บทที่ 160 องค์หญิงเหวินจวิน

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 160

องค์หญิงเหวินจวิน

“ถ้าเกิดว่าเปิ่นหวางทำได้ เสี่ยวเหยียนเอ๋อจะให้อะไร เปิ่นหวางไหม?”

คำพูดเล่นๆไม่จริงจังนี้แต่กลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่นางระยะใกล้ๆ ทำให้หูของหลินซีเหยียนนั้นแดงขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ใบหน้าของนางนั้นยังคงเย็นชาอยู่

“องค์ชายเองก็ร่ำรวยมหาศาลอยู่แล้ว ข้าไม่รู้หรอกว่าองค์ชายจะอยากได้อะไรจากคนธรรมดาอย่างข้าอีก” หลินซีเหยียนก็ได้หลบสายตาหนีจากเจียงหวายเย่ แล้วกล่าวปฏิเสธอย่างไม่ไยดี

“เปิ่นหวางมีสิ่งที่เปิ่นหวางอยากได้อยู่ แล้วก็มีเจ้าคนเดียวที่ให้เปิ่นหวางได้!” เจียงหวายเย่ก็ได้ตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบต่ำและมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพ่ายแพ้ แต่ไม่นานนักก็หายไป “ถ้าเจ้าไม่ให้เปิ่นหวางก็ไม่เป็นไร แต่ทองมากมายที่อยู่ในเหมืองคงต้องตกเป็นของเปิ่นหวาง”

หลินซีเหยียนเมื่อได้ยินว่ามีทองมากมายก็หูผึ่งทันที

เขากำลังคิดที่จะใช้ทองมากมายเหล่านั้น มาใช้ซื้อตัวนางจริงๆเหรอ?

สีหน้าของหลินซีเหยียนก็จริงจังขึ้นมา แต่จริงๆแล้วในใจของนางนั้นแทบจะระเบิดออก ถ้าเขาคิดจะซื้อตัวนางด้วยทองมากมายจริงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่างไรเสียเจียงหวายเย่ก็มีทั้งรูปร่างและหน้าตาดี อีกทั้งยังมีวรยุทธ์แก่กล้า และยังเป็นถึงองค์ชายของประเทศนี้อีก ถึงแม้ว่าเขาจะมีพิษเรื้อรังอยู่แต่อีกไม่ช้าหรือเร็วก็สามารถขับออกจนหมดได้

ซึ่งจริงๆแล้วไม่ว่าจะมองจากมุมไหน เจียงหวายเย่ก็เป็นฝ่ายที่เสียหายอย่างมากหากทั้งสองคนอยู่ด้วยกันจริงๆ

แต่ผู้หญิงที่ไร้หลักการอย่างนางมีหรือจะยอมโดนหลอกล่อง่ายๆ “องค์ชาย ข้าว่าเรามีบางอย่างต้องหารือกันก่อนนะ จากที่ข้าได้ยิน เทียนเอ๋อเป็นคนที่พบเหมือง ดังนั้นท่านย่อมฮุบไปคนเดียวทั้งหมดไม่ได้ใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเจียงหวายเย่ก็ได้ปรากฏแววตาไหวพริบขึ้นมา เขาจึงทำเป็นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจากนั้นก็กล่าว “ถึงแม้ที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อว่ามาจะมีเหตุผลอยู่ แต่ก็เป็นเปิ่นหวางเองที่เป็นคนลงมือไม่ใช่หรือไง?”

หลินซีเหยียนก็ได้กัดฟันแน่นและคิดที่จะสู้อย่างไม่ยอมถอย แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา หลังจากที่อนุญาตให้เขามาได้แล้ว อันอี้ก็ได้เข้ามาข้างใน

เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วก้มหัวรายงาน “องค์ชายขอรับ ฮ่องเต้เรียกท่านให้ท่านเข้าไปในพระราชวังขอรับ”

เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลง แล้วใบหน้าของเขาก็แสดงถึงความเหนื่อยหน่ายขึ้นมาทันที “รู้หรือไม่ว่าเรียกไปทำไม?”

“เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ข้าน้อยจึงไม่ทันได้ทราบข่าวอะไรทั้งนั้นขอรับ” อันอี้ก็ได้กล่าวด้วยสีหน้าที่ทื่อราวกับต้นไม้ แล้วน้ำเสียงก็ไม่ได้แสดงถึงความสั่นไหวของอารมณ์แม้แต่น้อย ราวกับตุ๊กตาที่ไร้วิญญาณ

เจียงหวายเย่ก็ได้โบกมือของเขา แล้วอันอี้ก็ได้ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปอย่างเงียบๆ

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เรื่องของเรายังคุยกันไม่จบนะ อย่าได้หวังจะได้ส่วนแบ่งสักเสี้ยวไปจากเปิ่นหวางเลย” หลังจากที่ เจียงหวายเย่กล่าวจบ เขาก็ได้ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป เหลือเพียงหลินซีเหยียนถูกทิ้งให้อยู่ในห้องนั้นเพียงลำพัง

“คนขี้เหนียว” หลังจากที่ผ่านไปพักใหญ่ หลินซีเหยียนก็ได้ตะโกนขึ้นมา “ฮึ ข้าจะคอยดูว่าเนื้อชิ้นใหญ่แบบนั้น เจ้าจะสวาปามคนเดียวหมดยังไงไหว!”

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังบูดบึ้งอยู่นั้น ประตูก็ได้ถูกเปิดออก แล้วเด็กในร้านน้ำชาก็ได้เข้ามาพร้อมกับกาน้ำชา แล้วเด็กคนนั้นก็ได้ยิ้มให้แล้วรินชาให้อย่างนอบน้อม

“ท่านชายขอรับ นี่คือชาจากต้นซีดาร์ของร้านเรา ได้โปรดลองชิม ข้าขอตัวก่อนขอรับ”

หลินซีเหยียนที่ตอนแรกคิดจะออกไปแล้ว ก็ได้กลับมานั่งลงก่อน นางนั้นเคยได้ยินท่านอาจารย์พูดถึงชาซีดาร์มาก่อน ท่านอาจารย์บอกว่าชาซีดาร์เป็นของที่หายากมากในแผ่นดินนี้ แม้แต่ฮ่องเต้ของประเทศหนึ่งก็ยังไม่เคยได้ลองชิม นางเองก็อยากลองชิมมานานแล้วแต่เพิ่งจะมามีโอกาสได้ลองก็ตอนนี้

หลินซีเหยียนก็ได้หยิบแก้วชาขึ้นมาไว้ใต้จมูกของนาง อย่างที่คิดกลิ่นของชานี้ช่างเย็นสดชื่นเหมือนต้นซีดาร์ สมกับที่เป็นชาหายากจริงๆ

ในขณะที่หลินซีเหยียนดื่มหมดแก้วนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังมาจากข้างหลังนาง แต่ก่อนที่นางจะได้หันหัวไป นางก็ถูกจี้สกัดจุดทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้

“ชายชราผู้นี้รอเวลานี้มานานแล้ว ในที่สุดก็ได้ดื่มชา ซีดาร์เสียที”

เสียงที่คุ้นหูนี้ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกตกใจ ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่น่าเสียดายที่นางไม่สามารถพูดหรือหันหัวของนางได้

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้าสามารถทำให้เจ้าหนูหวายเย่สุดขี้เหนียวยอมให้เจ้าดื่มชานี้ได้ เมื่อก่อนข้าพยายามอย่างสุดความสามารถก็ยังให้ข้าแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง”

เขาบ่นพึมพำด้วยความรู้สึกอิจฉา ซึ่งทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกตกตะลึง

นางมองไปที่คนที่กำลังดื่มอย่างต่อเนื่องแก้วต่อแก้ว จนกระทั่งเขาดื่มหมด ก็ได้มองมาที่หลินซีเหยียนอย่างพึงพอใจ “เจ้าหนู ข้าขอโทษด้วยที่ต้องฉวยโอกาสจากเจ้าเช่นนี้ ข้าให้นี่เป็นของขอบคุณก็แล้วกัน”

มีขวดยาหยกสีขาวซึ่งดูมีคุณภาพสูงมากวางอยู่ตรงหน้าของหลินซีเหยียน หลินซีเหยียนที่ขยับไปไหนไม่ได้ ก็รู้สึกกระวนกระวายจะเป็นจะตายในใจของนาง

“ชายชราไปก่อนล่ะ คงไม่ได้พบกันอีก”

แล้วชั่วโมงหนึ่งผ่านไป หลินซีเหยียนก็ได้เริ่มขยับตัวได้ นางก็ได้นวดกล้ามเนื้อที่แข็งของนางแล้วกล่าวอย่างอึ้งๆ “ท่านอาจารย์ ที่แท้ท่านก็ดื่มชาซีดาร์แบบนี้นี่เอง แถมท่านยังจำลูกศิษย์ของตัวเองไม่ได้อีกต่างหาก”

ชายชราที่ดูซุกซนเมื่อสักครู่นี้คือผู้เฒ่าเทียนหยา อาจารย์ของหลินซีเหยียนนั่นเอง

แต่จากที่ท่านอาจารย์กล่าวเมื่อสักครู่ หลินซีเหยียนพอจะเดาได้ว่าท่านอาจารย์นั้นจะต้องรู้จักเจียงหวายเย่แน่ๆ แต่นางก็ไม่เคยได้ยินท่านอาจารย์พูดถึงมาก่อนเลย

