“พี่ชายฉันก็โสดนะ คุณน้าก็ดูชอบพี่ชายฉันมากด้วย แน่นอนว่าถึงเขาจะเป็นแค่ข้าราชการน้ำดีที่รายได้ไม่มากเท่าเถ้าแก่ไห่ แต่พี่ชายฉันเป็นคนจิตใจบริสุทธิ์ อีกทั้งยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน นายว่าผู้ใหญ่เขาจะชอบคนเงินเยอะใจป้ำ หรือว่าชอบคนซื่อๆการงานมั่นคงมากกว่าล่ะ?”
เพล้ง หัวใจของไห่เจาที่เพิ่งประสานรอยร้าวได้ถูกคำพูดของเสี่ยวเชี่ยนทำให้แตกเป็นชิ้นๆอีกครั้ง
กินข้าวเสร็จอวี๋หมิงหลางก็เดินควงเสี่ยวเชี่ยนออกมาเตรียมจะกลับ ไห่เจาเดินออกมาส่งพวกเขา
“ไอ้เล็กแกไปขับรถมาไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับเสี่ยวเชี่ยน”
พออวี๋หมิงหลางไปแล้ว ไห่เจาก็ยิ้มกว้างเหมือนแป๊ะยิ้ม
“เสี่ยวเชี่ยนคนสวย พี่ชายเธอยังเป็นโสดใช่ไหม ผมมีเพื่อนสาวๆสวยๆเยอะเลยนะ ให้ผมแนะนำให้เขาไหม ไม่ต้องขอบคุณหรอก ผมเป็นคนมีน้ำใจอยู่แล้ว”
พอได้ยินว่าแม่อวี๋ดูชอบพี่ชายลูกติดพ่อเลี้ยงของเสี่ยวเชี่ยน ไห่เจาก็จิตใจระส่ำระส่าย อยากจะรีบแนะนำสาวให้เลี่ยวฟู่กุ้ยในทันที ให้เขาอยู่ห่างๆเสี่ยวซีไว้
“ไห่เจา นายพูดความจริงกับฉันมา ตกลงนายคิดยังไงกับพี่เสี่ยวซีกันแน่ นายอยากจะเป็นแฟนปลอมๆกับเขาไปตลอดชีวิต หรือว่าทำเหมือนเล่นๆแต่เอาจริง?”
ช่วงสองปีมานี้เสี่ยวซีถูกแม่อวี๋เร่งให้แต่งงานตลอด เธอทำเฉไฉได้ก็ทำ หลบได้ก็หลบ ครั้งนี้หลบไม่ได้จริงๆจึงให้ไห่เจาไปช่วยเป็นไม้กันหมา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากแต่งงานจริงๆ
“เธอเป็นจิตแพทย์มือฉมังอ่านใจคนเก่งไม่ใช่หรือไง ผมดูยังไงคุณก็ไม่เหมือนคนไม่รู้นะ?”
“จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง แล้วนายก็ไม่ใช่คนไข้ของฉันด้วย ทำไมฉันจะต้องมานั่งคิด ฉันยุ่งไปก่อนล่ะ~”
ไห่เจารีบไปขวางเธอไว้แล้วยิ้มอย่างอ้อนวอน
“ผมผิดไปแล้วครับเจ๊ ยกให้เป็นเจ๊แล้วพอใจยัง ผมก็อยากเอาคำว่าแกล้งออกจากเป็นแฟนอยู่หรอก แต่คุณน้าดูเหมือนไม่ค่อยชอบผมเลย…”
ทุกครั้งเมื่อถึงเทศกาลหรือขอแค่มีเวลาว่างไห่เจาก็มักจะไปที่บ้านครอบครัวอวี๋ เอาของนั่นนี่ไปให้ พยายามแสดงตัวตน แต่ทุกครั้งที่แม่อวี๋นัดดูตัวให้เสี่ยวซีก็ข้ามไห่เจาไปตลอด
“ไม่ใช่ไม่ชอบนาย แต่เป็นเพราะคุ้นเคยกันเกินไป เขาเลยไม่ได้นึกถึงนายไง”
เสี่ยวเชี่ยนมองในมุมกว้าง ไห่เจาดูอ่อนน้อมถ่อมตัวมากกว่าที่เธอเคยเจอเมื่อชาติก่อน
เถ้าแก่ไห่ในชาติที่แล้วเจ้าชู้มาก มีแฟนแต่ละทีเล่นเอาเป็นแผง สุดท้ายถูกผู้หญิงเล่นงานจนเป็นโรคจิตเวช ทำให้เกิดปัญหาทั้งกายและใจจนน้องชายทำงานไม่มีประสิทธิภาพ เกือบกลายเป็นคนไข้ของเสี่ยวเชี่ยน
