ตอนที่ 141 หยางเฟย ‘ฉินหร่านอยู่ไหม’

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

“เทพพระอาทิตย์ นายยังเป็นประเด็นไม่พออีกเหรอ” โค้ชก้มหน้า หลังอ่านโพสต์ของหยางเฟยเสร็จ ก็โยนมือถือที่สั่นไม่หยุดไปอีกทาง

 

 

เขาลืมไปได้อย่างไรว่า คนตรงหน้าคนนี้ เป็นคนโฉดที่ชุบชีวิตอี้จี้หมิงโดยทุ่มเดิมพันทั้งหมด ขณะที่ทั้งทีมเหลือเขาเพียงคนเดียว

 

 

หยางเฟยพูดเสียงเรียบว่า “อืม”

 

 

โค้ชไม่ได้พูดอะไรอีก คิดๆ ดูแล้ว เขาก็หยิบมือถือขึ้นมา กดเข้าหน้าหลักของเวยป๋อ กดติดตามบัญชีของฉินหร่านตามบัญชีของหยางเฟย

 

 

ถ้าเป็นครั้งแรกที่เจอฉินหร่าน เขาไม่ค่อยแน่ใจมากนัก แต่ตอนนี้เขามั่นใจอย่างสิ้นเชิงแล้วว่าคนคนนั้นเป็นใคร

 

 

แม้หยางเฟยทำแบบนี้จะบุ่มบ่ามไปบ้าง แต่หากต้องการทำเพื่อคนคนนั้นก็สามารถเข้าใจได้

 

 

“ไปซ้อมกันเถอะ” โค้ชตบไหล่หยางเฟย ให้เขารีบไป “ไม่ต้องเอามือถือไปด้วยแล้ว”

 

 

หยางเฟยจัดแขนเสื้อ ยังอยากจะอวดฉินหร่านอีกสักหน่อย

 

 

ไม่คิดว่าตัวเองทำเรื่องใหญ่โตอะไรเลยสักนิด ไปฝึกซ้อมอย่างสบายใจเฉิบแล้ว

 

 

โค้ชมองแผ่นหลังของเขา ยังไม่ทันได้ถอนหายใจ มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

 

 

คนที่โทร.หาเขาถ้าไม่ใช่เกมเมอร์มืออาชีพฝีมือของทีมอื่น ก็เป็นโค้ชของทีมอื่น

 

 

โค้ชตอบเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า ไม่ใช่ นั่นเป็นเพื่อนของหยางเฟย

 

 

มีคนเชื่อแค่ไม่กี่คน

 

 

หลังรับสายพวกนี้เสร็จแล้ว โค้ชก็ถอนหายใจ ถึงว่ามีคนใช้คำว่า ‘ดาราเกมเมอร์’ มานิยามหยางเฟย ความนิยมนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ

 

 

เขาเองก็ไม่อยู่เฉย ตรงไปจัดการปัญหาที่จะตามมาที่ห้องทำงานทันที

 

 

 

 

โรงเรียนอีจง ห้องเก้า

 

 

หลินซือหรานที่กำลังทำควิซวิชาฟิสิกส์อยู่ หันมามองฉินหร่านอยู่บ่อยๆ

 

 

ฉินหร่านนั่งไขว่ห้างอยู่ที่เก้าอี้ อ่านหนังสือนิยายต่างประเทศเล่มหนึ่งอย่างสบายๆ ไม่เงยหน้าด้วยซ้ำ “มีอะไร ว่ามา”

 

 

“หรานหร่าน ปากกาหมึกซึมแท่งนั้นใครเป็นคนให้เหรอ” หลินซือหรานวางปากกาลงพูดเสียงบางเบา

 

 

“ก็คนที่ห้องพยาบาล” ฉินหร่านตอบแล้วหันหน้ามาถามว่า “ทำไมเหรอ”

 

 

“อ๋อ ไม่มีอะไร” หลินซือหรานช้อนตาขึ้น เห็นเซี่ยเฟยที่กำลังเขียนหนังสือทางซ้ายมือด้านหน้าซึ่งดูไม่ค่อยตั้งใจมากนักก็ทำท่าครุ่นคิดเช่นกัน

 

 

สองคนนี้ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้เจอปากกาที่มีราคาแพงขนาดนี้

 

 

ทำจากทองคำเหรอ

 

 

หลินซือหรานคิดว่าหากอยู่ในมือเธอ เธอคงทำใจแตะต้องไม่ได้ กลัวว่าจะกร่อน

 

 

มือถือของฉินหร่านดังขึ้น มีคนกำลังโทร.หาเธอ

 

 

ไม่ได้บันทึกชื่อ แต่เธอรู้จัก จึงไม่รับ

 

 

มือถือดังขึ้นอีกครั้ง

 

 

ฉินหร่านจึงหยิบหูฟังกับมือถือ ก้มหน้าออกจากห้อง ตรงไปทางห้องน้ำ

 

 

เธอมองหาห้องที่ไม่มีคนอยู่ นั่งลงบนฝาชักโครกอย่างไม่ลังเล

 

 

“มีอะไร” เธอใส่หูฟัง กดเสียงให้เบาแล้วเอ่ยปาก

 

 

อีกด้านหนึ่งหยางเฟยที่ถือมือถือของอี้จี้หมิงชะงักเล็กน้อย

 

 

ตอนที่โพสต์เวยป๋อเมื่อครู่สะใจมากทีเดียว ตอนนี้พอคุยกับฉินหร่าน กลับกระวนกระวายขึ้นมา

 

 

“เทพฉิน มีเรื่องอยากบอก” หยางเฟยลูบจมูก “ฉันเมนชั่นถึงเวยป๋อของเธอ”

 

 

