ในสายตาของอวี๋หมิงหลาง เสี่ยวเชี่ยนเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมาตลอด ยิ่งได้มาดูเธอทำงานใกล้ๆแล้วยิ่งรู้สึก การที่ศาสตราจารย์หลิวเอ็นดูเธอเป็นพิเศษใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เขานั่งอยู่ในห้องผู้กำกับมองท่าทางเธอตอบคำถามของผู้ฟังที่โทรเข้ามาแล้วนึกถึงก่อนหน้านี้ที่ศาสตราจารย์หลิวบอกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ส่งเสี่ยวเชี่ยนมาฝึกงานที่นี่ ในใจก็ยิ่งรู้สึกเห็นด้วย
ทุกคนต่างรอเธอแสดงความสามารถอันน่าทึ่ง ส่วนสิ่งที่เขาต้องทำก็คือคอยปกป้องให้ดอกไม้บานอย่างเงียบๆ
“อ๊ะ…ทำไมอยู่ๆก็ปวดท้อง” ผู้กำกับเอามือกุมท้อง ส่วนเสียงโทรศัพท์ก็ดังไม่ขาดสาย เธอทำได้แค่มองอวี๋หมิงหลางด้วยความลำบากใจ
“หมั้นเหม่ย ช่วยทำแทนพักนึงได้ไหม? ฉันท้องเสียน่ะ ขอไปห้องน้ำก่อน”
หมั้นเหม่ย=คู่หมั้นเหม่ยเหวย
อวี๋หมิงหลางพยักหน้า “ไปเถอะครับ”
“ฉันจะสอนว่าทำไง”
“ไม่ต้องครับ ผมจำได้ มีสายเข้าก็ทำแบบนี้…” อวี๋หมิงหลางพูดขั้นตอนอย่างรวบรัด
ผู้กำกับทำปากเป็นรูปตัวO
หมั้นเหม่ยสุดยอดมาก เห็นๆอยู่ว่าตลอดรายการเอาแต่จ้องเหม่ยเหวยที่อยู่ข้างในห้องกระจก รู้สึกว่าเขาแทบไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ แต่เขากลับพูดขั้นตอนทุกอย่างได้ถูกเป๊ะ ทำทั้งสองอย่างได้ในเวลาเดียวกันเลยนะเนี่ย
เหม่ยเหว่ยวาดรูปไปพลางให้คำปรึกษาผู้ฟังได้อย่างดี คู่หมั้นของเธอก็จ้องเธอชนิดที่ตาไม่กระพริบแต่ในขณะเดียวกันก็สังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัวไปด้วย สองคนนี้มาคบกันได้ยังไงเนี่ย
ผู้กำกับมองคู่รักคู่นี้ด้วยความทึ่ง ท้องก็ร้องโครกคราก เธอรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
อวี๋หมิงหลางกลายเป็นเด็กรับโทรศัพท์ชั่วคราว เขารู้สึกแปลกใหม่ดี
คนฉลาดไม่ว่าทำอะไรแค่มองก็ทำเป็น เขารับโทรศัพท์สองสายอย่างคล่องแคล่ว เสี่ยวเชี่ยนขณะที่ทำรายการอยู่ก็คอยมองสถานการณ์ด้านนอกไปด้วย พอเห็นเขานั่งตรงที่ผู้กำกับจึงยกนิ้วโป้งให้เขา อวี๋หมิงหลางที่เอาหูโทรศัพท์แนบกับไหล่อยู่ยักคิ้วให้เธอ
เวลามีสายเข้าจะมีไฟที่กล่องควบคุมจะกระพริบ อวี๋หมิงหลางจึงกดรับหนึ่งสาย
“สถานีวิทยุการคมนาคมครับ ไม่ทราบว่าต้องการปรึกษาเรื่องอะไรครับ”
ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายวัยกลางคน เหมือนกำลังหายใจแรง ดูตื่นเต้นจนเกินเหตุ “ผม ผม ผมต้องการเหม่ยเหวย”
ถ้าเป็นผู้กำกับคงฟังไม่ออกว่าอีกฝ่ายดูมีปัญหา แต่อวี๋หมิงหลางเป็นผู้ชาย จากมุมมองของผู้ชายได้ยินเสียงลมหายใจแรงกับน้ำเสียงดูตื่นเต้นแบบนี้ ทำไมมันเหมือน…
พูดไปด้วยชักว่าวไปด้วย?