ตอนที่เธอเพิ่งกลับมาเกิดยังคิดว่าไห่เจาจะเป็นคนเจ้าชู้ แต่หลังจากที่อยู่กับอวี๋หมิงหลางมานานขนาดแล้วเลยพลอยสนิทกับไห่เจาไปด้วย เสี่ยวเชี่ยนก็พบว่าเขาไม่เหมือนกับหนุ่มเพลย์บอยที่เธอจินตนาการไว้
ไห่เจาในชาติก่อนช่วงหลังๆเจ้าชู้มาก เปลี่ยนแฟนทุกวัน แต่ในชาตินี้ถึงแม้บางครั้งปากเขาจะพูดจาหว่านเสน่ห์ไปทั่ว แต่กลับไม่เคยลงมือจีบจริงจัง เคยได้ยินเขาโม้ว่าตัวเองหาแฟนได้เยอะแยะ แต่ไม่เคยเห็นพามาให้ดูตัวเลยสักครั้ง
นั่นก็หมายความว่า ไห่เจาในตอนนี้ก็แค่แสดงออกว่าเจ้าชู้ และที่ทำให้เขาไม่กล้าทำจริงเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะอวี๋หมิงซีซุปเปอร์พี่สาวของอวี๋หมิงหลาง
“งั้นเธอช่วยพูดกับคุณน้าให้หน่อยสิ น้ำปุ๋ยไม่ไหลลงนาคนนอก[1]ถ้าเรื่องนี้สำเร็จนะต่อไปเธอมากินฟรีที่ร้านได้เลย”
ไห่เจารู้ถึงสถานะของเสี่ยวเชี่ยนในครอบครัวอวี๋ แม่อวี๋เอ็นดูเสี่ยวเชี่ยนมาตลอด คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนเธอต้องฟังแน่นอน
“ไห่เจา มีคำพูดหนึ่งฉันไม่รู้ว่าพูดดีหรือเปล่า”
“พูดมาสิ”
“พี่เสี่ยวซีเป็นคนแบบที่สี่ในตำรานพลักษณ์ทั้งเก้า เป็นพวกอาร์ตตัวแม่ แต่ฉันชอบเรียกว่าคนโศกซึ้งมากกว่า นี่คือนิสัยที่ติดตัวเขามาแต่กำเนิด แต่นายเป็นคนแบบที่เจ็ด ผู้เสพย์สุข นายกับเขาแค่ดูจากบุคลิกพวกนี้ก็ไม่เหมาะกันแล้ว โดยเฉพาะพี่เสี่ยวซีที่จัดอยู่ในประเภทมีลักษณะชอบยึดครอง ความเอาแต่ใจเป็นตัวของตัวเองมันฝังอยู่ในกระดูกของเขา นายเอาเขาไม่อยู่หรอก”
เสี่ยวเชี่ยนเคยสะกดจิตผ่านทางโทรศัพท์ให้อวี๋หมิงซีระยะหนึ่ง จึงค่อนข้างรู้จักนิสัยของอวี๋หมิงซีดี
เป็นอาร์ตตัวแม่ ชอบความสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางยอมรับความรักเรียบง่ายแบบคนธรรมดา เรียกได้ว่าคนบุคลิกที่สี่เป็นคนที่เอาแต่ใจที่สุดในเก้าแบบ แต่ไห่เจาเป็นคนบุคลิกแบบที่เจ็ด เขาเป็นพวกไม่ยอมสัญญากับใครง่ายๆ ชอบมีตัวเลือกเยอะๆ เห็นได้ชัดว่าเป็นคนเจ้าชู้ที่สุดในบรรดาบุคลิกทั้งเก้า
พูดตรงๆก็คือ นักร้องอวี๋หมิงซีเป็นผู้หญิงที่รักอิสระดุจม้าที่ถูกปล่อยวิ่งในท้องทุ่ง ส่วนไห่เจาเป็นผู้ชายที่เหมือนกับปีเตอร์แพน ทั้งสองคนไม่เหมาะสมกัน
“เขาจะรักอิสระแค่ไหนก็ต้องมีตอนที่เหมือนนกที่ต้องหวนกลับรัง ผมรอเขามาตลอด ไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่กลับ” ไห่เจาพูดอย่างหนักแน่น
เสี่ยวเชี่ยนถอนหายใจ
“ฝากไว้ให้คิด ปล่อยวางให้ได้ ฝืนไปมีแต่กลุ้ม”
“ยืนหยัดไม่ยอมแพ้ หลายปีมานี้ผมรอมาตลอด รออีกปีสองปีจะเป็นอะไรไป”
เสี่ยวเชี่ยนถอนหายใจอีกรอบ สอนดีๆยังไม่ฟัง เธอทำเต็มที่แล้ว
ระหว่างทางกลับเสี่ยวเชี่ยนเอาแต่นิ่งเงียบ อวี๋หมิงหลางเห็นเธอคิดหนักจึงถามขึ้น
“ไห่เจาพูดอะไรกับคุณเหรอ?”
