เล่มที่ 5 บทที่ 141 ข้ามอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามีให้แก่เจ้า

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ

“ข้ารีบนี่นา ได้ เจ้ามานั่งลงก่อน จากนั้นค่อย ๆ เล่าให้ข้าฟังว่าตกลงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ”

    หลินเมิ้งหยาฉีกยิ้มจนเผยให้เห็นฟันสีขาวเรียงตัวสวย ก่อนจะส่งแก้วชาให้ชิงหู

    “เจ้าเด็กน้อย เหตุใดเจ้าจึงไม่ประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่าฝูหรงโหลวเป็นของข้ากันเล่า? ”

    ชิงหูนั่งลง ท่าทางตื่นเต้น จิบชาเล็กน้อย

    “กลิ่นของชามี่หลัวเหมือนกันกับฮวากู นอกจากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถหามันได้หรอก”

    เขาส่ายหน้า ชิงหูฉีกยิ้มกว้าง เสมือนจิ้งจอกได้กินเนื้อไก่

    “ทั้งที่บอกว่าข้าเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แต่ข้าว่าเจ้าต่างหากที่เป็นเช่นนั้น แพ้ให้แก่เจ้าเพียงคนเดียว”

    คุณชายตู้ที่กลายเป็นขยะไปแล้วถูกพวกลูกน้องในร้านฝูหรงโหลวซ้อมจนพ่ายแพ่

    ตอนนี้กำลังนั่งโอดครวญอยู่ที่ชั้นล่าง

    คาดว่าลูกค้าคนอื่นคงเห็นบ่อยจนชินแล้ว

    เมื่อได้ไตร่ตรองดูอีกรอบ ร้านของชิงหูจะต้องไม่มีพวกนักเลงหัวไม้มาสร้างความวุ่นวายอย่างแน่นอน

    “เจ้าจะจัดการพวกนั้นอย่างไร?”

    หากชิงหูอยู่ ไม่มีใครสามารถแตะต้องหลินเมิ้งหยาได้

    นางหยักยิ้มอย่างผ่อนคลาย หลินเมิ้งหยามิได้รู้สึกอารมณ์ดีเช่นนี้มานานแล้ว

    “ฆ่า เลาะเนื้อออกมาทำไส้ซาลาเปา”

    ชายหนุ่มหยักยิ้มมีเลศนัย ชิงหูพยายามแสดงท่าทางเสมือนฆาตกรโรคจิต

    เมื่อสีหน้าเจ้าเล่ห์ประดับอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์หล่อเหลา ท่าทางของเขาจึงเหมือนคนโรคจิตอย่างมาก

    แม้แต่สาวใช้ทั้งสี่ยังอดไม่ได้ที่จะลูบแขนของตนเองแล้วขยับเท้าถอยหลัง

    นางถลึงตาใส่เขาหนึ่งที เจ้าจิ้งจอกบ้า พอกลับมาก็หาเรื่องทันที

    “เพียะ” หญิงสาวตบกะโหลกเขาหนึ่งครั้ง ชิงหูจึงเลิกแสดงท่าทางโรคจิต

    “เอาเถิด รีบบอกข้ามาได้แล้วว่าเจ้าเจออะไรบ้าง มิเช่นนั้นข้าจะตัดลิ้นเจ้ามาดองเหล้ากิน”

    ชิงหูเบะปาก แสร้งทำท่าทีประหนึ่งสาวน้อยถูกรังแก

    หากเอ่ยว่าเขาโรคจิต เช่นนั้นหลินเมิ้งหยาก็มิต่างอะไรจากโจรเถื่อน

    เฮ้อ โชคร้ายจริง ๆ

    “เป็นไปตามที่เจ้าคาด คนที่ตายไปคือคุณหนูใหญ่สกุลเยว่ที่เป็นมารดาแท้ ๆ ของเยว่ถิง ซ้ำข้ายังได้มาอีกข่าวหนึ่งที่อาจเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

    สกุลซูของแม่แท้ ๆ เยว่ถิง แม้จะอุดมสมบูรณ์ แต่กำลังเผชิญหน้ากับความเสื่อมโทรม

    ยากมากกว่าจะได้ใต้เท้าเยว่มาเป็นลูกเขย ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางปล่อยไปง่าย ๆ

    คุณหนูใหญ่ประจำสกุลซูคือซูเหม่ยอี้มีความรักอันลึกซึ้งกับใต้เท้าเยว่ แต่น่าเสียดายที่เจ็บป่วยสาหัส

    “ฉะนั้น คุณหนูรองสกุลซูจึงสวมรอยเป็นพี่สาวจนกลายมาเป็นฮูหยินเยว่อย่างนั้นหรือ?”

