บทที่ 137 องค์ชาย ข้านำพี่น้องของเรามาให้กำลังใจท่าน

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

หนี่หยันลอยอยู่ในอากาศเหนือประตูมายาสวรรค์ นางจ้องปู้ฟางที่กลายเป็นแก่นเวทของวงแหวนปราณด้วยสายตาตื่นตะลึง ปากอ้าจนหุบไม่ลง

 “เหตุใดเถ้าแก่ปู้จึงปลุกพลังของอภิมหาวงแหวนปราณหายนะเศียรมังกรขึ้นมาอีกครั้งได้ คิดอย่างไรก็ไม่มีเหตุผลเลย! วงแหวนปราณนี้เป็นหนึ่งในห้าวงแหวนปราณที่ทรงพลังที่สุดตามบันทึกของสำนักเรา ต่อให้มองข้ามเรื่องความซับซ้อนของเวทไป คนส่วนมากก็ไม่น่าจะควบคุมมันได้เพราะไม่มีความรู้พอ

 “ราชวงศ์ของจักรวรรดิวายุแผ่วมีบันทึกวิธีการใช้งานวงแหวนปราณที่จักรพรรดิทุกพระองค์ต้องศึกษาทุกรายละเอียด ด้วยเหตุนี้จักรพรรดิฉางเฟิ่งจึงใช้งานวงแหวนปราณนี้ได้ แต่… เถ้าแก่ปู้ที่ไม่เกี่ยวอะไรเลยกลับอุตริควบคุมสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน”

สีหน้าของหนี่หยันประหลาดเหลือขณะจ้องไปที่ร่างของปู้ฟางซึ่งอยู่ภายในประตูมายาสวรรค์ หยกหลายชิ้นปรากฏขึ้นในมือนาง หญิงสาวเริ่มคลึงก้อนหยกในมือเพื่อพยากรณ์หาเหตุผล… จากนั้นก็เข้าใจว่าเหตุใดสถานการณ์จึงกลายเป็นเช่นนี้ได้

ทุกอย่างเป็นเพราะมีดทำครัวซึ่งเปลี่ยนหน้าตาไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ที่ปู้ฟางกำลังถืออยู่นั่นเอง

หนี่หยันสูดลมหายใจเข้าลึก อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานคนเดียวในใจ… อุปกรณ์กึ่งเทพที่ทำมาจากกระดูกมังกร!

แล้วไม่ใช่กระดูกมังกรธรรมดาเสียด้วย วงแหวนปราณถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยพลังของมีดทำครัวกระดูกมังกรทอง และกำหนดให้มีดนั้นเป็นแก่นเวทโดยทันที ด้วยเหตุนี้มีดในมือชายหนุ่มจึงทำให้เขาสามารถควบคุมวงแหวนปราณได้

เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้ หนี่หยันก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกต่อไป นางทำได้เพียงส่งเสียงจึ๊จ๊ะในปาก พลางรู้สึกอิจฉาปู้ฟางที่มีของล้ำค่าอยู่ในมือ

เจ้ามู่เฉิงกลืนน้ำลาย สายตามองไปที่ศีรษะใหญ่ยักษ์ของมังกรเทพ พลังรุนแรงของมังกรทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนกดให้จมลงไปในบ่อน้ำนอง

เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดอภิมหาวงแหวนปราณหายนะเศียรมังกรที่ตนเองระงับไปเรียบร้อยแล้ว ถึงถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่ควบคุมวงแหวนปราณกลับกลายเป็นชายหนุ่มที่ยืนจังก้าถือมีดทำครัวอยู่ตรงหน้า ถึงเจ้ามู่เฉิงจะไม่อยากยอมรับ แต่มีดทำครัวที่ปู้ฟางถืออยู่ก็น่าอัศจรรย์ใจจริงๆ

แม้มีดทำครัวเล่มใหญ่จะยังมีรูปร่างหน้าตาเหมือนมีดทำครัวทั่วไป แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นได้