อวี๋หมิงหลางหรี่ตา “คุณมีปัญหาอะไรครับ?”
“ผม…ผมเจ็บปวดมาก ผมต้องการเหม่ยเหวย ผมต้องการเหม่ยเหวย”
“ไปตายไป”
อวี๋หมิงหลางพูดจบก็วางสายทันที
ไฟโกรธปะทุขึ้นในใจ
ยิ่งนึกยิ่งหงุดหงิด เขาจึงกดเลื่อนดูเบอร์ที่เพิ่งโทรเข้ามาแล้วจำเอาไว้ เขามั่นใจว่าตัวเองคิดไม่ผิด คนๆนี้ทำเรื่องอย่างว่าพลางคิดถึงเมียเขาไปด้วย
อวี๋หมิงหลางหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา แล้วกดเบอร์เมื่อครู่ ปลายสายมีผู้ชายรับ
“เมื่อกี้ใครโทรมาครับ?”
“นี่เป็นตู้โทรศัพท์สาธารณะ ผมได้ยินเสียงเลยมารับครับ”
“ขอโทษนะครับไม่ทราบว่านั่นที่ไหน?”
“ตรงข้ามโรงพยาบาลกลางครับ” เด็กหนุ่มพูดจบก็วางสาย
อวี๋หมิงหลางยืนขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ตอนนี้เขาอยู่ที่ชั้นสิบสองของสถานีวิทยุโทรทัศน์ ห่างจากตรงนี้ไปสองช่วงถนนก็คือโรงพยาบาลกลาง มองเห็นได้อย่างชัดเจน
นี่ถึงกับมีคนใช้โทรศัพท์สาธารณะทำเรื่องโสมมโทรเข้ามาที่สายฮอตไลน์
อวี๋หมิงหลางจินตนาการถึงภาพนั้นแล้วก็โมโหสุดขีด แทบอยากจะไปตามล่าตัวคนๆนั้นแล้วกระทืบให้น่วม
เสี่ยวเชี่ยนเห็นอวี๋หมิงหลางท่าทางแปลกๆจึงตัดเข้าโฆษณาแล้วเดินออกมา
“มีอะไรเหรอ?”
อวี๋หมิงหลางหันไปหาเธอด้วยสีหน้าปกติ “เปล่า แค่เดินมาดูวิวน่ะ”
“สายเมื่อกี้มีปัญหาเหรอ?”
“ไม่นะ เข้าไปทำรายการเถอะ ไม่มีอะไรสักหน่อย”
เสี่ยวเชี่ยนไม่สงสัยต่อ เธอเขย่งจุ๊บปากเขาแล้วกลับไปทำงาน
เขาหันตัวไปยังด้านที่เสี่ยวเชี่ยนมองไม่เห็น ใบหน้าเคร่งขรึม สายตาอันเฉียบคมกวาดตามองยังถนนแต่ละเส้นอย่างรวดเร็ว
ในจุดที่เขามองไม่เห็นมีคนกำลังพฤติกรรมน่ารังเกียจรังแกภรรยาเขาในจินตนาการ เรื่องนี้ยอมไม่ได้ ช้าเร็วต้องลากตัวมันออกมา
หลังจากที่ผู้กำกับกลับมาก็รีบขอบคุณอวี๋หมิงหลางแล้วทำงานต่อ
อวี๋หมิงหลางยืนมองแสงไฟด้านนอกตรงริมหน้าต่าง เขามองรถราผู้คนจากด้านบน หลับตาแล้วนึกถึงท่าทางของคนที่โทรมาเมื่อกี้
ฟังจากเสียงน่าจะเป็นผู้ชายอายุราว40 พูดจาติดสำเนียงท้องถิ่นเล็กน้อย เวลาแบบนี้เลือกที่จะใช้โทรศัพท์สาธารณะไม่ใช่โทรศัพท์บ้าน มีความเป็นไปได้สามอย่าง
หนึ่งคือผู้ชายคนนี้มีครอบครัว ไม่กล้าโทรจากในบ้าน
สองคือเขาไม่มีครอบครัว แต่ที่บ้านไม่ได้ติดตั้งโทรศัพท์
และอย่างสุดท้าย เขาเพิ่งเลิกงานหรือไม่ก็ยังไม่เข้างาน เลยออกมาโทรศัพท์
อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าตัดข้อสองทิ้งได้ ตอนนี้การติดตั้งโทรศัพท์ราคาไม่แพง พูดจาติดสำเนียงท้องถิ่นก็แสดงว่าเป็นคนในพื้นที่ไม่ใช่คนที่อื่นเข้ามาทำงานเช่าบ้านอยู่ที่นี่ คนที่นี่ไม่มีทางถึงขนาดแย่จนไม่มีเงินติดตั้งโทรศัพท์ในบ้าน
และการที่มาปรากฏตัวใกล้สถานีโทรทัศน์ในเวลาแบบนี้ ถ้าไม่ได้เข้างานกะกลางคืนแถวนี้ก็คงตั้งใจมาเพราะอยากอยู่ใกล้เสี่ยวเชี่ยน
อวี๋หมิงหลางเคยเรียนด้านจิตวิทยาของคนร้าย รู้ว่าคนบางคนชอบอะไรที่ตื่นเต้นแบบนี้
เลือกที่จะโทรศัพท์ทำอนาจารในที่สาธารณะแบบนี้ อีกทั้งยังอยู่ใกล้เป้าหมายที่ตัวเองต้องการ เขาสงสัยว่าคนๆนี้เป็นพวกยิ่งหวาดเสียวยิ่งชอบ
ขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังวิเคราะห์จุดประสงค์และสาเหตุของสายก่อกวนเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว ผู้กำกับก็กำลังโอนสายเข้าไปในห้องออกอากาศ
ในขณะที่อวี๋หมิงหลางกำลังล้วงโทรศัพท์เตรียมจะโทรหาเพื่อนที่อยู่ที่นี่ เขาต้องการข้อมูลคนและรถที่เข้าออกโรงพยาบาลกลางเพื่อตามหาคนโรคจิตคนนั้น
ถึงแม้คนๆนั้นจะยังไม่ได้พูดอะไรล่วงเกิน แต่เซ้นส์ของอวี๋หมิงหลางบอกว่า เขาต้องกระชากคนๆนี้มาอัดให้ได้
เมียของเขาจะปล่อยให้คนอื่นหยามเหยียดได้อย่างไร?
“แม่ง” ผู้กำกับสบถออกมาแล้วดึงหูฟังออกจากหู
เสี่ยวเชี่ยนเองก็เดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“ทำไมเป็นเขาอีกแล้ว ฉันสาบานเลยนะว่าเมื่อกี้ตอนคุยเขาไม่ได้พูดแบบนี้ อีกทั้งคราวนี้ไม่ใช่เบอร์เดิมด้วย” ผู้กำกับเองก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายกับเสี่ยวเชี่ยนยังไง
งานของเธอคือช่วยเสี่ยวเชี่ยนคัดกรองสายที่โทรเข้ามา แต่สายก่อกวนเมื่อคราวก่อนโทรมาอีกแล้ว
พอได้ยินน้ำเสียงปลายสายดูแปลกๆเสี่ยวเชี่ยนจึงรีบเปิดเพลงเพื่อกลบเกลื่อน แต่ก็ยังถูกอีกฝ่ายทำตัวน่าขยะแขยงใส่
“มีอะไรเหรอ?” อวี๋หมิงหลางเดินเข้ามาถาม
“มีสายโรคจิตโทรเข้ามา บอกว่าจะเอามีดแทงฉัน”
“จะต้องเป็นคนเดียวกับเมื่อคราวก่อนแน่ ทุเรศ น่าโมโหนัก ปล่อยไปครั้งนึงยังจะโทรมาอีก? แจ้งตำรวจเถอะ ควรไปจับตัวมาได้แล้ว” ถึงแม้ผู้กำกับจะทำงานในวงการนี้มานาน เจอคนที่คิดจะเอาเปรียบพิธีกรมาไม่น้อย แต่ไม่เคยเจอใครที่น่าขยะแขยงแบบนี้มาก่อน
“ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกเหรอ?” อวี๋หมิงหลางหรี่ตา รู้สึกไฟโกรธปะทุมากกว่าเดิม นี่เสียวเหม่ยของเขาถูกคนทำเรื่องน่าขยะแขยงใส่หลายครั้งแล้วเหรอเนี่ย?