    หลินเมิ้งหยาวิเคราะห์ แต่ยังมีอีกเรื่องที่นางยังไม่เข้าใจ

    มิใช่ว่าน้องสาวฝาแฝดของฮูหยินเยว่ตัวจริงยังมิออกเรือนหรอกหรือ? เหตุใดจึง….

    “น้องสาวนามว่าซูเหม่ยหยุน เหตุผลที่ยังมิออกเรือนก็เพราะประพฤติตัวไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงถูกถอนหมั้น ข้ายังได้ยินความลับจากสกุลซูมาอีกว่าซูเหม่ยหยุนแอบมีความสัมพันธ์กับทาสในเรือน อีกทั้งยังคลอดลูกสาวออกมาหนึ่งคน แต่มิรู้ว่าลูกสาวคนนั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไร”

    ชิงหูเล่าทุกอย่างที่ได้ยินให้หลินเมิ้งหยาฟัง สำหรับตระกูลของชนชั้นสูง เรื่องนี้เปรียบเสมือนเรื่องเน่าเฟะของวงศ์ตระกูล

    ทว่า หลินเมิ้งหยายังคงสงสัย

    หากเอ่ยว่าสกุลซูกลัวจะเสียลูกเขยมังกรอย่างใต้เท้าเยว่ไป จึงส่งลูกสาวคนเล็กมาสวมรอยแทน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไปหน่อย

    เหตุเพราะถึงแม้ฮูหยินเยว่จะตายไปแล้ว แต่สกุลซูก็ยังสามารถส่งลูกสาวคนเล็กเพื่อแต่งงานเข้ามาคอยรับใช้ใต้เท้าเยว่ได้

    เรื่องแบบนี้ก็มีให้เห็นอยู่ร่ำไป

    ส่วนเรื่องที่น่าตกตะลึงก็คือคุณหนูรองผู้สูงสง่าแห่งสกุลเยว่กลับมีความสัมพันธ์ลับกับทาสรับใช้

    เหตุใดสองพี่น้องจึงต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้?

    “เจ้าเด็กน้อย กำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ? ”

    โบกไม้โบกมือด้านหน้าหลินเมิ้งหยา มองดูหญิงสาวที่ดึงสติกลับมาได้หลังจากเหม่อลอยไปพักใหญ่ ชิงหูหัวเราะ ก่อนจะฉีกขนมฝูหรงเกายัดเข้าปากหลินเมิ้งหยา

    “อำอะไอเอี่ย…”

    ส่งเสียงอู้อี้ หลินเมิ้งหยาเพิ่งพบว่าปากของตนเองเต็มไปด้วยขนมฝูหรงเกา

    นางใช้ฟันเคี้ยวอาหารแล้วกลืนลงไป เพิ่งรู้ว่าขนมเค้กชิ้นนี้หอมอร่อยเหลือเกิน

    “ข้ากำลังคิดอะไรอย่างนั้นหรือ ข้าคิดว่าเรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างที่พวกเรายังไม่รู้ แต่เพราะเวลาผ่านไปนานแล้ว ฉะนั้นคนที่รู้เรื่องก็เห็นจะมีแต่เจ้าตัวเพียงเท่านั้น”

    สมองของหลินเมิ้งหยาประมวลผลอย่างรวดเร็ว นางอยากรู้ว่าเรื่องเหล่านั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร

    ชิงหูแอบยิ้ม ก่อนจะป้อนขนมเปี๊ยะอบกรอบเข้าปากนาง

    เวลาเจ้าเด็กน้อยใช้ความคิดช่างน่าสนุกยิ่งนัก

    ไม่ว่าจะป้อนอะไร นางก็กินเข้าไปจนหมดอย่างว่าง่าย

    ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเพียงไม่กี่วัน แต่เจ้าเด็กน้อยกลับผอมลงมาก ตอนนี้เริ่มไม่น่ารักแล้ว

    “ใช่แล้ว เรื่องนี้ผ่านไปนานมากแล้ว คนที่เกี่ยวข้องก็ล้มหายตายจากไป แต่หลังจากที่ข้าตรวจสอบศพดูจึงได้รู้ว่าซูเหม่ยอี้อาจจะไม่ได้ตายเพราะอาการป่วย แต่ถูกวางยาตาย”