 “เอาล่ะ… ไหนบอกข้ามาหน่อยว่าเจ้ายังอยากแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอยู่หรือไม่” ปู้ฟางถามพร้อมรอยยิ้ม

พลังปราณไหลวนอยู่ในเส้นปราณของเจ้ามู่เฉิงช้าๆ พลังกดดันของมังกรที่ทับร่างเขาอยู่จนทำให้หายใจลำบากนั้น กำลังค่อยๆ สลายหายไปอย่างเงียบเชียบ เจ้ามู่เฉิงหรี่ตามองปู้ฟาง

ด้วยความที่เขาเป็นผู้ฝึกตนของสำนักพุทธจากเกาะมหายาน เจ้ามู่เฉิงรู้มูลค่าของผลตื่นรู้สามสายเป็นอย่างดี มันเป็นผลไม้พลังปราณที่สามารถช่วยให้ผู้ฝึกตนระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการบรรลุเป็นขั้นนักพรตยุทธการได้

เขาไม่ยอมเสียผลไม้นี้ไปง่ายๆ แน่นอน

เจ้ามู่เฉิงถือผลไม้ตื่นรู้สามสายเอาไว้ ผลไม้หมุนวนช้าๆ อยู่ในมือของเขาด้วยกระแสพลังปราณเข้มข้น มันส่งกลิ่นเข้มหอมของผลไม้ออกมา

 “เจ้าไม่ใช่คนในราชวงศ์ ถึงจะรู้วิธีปลุกพลังวงแหวนปราณแล้วอย่างไรเล่า เจ้าไม่รู้วิธีควบคุมมันแน่นอน ถึงอย่างไรเจ้าก็หยุดข้าไม่ได้” เจ้ามู่เฉิงพูดพร้อมรอยยิ้มเยาะ เขาแตะปลายเท้าไปที่พื้น จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปในอากาศเพื่อพุ่งตัวออกจากอาณาเขตของวงแหวนปราณ

เซียวเหมิงมุ่นคิ้ว เขาตั้งใจจะยื่นมือเข้าไปแทรก เนื่องจากไม่สามารถปล่อยให้เจ้ามู่เฉิงหนีไปพร้อมสมบัติทั้งสามชิ้นได้ มิเช่นนั้นแล้วจักรวรรดิวายุแผ่วจะรักษาเกียรติภูมิของตนเอาไว้ได้อย่างไรกัน

แต่ตอนที่เซียวเหมิงกำลังจะสกัดเจ้ามู่เฉิงเอาไว้ หางตาของเขาก็พลันเห็นรอยยิ้มของปู้ฟาง

 “สีหน้านี้…” เซียวเหมิงคิดพร้อมเลิกคิ้ว พลังปราณในกายสงบลงอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเถ้าแก่ปู้จะไม่ยอมให้เจ้ามู่เฉิงหนีไปง่ายๆ เช่นนี้แน่นอน

 “ใครบอกว่าข้าควบคุมวงแหวนปราณไม่ได้” ปู้ฟางถามพร้อมโบกสะบัดมีดทำครัวกระดูกมังกรทองที่ดูเหมือนทำมาจากทองทั้งเล่ม แล้วชี้ปลายมีดไปที่เจ้ามู่เฉิง

เขาส่งจิตเข้าไปในมีด พลันเสียงมังกรคำรามก็ดังขึ้น จากนั้นวงแหวนปราณทั้งวงก็สว่างไสวเหมือนตื่นขึ้นจากนิทราในบัดดล

ร่างมายาของมังกรเทพลดกรงเล็บไปที่เจ้ามู่เฉิงซึ่งกำลังเดินอยู่กลางอากาศ

 “ฮึ!”

เจ้ามู่เฉิงพ่นลมเยาะ พร้อมปล่อยพลังปราณขั้นนักพรตยุทธการออกมาเต็มพิกัด เขาพนมมือก่อนเริ่มสวดบทสวดเพื่อร่ายมนต์ ร่างมายาของพระพุทธองค์ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง

นี่คือวิชาลับแห่งเกาะมหายาน ดัชนีอรหันต์

ร่างมายาของพระพุทธองค์ชี้นิ้วไปที่กรงเล็บมังกร อากาศเดือดปุดขณะการโจมตีทั้งสองพุ่งเข้าประสานกัน จากนั้น… ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอีก

ทุกคนมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ขณะดัชนีอรหันต์ของเจ้ามู่เฉิงถูกกรงเล็บมังกรบดขยี้จนแหลกสลาย จากนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเหมือนลูกโป่งที่ถูกจิ้มจนแตก

เจ้ามู่เฉิงกระอักเลือดออกมายกใหญ่ ร่างปลิวร่วงลงกับพื้นเหมือนใบไม้แห้งเหี่ยว

มังกรเทพมายาเก็บผลไม้ตื่นรู้สามสายได้กลางอากาศ จากนั้นก็ส่งให้ปู้ฟาง

เมื่อรับผลไม้จากปากของมังกรเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกหน้ามืดขึ้นมา พลังปราณในกายของเขาแทบจะหมดสิ้น แสงจากมีดทำครัวกระดูกมังกรทองเองก็มืดลงด้วยเช่นกัน จากนั้นมีดทำครัวก็เปลี่ยนกลับเป็นสีดำสนิทอีกครั้ง

การควบคุมอภิมหาวงแหวนปราณหายนะเศียรมังกรนั้นใช้พลังงานเป็นอันมาก ด้วยความที่ตัวเขามีระดับพลังปราณเพียงระดับสี่ขั้นจิตยุทธการ จึงทำได้เพียงควบคุมร่างมังกรเทพให้โจมตีได้หนึ่งครั้งเท่านั้น ปู้ฟางเองก็รู้สึกโล่งใจและดีใจอยู่ภายในเช่นกัน ที่ตนเองโชคดีพอเมื่อเจ้ามู่เฉิงเลือกโจมตีมาตรงๆ

หากเจ้ามู่เฉิงเลือกที่จะหลบแล้วละก็ อีกฝ่ายอาจรู้ในอึดใจถัดมาว่าปู้ฟางเพียงแต่เล่นละครตบตาเท่านั้น

 “แต่… ใครสนกัน! ถึงอย่างไรข้าก็ได้ผลตื่นรู้สามสายมาครอบครองจนได้ ในที่สุดข้าก็มีวัตถุดิบหลักในการหมักสุราเสียที” ปู้ฟางคิด ชายหนุ่มคิดชื่อสุราชนิดใหม่นี้ออกแล้วด้วย เขาจะเรียกมันว่า “สุราตื่นรู้สามสาย”

 “หือ” ชายหนุ่มคิดอยู่สักพักราวกับรู้สึกว่ามีอะไรไม่เข้าที่เข้าทาง “ช่างเถิด ใช้ชื่อนี้ไปก่อนแล้วกัน”

อั่ก…

เจ้ามู่เฉิงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นก็โซเซลุกขึ้นยืน ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีด ลมหายใจติดขัดไม่สม่ำเสมอ เขาพ่ายแพ้ให้กับผู้ฝึกตนระดับสี่ขั้นจิตยุทธการที่ยั่วยุเขาด้วยมีดทำครัว…

เจ้ามู่เฉิงรู้สึกตกใจ เสียใจ และเริ่มสงสัยในตัวตนของตัวเองขึ้นมาทันที

แต่ด้วยความที่มาจากสำนักพุทธ จิตใจของเขาจึงสงบลงในเวลาไม่นาน เมื่อเจ้ามู่เฉิงเห็นสีหน้าที่อ่อนแรงลงของปู้ฟาง เขาก็เข้าใจทันที… “หมอนี่ใช้การโจมตีจากวงแหวนปราณได้เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นพลังปราณของมันจะหมดลง และอ่อนแอมาก”

 “แม้แต่จักรพรรดิองค์ก่อนยังต้องสะสมสมบัติเอาไว้มากมาย ทั้งยังต้องใช้พลังปราณจากหัวหน้าขันทีเพื่อให้ตนเองควบคุมอภิมหาวงแหวนปราณหายนะเศียรมังกรได้ แล้วไอ้ผู้ฝึกตนระดับสี่ขั้นจิตยุทธการไร้น้ำยานี่มันมีพลังขนาดนี้ได้อย่างไร”

 “เยี่ยม… เยี่ยมมาก! เจ้าคือเถ้าแก่ปู้ใช่หรือไม่ ข้า เจ้ามู่เฉิง ได้ประทับเจ้าเอาไว้ในความทรงจำของข้าแล้ว!”

เจ้ามู่เฉิงบังคับตนเองให้ยืนนิ่ง สายตาจ้องไปที่ปู้ฟางไม่ลดละ จากนั้นเขาก็ยิ้ม ก่อนหันหลังกลับแล้วส่งพลังปราณให้หมุนวนรอบกาย เขาตั้งใจจะหนี

อยู่ต่อไปก็รังแต่จะเจอปัญหามากกว่านี้ หากเขาไม่ไปตั้งแต่ตอนนี้ ก็คงไม่มีโอกาสได้จากไปอีกแล้ว

 “เจ้ามู่เฉิง ไอ้โจรเฒ่าเจ้าเล่ห์! คิดจะหนีไปไหนกัน!” เซียวเหมิงจ้องเจ้ามู่เฉิงตาแทบไหม้ พลังปราณของผู้ฝึกตนระดับเจ็ดพลันระเบิดออกมา เขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง แล้วกระโจนพุ่งเข้าใส่เจ้ามู่เฉิงทันที

แต่ตอนที่เซียงเหมิงกำลังจะกระโจนออกจากพื้น เจ้ามู่เฉิงก็หันมาโยนศิลาสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึกใส่ ศิลานั้นบิดเบี้ยวอยู่ในอากาศ และดูเหมือนจะมีมนตราบางอย่างที่ทำให้เซียวเหมิงต้องหันมอง

ตูม!

พลังปราณเข้มข้นจำนวนมากระเบิดออกจากศิลาก้อนนั้น พร้อมด้วยเสียงร้องโหยหวนที่ลอยมาเข้าหู

สีหน้าของแม่ทัพใหญ่เปลี่ยนไปทันที เขารีบใช้พลังปราณสะกดพลังในศิลาสีดำเอาไว้ หากวิญญาณแค้นหนีออกมาจากลูกโลกวิญญาณล่วงลับได้ นครหลวงคงถึงกาลปาวสานแน่

เจ้ามู่เฉิงใช้โอกาสนี้หนีไปได้ในที่สุด

 “เอาไว้พบกันใหม่… เถ้าแก่ปู้ ครั้งหน้าข้าจะต้องไปที่ร้านเจ้าให้ได้!” เสียงของเจ้ามู่เฉิงลอยมาแต่ไกล จากนั้นร่างของเขาก็หายลับไปจากสายตา

เมื่อเจ้ามู่เฉิงจากไปแล้ว เสียงชุดเกราะดังกระทบกันก็ลอยมาจากด้านนอกประตูมายาสวรรค์ ชายหนวดดกที่ทั้งตัวพันผ้าพันแผลรุ่งริ่งเดินกระเผลกเข้ามาภายใน บนตัวสวมชุดเกราะเพียงครึ่งเดียว

 “องค์ชาย ข้าพาพี่น้องเรามาให้กำลังใจท่านขอรับ!”

ชายหนวดดกตะโกนเสียงอู้อี้ สภาพของเขาดูน่าขันมากเสียจนจีเฉิงเสวี่ยไม่รู้ว่าจะต้องหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าชายหนวดดกยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ถอนใจอยู่ภายในด้วยความโล่งอก

ปู้ฟางที่ยืนอยู่ไกลออกไปเก็บมีดทำครัวกลับที่ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาจีเฉิงเสวี่ยช้าๆ พร้อมด้วยผลไม้ในมือ

………………………..