“นายถือสาไหมถ้าวันหนึ่งเขากลายเป็นพี่เขยนาย?” เสี่ยวเชี่ยนเชื่อว่าอวี๋หมิงหลางดูออกนานแล้ว
“ผมถือสาไม่ถือสาไม่สำคัญหรอก ประเด็นคือเสี่ยวซีถือสา”
เขาดูออกจริงๆด้วย คนที่ดูไม่ออกมีแค่ไห่เจาคนเดียว บางทีเขารู้นานแล้วว่าตัวเองถลำลึก แต่กลับไม่ยอมออก
เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเมื่อชาติที่แล้วที่อวี๋หมิงซีเป็นโสดตลอดชีวิต ช่วงหลังๆไห่เจาก็ทำตัวเสเพล ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองคน เธอเชื่อว่าเสี่ยวซีจะต้องทำอะไรบางอย่างที่ทำร้ายจิตใจไห่เจาแน่นอน ดังนั้นไห่เจาถึงได้ทำตัวเละเทะแบบนั้น
“คิดอะไรอยู่น่ะ คิ้วขมวดเชียว” มือข้างหนึ่งของอวี๋หมิงหลางละจากการขับรถมานวดคิ้วให้เธอ
“ฉันกำลังคิดเรื่องทฤษฎีโลกคู่ขนาน คนแบบเดียวกันเจอเรื่องไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็ย่อมแตกต่างกัน ถึงฉันจะเรียนด้านจิตวิทยา แต่ฉันไม่ได้ยอมรับทั้งหมดว่านิสัยเป็นตัวตัดสินชะตาชีวิต”
“แล้วคุณว่าอะไรเป็นตัวตัดสินโชคชะตาล่ะ?”
“ครึ่งหนึ่งคือนิสัย อีกครึ่งคือฟ้าประทาน บางครั้งต่อให้คนพยายามแค่ไหนก็เอาชนะฟ้าลิขิตไม่ได้ ถ้าฟ้าไม่ให้โอกาส พยายามแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์”
ก็เหมือนกับตัวเธอกับไห่เจาเมื่อชาติก่อน
“งั้นทำไมคุณยังพยายามขนาดนี้ล่ะ?”
“เพราะการพยายามไม่แน่ว่าจะมีโอกาส แต่ถ้าไม่พยายามคือไร้โอกาสอย่างแน่นอน ฉันก็แค่คนธรรมดาทั่วไปที่ทั้งชีวิตต้องต่อสู้กับฟ้าเบื้องบน”
หวังว่าคนที่พยายามทุกคนจะมีโชคชะตาที่ฟ้าไม่เล่นตลก
แต่สุดท้ายความหวังก็คือความหวัง ฟ้าไม่เคยปล่อยใครให้รอดสักคน ดังนั้นเมื่อเสี่ยวเชี่ยนไปทำงานในตอนดึกคนที่โทรเข้ามาจึงล้นสายแทบไหม้
ถึงช่วงเวลาที่ปล่อยให้ถามจะถูกเสี่ยวเชี่ยนลดเหลือแค่สามนาที แต่ผู้กำกับก็ยังคงจัดการเรียงสายผู้ฟังอย่างหนาแน่น มีคนโทรเข้ามาขอคำปรึกษากับเสี่ยวเชี่ยนมากมายนับไม่ถ้วน
อวี๋หมิงหลางนั่งอยู่ที่ห้องผู้กำกับมองเสี่ยวเชี่ยนที่อยู่ในโหมดทำงาน เธอตอบคำถามแต่ละคำถามอย่างเป็นธรรมชาติ ทำเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆรับมือได้ทุกรูปแบบ ดูไม่เปลืองแรงเลยสักนิด
เห็นได้ชัดว่าคำพูดที่เขาพูดกับเธอเมื่อตอนกินข้าวนั้นได้ผล พอเสี่ยวเชี่ยนไม่มีแรงกดดันเรื่องแต่งงานเธอก็ดูสดชื่นขึ้นเยอะ
[1] ของดีๆ จะให้คนนอกไม่ได้