หลินซีเหยียนที่กำลังจะเดินออกจากร้านน้ำชาซื่อฝูเพื่อกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีนั้น ก็ต้องถูกหยุดระหว่างทาง

“คุณชายมีคนผู้หนึ่งขอให้ท่านไปที่ห้องส่วนตัวเพื่อพูดคุยด้วยขอรับ”

เสียงที่ฟังดูมืดมนแต่กลับเต็มไปด้วยจิตที่ชั่วร้าย หลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ว่าคนเหล่านี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ นางก็ได้มองดูแล้วตัดสินใจไม่ได้ว่าจะตามไปดีหรือไม่?

แต่เพื่อที่จะรู้ให้ได้ว่าอีกฝ่ายนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ หลินซีเหยียนก็ได้ตัดสินใจเดินตามขึ้นไปชั้นบนแล้วเข้าไปที่ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ข้างในห้องนั้นมีโต๊ะและมีม่านกั้นอยู่ และไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่เลย ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังอ้ำอึ้งอยู่นั้น ก็ได้มีเสียงผู้หญิงดังมาจากหลังม่านนั้น

“ข้าน้อยเหวินจวิน ถือโอกาสชวนคุณชายมาร่วมสนทนากัน หวังว่าคุณชายจะไม่ว่าอะไร”

เป็นเสียงที่ใสราวกับกระดิ่งลม ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วขึ้นมาแล้วกล่าว “ไม่ทราบว่าแม่นางต้องการสิ่งใดจากข้าอย่างนั้นรึ?”

“เหวินจวินก็แค่อยากจะมีความสัมพันธ์ร่วมกับคุณชายแล้วจากนั้นก็จะตกลงเป็นคนรักให้ท่าน แต่ผ่านไปหลายวันข้าก็ตามหาท่านไม่พบ แต่วันนี้ช่างโชคดีได้พบกับคุณชาย จะต้องเป็นความเมตตาจากสวรรค์แน่ๆ ไม่ทราบว่าคุณชายนั้นจะตกหลุมรักเหวินจวินแล้วจะอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์หรือไม่?”

ทันทีที่พูดออกมาเช่นนี้ หลินซีเหยียนก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายนั้นจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถเป็นแน่ แต่นางเองก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน จะให้นางไปแต่งงานกับผู้หญิงได้อย่างไร ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “ข้าขอขอบคุณในความรักของแม่นาง แต่ข้านั้นมีคนรักอยู่แล้ว”

การปฏิเสธออกไปตรงๆเช่นนี้ไม่อาจทำให้อีกฝ่ายนั้นหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยแต่กลับทำให้กล้าหาญมากยิ่งขึ้นไปอีก แล้วอีกฝ่ายก็ได้เดินออกมาจากหลังม่านนั้นแล้วกล่าว “ข้าไม่ใส่ใจที่จะต้องปรนนิบัติคุณชายร่วมกับผู้อื่นหรอกนะ”

หลินซีเหยียนก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย เพราะเขารู้จักอีกฝ่ายดี และอีกฝ่ายนั้นก็คือเจียงเหวินจวิน องค์หญิงเพียงคนเดียวของประเทศนี้ และเป็นน้องสาวของฮ่องเต้คนปัจจุบัน

เจียงเหวินจวินก็ได้รู้สึกพอใจอย่างมากกับแววตาประหลาดใจในดวงตาของหลินซีเหยียน “คุณชายหลิน เหวินจวินคงไม่ได้ขอมากไปใช่ไหม?”

หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลง แล้วได้ตัดสินว่านางจะต้องไม่ให้อีกฝ่ายนั้นมีความหวังเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นนางมันจะเป็นปัญหาตามมากับงานของนางหลังจากนี้ได้ “ข้าจะรักผู้หญิงเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิตของข้า ถ้าแม่นางไม่มีธุระอะไรแล้วข้าขอตัวก่อน”

หลินซีเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดและเย็นชาแล้วเดินจากไป นางไม่รู้เลยว่าสิ่งที่นางทำไปนั้นมันจะทำร้ายหัวใจของหญิงสาวมากขนาดไหน แต่ต่อให้นางรู้นางก็ต้องทำอยู่ดี เพราะเจียงเหวินจวินนั้นเป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวของรัฐเจียง และเป็นที่รักยิ่งของฮ่องเต้องค์ก่อน อำนาจของนางนั้นย่อมดูถูกไม่ได้เลย จึงเป็นการดีกว่าที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนาง