิ”

“องค์ชาย ได้โปรดระวังตัวหน่อย ในเวลานี้ข้าคือ อวิ๋นเซวียน” หลินซีเหยียนก็ได้กล่าวอย่างเย็นชาแล้วทำเป็นไม่สนใจเจียงหวายเย่

เจียงหวายเย่ก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา และได้พูดสิ่งที่น่าสนใจออกมา “เมื่อคืนนี้ เทียนเอ๋อได้ให้ชิงอวี่ส่งจดหมายมาให้ เปิ่นหวางไม่รู้ว่าเสี่ยวเหยียนเอ๋ออยากที่จะรู้หรือเปล่า?”

“เจ้าตัวแสบนั่นบอกว่าอะไรบ้างล่ะ?” จะบอกว่านางไม่สนใจก็กระไรอยู่ หลินซีเหยียนจึงได้ถามกลับไปตรงๆ

“ถ้าเสี่ยวเหยียนเอ๋อตกลงที่จะไปกับเปิ่นหวาง เปิ่นหวางก็จะบอกให้เจ้าฟัง” เจียงหวายเย่ก็ได้พูดด้วยเสียงเบาๆแฝงด้วยน้ำเสียงที่ดูมีเลศนัยเล็กน้อย ทำให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

นางที่เป็นถึงหมอผีที่มีศักดิ์ศรีและมีชื่อเสียงของหมอผีอยู่ด้านหลังของนางนั้น นางจึงอยากที่จะรู้และตรวจสอบด้วยตัวเองมากกว่า ทำไมนางจะต้องรู้สึกผิดด้วย นางจึงได้ทำเป็น เมินเจียงหวายเย่

ท่าทีที่เย็นชาเช่นนี้ก็ไม่อาจที่จะขับไล่ความกระตือรือร้นของเจียวหวายเย่ไปได้ เจียงหวายเย่จึงได้ลงทุนพูดต่ออีกสักหน่อย “เทียนเอ๋อพบเหมืองทองในภูเขาอูอวิ๋นแล้ว เจ้ามั่นใจนะว่าเจ้าไม่อยากรู้จริงๆ”

หลินซีเหยียนก็ได้บิดมุมปากของนางแล้วลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่ปราศจากรอยยิ้มแล้วกล่าว “อย่างไรเสียถ้าองค์ชายบอกข้ามาเลยก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาค้นหาเอง”

หลินซีเหยียนก็ได้เข็นรถพาเจียงหวายเย่ออกไปข้างนอกงานแล้วเดินผ่านทุกคนไปอย่างช้าๆ เจียงหวายเย่นั้นเป็นถึงเทพสงคราม ตัวตนของเขานั้นเป็นที่จับตามองอยู่แล้ว และเพราะนางอยู่กับเขา หลินซีเหยียนจึงได้ถูกจับตามองไปด้วย

รอบๆโต๊ะไม้จันทน์ที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขานั้น มีมหาเสนาบดีหลิน, กว๋อกงจิ่งหยาง, องค์ชายสองและองค์ชายสี่นั่งอยู่

“หึ ช่างเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักยางอายเสียจริงๆ คงจะรู้สึกดีมากสินะที่ถูกจ้องมองโดยคนมากมายเช่นนี้น่ะ” องค์ชายสี่เจียงช่างเฉินก็กล่าวอย่างดูหมิ่น โดยไม่ให้ความเคารพต่อผู้อาวุโสเลยแม้แต่น้อย

ถึงแม้ว่าอีกทั้งสามคนจะมีความคิดเช่นเดียวกันกับเขา แต่พวกเขาก็ต่างไปจากองค์ชายสี่ที่เป็นคนโผงผาง พวกเขารู้ว่าสิ่งไหนควรที่จะพูดไม่พูด

หลินซีเหยียนที่เข็นพาเจียงหวายเย่ออกมาข้างนอก แต่เพราะการอยู่ด้วยกันของทั้งคู่นั้นมันโดดเด่นเกินไป จึงทำตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนทันทีไม่ว่าจะไปที่ไหน “องค์ชาย พวกเราออกมาข้างนอกแล้ว ท่านจะบอกข้าเรื่องที่ท่านทราบมาได้หรือยัง?”

“ที่นี่ไม่ใช่ที่เหมาะสมแก่การคุยสักเท่าไร ไปที่โรงน้ำชาซื่อฝูกันเถอะ”

โรงน้ำชาซื่อฝูนั้นเป็นโรงน้ำชาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง พวกเขาไม่ขายอะไรอย่างอื่นเลย และมุ่งเน้นไปที่การทำและขายชาอย่างเดียวเท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังเน้นไปที่การแบ่งห้องออกจากกันเพื่อความเป็นส่วนตัว เมื่อต้องการพูดคุยอะไรกันเป็นการส่วนตัวแล้วจึงเป็นเหตุผลให้มาที่นี่กัน

“แต่ที่นี่มีคนตั้งมากมาย จะไม่มีแอบฟังจริงๆเหรอ?” หลินซีเหยียนก็พูดแนะนำขึ้นมา

แต่เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเรื่องนี้ เพราะเขามีเหตุผลอยู่ที่เลือกมาที่นี่ “ที่นี่เป็นของเปิ่นหวางเอง ดังนั้นข้อมูลจะรั่วไหลออกไปหรือไม่นั้น เปิ่นหวางจะเป็นคนตัดสินใจเอง”

นี่หรือคืออำนาจของเงินตรา? หลินซีเหยียนมองตาปริบๆและสงสัยถึงทรัพย์สินที่แท้จริงของเจียงหวายเย่ “องค์ชาย ยังมีร้านของท่านเช่นนี้ในเมืองหลวงอีกหรือเปล่า?”

สำหรับคำถามนี้ของหลินซีเหยียนนั้น เจียงหวายเย่ก็ได้ก้มหน้าลงแล้วคิดอย่างจริงจังก่อนจะตอบออกมา “เปิ่นหวางก็จำไม่ได้ทั้งหมดหรอก เพราะปกติเปิ่นหวางนั้นจะปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของอันอี้เป็นคนจัดการน่ะ”

และเนื่องจากเจียงหวายเย่เป็นเจ้าของที่นี่ ทั้งสองคนจึงได้ขึ้นมายังชั้นบนสุด ซึ่งชั้นบนสุดนี้เป็นชั้นกว้างๆมีเพียงห้องเดียว นอกจากนี้ยังมีต้นไม้และดอกไม้ประดับเอาไว้อย่างหรูหรา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ตกแต่งที่นี่นั้นที่ชอบความสบายๆและงดงาม

แต่ก่อนที่หลินซีเหยียนจะได้พูดอะไร เจียงหวายเย่ก็ได้พูดขึ้นมาก่อนอย่างเล่นลิ้น “เทียนเอ๋อนั้นพบที่ตั้งของเหมืองทองแล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยแร่ทองที่ยังไม่ได้ขุด และเพราะว่าทางพระราชสำนักเองก็ยังไม่ได้ส่งคนมาสำรวจดูด้วย องค์ชายจึงได้คิดที่จะสมรู้ร่วมคิดกับเทียนเอ๋อที่จะลงมือขุดทองที่นั่นกันก่อน”

“เทียนเอ๋อนั้นยังเด็กนัก แต่ท่านไม่ใช่เด็กแล้วนะ มีหลายคนที่จับจ้องที่นั่นอยู่ การจะลักลอบขุดทองที่นั่นเป็นเรื่องเสี่ยงมาก”