    หากต้องการตรวจสอบให้มั่นใจว่าใช่ซูเหม่ยอี้หรือไม่ เขาจะต้องเปิดฝาโลงออกดู

    ชิงหูอาศัยอยู่ในเจียงหูมาอย่างเนิ่นนาน เขาที่ได้เห็นซากศพมากมายจึงดูสภาพการณ์ออก

    “วางยา? หากป่วยหนักและกินยามากเกินไป ศพก็อาจจะกลายสภาพเสมือนคนที่ถูกวางยาพิษ”

    เมื่อพูดถึงเรื่องยา หลินเมิ้งหยาเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ

    ชิงหูพยักหน้าลง มือขวาชันแก้ม สมองกำลังคิดหาวิธีขุนหลินเมิ้งหยาให้อ้วนขึ้น

    “เพราะฉะนั้นข้าถึงบอกว่าอาจจะอย่างไรเล่า ยิ่งไปกว่านั้นศพถูกฝังนานมากแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้คงพิสูจน์อะไรไม่ได้”

    ในสมัยปัจจุบัน การชันสูตรศพถือเป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง

    แต่ในสมัยโบราณกลับเป็นเรื่องแปลกประหลาด

    ทันทีที่สาวใช้ทั้งสี่ได้ยินชิงหูเอ่ยว่าได้เปิดฝาโลงศพออก ขนบนร่างของพวกนางก็ลุกชัน

    เหตุใดนายหญิงจึงมีท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นนั้นเล่า?

    ทั้งสองคนแปลกประหลาดมากเหลือเกิน

    “หากข่าวที่ว่าศพของคุณหนูรองแห่งสกุลซูถูกขโมยออกจากสุสานไปแพร่กระจายออกมา เจ้าคิดว่าฮูหยินเยว่จะเผยคำใบ้อะไรออกมาหรือไม่?”

    นางยกถ้วยชา มุมปากของหลินเมิ้งหยาหยักยิ้มมีเลศนัยน์

    ชิงหูรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที ดวงตาเปล่งประกายจ้องมองทางหลินเมิ้งหยา

    “เจ้าเด็กน้อย นี่เจ้าคิดจะวางแผนไปกลั่นแกล้งคนอื่นอีกแล้วอย่างนั้นหรือ? ”

    เขาชอบท่าทางชั่วร้ายของหลินเมิ้งหยาในขณะนี้เหลือเกิน ท่าทางหื่นกระหายของนาง เสมือนคนที่คิดหาวิธีแก้แค้นผู้อื่นอยู่

    “ไม่นานเจ้าก็จะรู้”

    ทั้งสองสบตากัน ดวงตาเปล่งประกาย

    ทุกครั้งที่แสดงท่าทางเช่นนี้ จะต้องมีคนซวย

    หัวใจของหลินเมิ้งหยามีลางสังหรณ์บางอย่าง

    คิดวนไปวนมา แต่ยังคิดไม่ออก

    ทุกคนล้วนพูดว่าคุณหนูใหญ่สกุลซูเป็นเพื่อนรักของฮองเฮา

    แต่ตอนนี้คนที่อยู่ใกล้กับฮองเฮาคนนั้นกลับเป็นคุณหนูรองสกุลซู

    หรือฮองเฮาที่ฉลาดหลักแหลมจะมองเรื่องนี้ไม่ออก?

    เรื่องนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก

    หากนางสมรู้ร่วมคิดกับฮองเฮาจริง ๆ แล้วล่ะก็ แม้แต่เรื่องที่พี่เยว่ถิงถูกข่มขืนก็จะถูกคลี่คลาย

    ส่วนพี่ชาย เฮ้อ นางยังไม่รู้จะบอกเขาอย่างไรดี

    ปวดหัวจังเลย หากพี่ชายรู้ความจริง เขาจะต้องเอาเรื่องจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน

    “เมื่อครู่เจ้ายังยิ้มเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่เลย เหตุใดจึงทำหน้าตาเหมือนคนกำลังทรมานเช่นนั้นเล่า?”

    ดวงตาคู่งามมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด เขาไม่อยากให้หญิงสาวตรงหน้าเสียใจแม้แต่นิดเดียว

    “ข้ากำลังคิดว่าจะพูดกับท่านพี่เรื่องนี้อย่างไรดี ได้ยินท่านลุงเยว่บอกว่าอีกหนึ่งเดือนพี่ชายก็จะกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว หากท่านพี่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่เยว่ถิงแล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรลงไปบ้าง”

    เรื่องนี้ถูกเล่าขานไปทั่วทั้งเมืองหลวง

    หากมิใช่เพราะนางกำชับทุกคนในจวนเอาไว้ว่าห้ามมิให้เข้าไปรบกวนพี่เยว่ถิงแล้วล่ะก็

    เกรงว่าป่านนี้พี่เยว่ถิงคงฆ่าตัวตายไปนานแล้ว

    “แต่ข้าได้ยินมาว่าพี่ชายของเจ้าออกรบมานานหลายปีแล้ว อุปนิสัยสุขุมรอบคอบ เจ้ายังสงบนิ่งเทียบเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องไม่ทำเรื่องที่ไม่ดีอย่างแน่นอน”

    การตายของหูลู่หนานเสมือนการแก้แค้นให้กับพี่เยว่ถิง

    แต่หลินเมิ้งหยารู้ดี เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับไท่จื่อ ฮองเฮาและฮูหยินเยว่อย่างแน่นอน

    คนกลุ่มนี้มักจะวางแผนทำร้ายนาง ทำร้ายหลงเทียนอวี้ ซ้ำยังทำร้ายพี่เยว่ถิง

    ดังนั้น นางจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไป

    นางจะทำให้พวกเขาต้องชดใช้

    “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น จริงสิ เจ้าเป็นคนออกแบบร้านฝูหรงโหลวเองอย่างนั้นหรือ?”

    คิดไม่ถึงเลยว่าชิงหูจะมีความสามารถเช่นนี้ นางคงประเมินเขาต่ำไปสินะ

    คนที่ถูกชมรีบยืดอกชูคอ

    หางของเขาแทบจะชี้ขึ้นฟ้า แสดงท่าทางประหนึ่งต้องการให้นางรีบชมเขาอีก

    “แน่นอน มั่วหราน ชิงหลี รีบมาคำนับเจ้านายคนใหม่ของพวกเจ้า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าเด็กน้อยคนนี้คือเจ้านายคนใหม่แห่งฝูหรงโหลว!”

    ชิงหูสนใจเป็นอย่างมาก เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยค ก่อนจะยกร้านฝูหรงโหลวให้กับนาง

    ยังไม่ทันจะสิ้นเสียง หนึ่งชายหนึ่งหญิงเดินเข้ามาในห้อง

    แม้ฝ่ายชายจะหน้าตาธรรมดา แต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่และสุขุม ส่วนหญิงสาวงดงามโดดเด่น ใบหน้าท่าทางฉลาดเฉลียว

    “มั่วหราน ชิงหลี คำนับนายหญิง”

    ทั้งสองส่งเสียงพร้อมกัน ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมิได้ตอบรับในทันที

    เห็นได้อย่างชัดเจนว่าชิงหูเป็นผู้ออกแบบตกแต่งร้านฝูหรงโหลวแห่งนี้

    ทว่า พริบตาเดียวร้านนี้กลับตกเป็นของนาง

    ไม่เร็วไปหน่อยหรือ

    “เอ๋? มอบให้ข้า? เจ้าป่วยหรือเปล่า? ”

    หลินเมิ้งหยาหันหน้าหาชิงหู ยกมือขึ้นทาบหน้าผากเขา มืออีกข้างทาบหน้าผากตนเอง

    เหมือนจะไม่ได้มีไข้นี่นา

    มือเล็กเปลี่ยนเป็นตบหน้าเขาแทน เสียงเพียะเบาๆ ดังขึ้น

    ทันใดนั้น ร่องรอยของความตื่นตระหนกวาดขึ้นบนดวงตาของมั่วหรานและชิงหลี

    สวรรค์ทรงโปรด ผู้หญิงคนนี้ไม่ถูกนายท่านฆ่า ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

    “เจ้าเด็กน้อย แตะอั๋งข้าอีกแล้วนะ”

    แม้จะพูดเช่นนี้ แต่ชิงหูกลับปล่อยให้หลินเมิ้งหยา “ทำลาย” ใบหน้าอันหล่อเหลาของตนเองอย่างอิสระ

    ราวกับเพิ่งสังเกตเห็นสายตาของลูกน้อง สายตาของพวกเขาแพรวพราวจนเกินไป

    ชิงหูกรอกตาไปทางทั้งสอง ชำเลืองมองด้วยสายตาเย็นชา

    “เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าออกไปก่อน”

    ทั้งสองรีบคำนับแล้วกลับออกไป หลินเมิ้งหยาหัวเราะคิกคักแล้วดึงมือกลับ

    “ข้าไม่อยากได้ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของเจ้า ถ้าข้าเอาไป ตอนตายเจ้าจะไม่มีเงินจัดงานศพนะ”