ฉินหร่านหรี่ตาลง ง่วงงุนเล็กน้อย ตอบแค่อืมไม่มีปฏิกิริยามากนัก

 

 

หยางเฟยยิ้ม ใบหน้าคมคายราวกับส่องแสงเป็นประกาย พูดอย่างไม่กลัวตายว่า “ฉันบอกชาวเน็ตว่าเธอเป็นสมาชิกทีมที่ฉันอยากแข่งด้วย”

 

 

ไม่ละอายใจ คิดว่าเป็นความน่าภูมิใจด้วยซ้ำ

 

 

ฉินหร่าน “…”

 

 

เคยตายไหม

 

 

เธอกดตัดสายอย่างเลือดเย็น และถอนการติดตั้งเวยป๋ออีกด้วย

 

 

จากนั้นก็เปิดมือถือ ล็อกบัญชีของเธอกับหลินซือหรานเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีเกรียนคีย์บอร์ดคนไหนสาวมาถึงเธอ

 

 

ทางด้านหยางเฟยยื่นมือถือให้อี้จี้หมิง เขาลูบจมูกตัวเองอีกครั้ง “โมโหซะแล้ว ตอนบ่ายหลังเทรนเสร็จช่วยลากับโค้ชให้ฉันหน่อย”

 

 

อี้จี้หมิงตัดผมทรงสกินเฮด พอรู้ว่าหยางเฟยจะไปไหน ตาเขาก็ลุกวาว “นายพาฉันไป…”

 

 

“ไม่ได้” หยางเฟยไม่รอให้เขาพูดจบก็ปฏิเสธเสียงสุภาพทันที

 

 

 

 

ห้องเก้า

 

 

มือถือในลิ้นชักใต้โต๊ะของหลินซือหรานสั่นตลอดเวลา สั่นไม่หยุด

 

 

ผู้ชายข้างหน้าทนไม่ไหวแล้ว เขาเหลียวหลังมา เคาะโต๊ะของหลินซือหราน มองเธออย่างจริงจัง “เธอช่วยดูโทรศัพท์ของตัวเองสักทีเถอะ เธอไม่กลัวมันสั่นจนระเบิดหรือไง”

 

 

หลินซือหรานเหลือบมองเขา จากนั้นก็ล้วงมือถือของตัวเองออกจากลิ้นชักใต้โต๊ะ

 

 

พบว่าเป็นแจ้งเตือนผู้ติดตามเพิ่มขึ้นของเวยป๋อ

 

 

เธอเป็นเวยป๋อส่วนตัว มีแค่เพื่อนกับเพื่อนร่วมห้องไม่กี่คนติดตามก็เท่านั้น จึงไม่มีคอมเมนต์อะไร จึงไม่ได้ปิดแจ้งเตือนของเวยป๋อ

 

 

คราวนี้พอเปิดก็ทำให้เธองงเป็นไก่ตาแตก

 

 

เวยป๋อของเธอมีข้อความทั้งหมด 999+ ฉบับ กับแจ้งเตือนกดไลค์ 999+ และผู้ติดตามใหม่เพิ่มมา 999+

 

 

หลินซือหรานคิดอยู่สามวินาทีถึงได้นึกออกว่าเธอต้องทำอะไร จากนั้นก็ออกจากเวยป๋อด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ผ่านไปไม่กี่วินาที ค่อยเปิดใหม่อีกครั้ง

 

 

เนื้อหาที่แสดงอยู่ด้านบนยังคนเป็น 999+ เหมือนเดิม

 

 

“เป็นอะไรไป” โต๊ะข้างหน้าเห็นหลินซินหรานเหมือนจะตะลึงงันไปแล้ว

 

 

หลินซือหรานไม่ตอบ แต่เริ่มเปิดดูข้อความกับคอมเมนต์

 

 

‘พี่สาวไม่ทราบว่า qr เป็นใคร (กินแตงโม)’

 

 

‘พี่สาวทำไมบิ๊กบอสถึงติดตามเธอแค่คนเดียวล่ะ’

 

 

‘พี่สาว…’

 

 

หลินซือกดเข้าไปดูเวยป๋อของฉินหร่านตามบางคอมเมนต์ พบว่าผู้ติดตามของเธอพุ่งสูงถึงสองแสนในพริบตา!

 

 

จากนั้นเธอก็กดเข้าไปในเวยป๋อของหยางเฟยโดยผ่านเวยป๋อของฉินหร่าน เธอมึนงงไปหมดแล้ว

 

 

หยางเฟยในฐานะของดาราเกมเมอร์ จำนวนผู้ติดตามเกินแปดหลักตั้งนานแล้ว แต่ในโพสต์ล่าสุดของเขามีคอมเมนต์ถึงสามแสนคอมเมนต์ และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

 

จากนั้นกดเข้าไปในคำค้นหายอดนิยมของเวยป๋อตามคอมเมนต์ข้างล่าง พบว่าตัวอักษร ‘qr’ สองตัวกลายเป็นอันดับหนึ่งของการค้นหาโดยอาศัยการค้นหาของทุกคน

 

 

ไม่ว่าจะเป็นการค้นหายอดนิยม หรือดาราเกมเมอร์อย่างหยางเฟยก็ตาม ในชีวิตประจำวันของนักเรียนอย่างหลินซือหรานไม่มีทางได้สัมผัสแน่นอน

 

 

โรงเรียนเหิงชวนอีจง มีนักเรียนอย่างเมิ่งซินหรานมาก็เป็นที่ฮือฮาแล้ว

 

 

หลินซือหรานรู้ว่าฉินหร่านนั้นไม่เหมือนกัน แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่า ฉินหร่านรู้จักกับหยางเฟยงั้นเหรอ

 

 

ท่าทางความสัมพันธ์จะไม่ธรรมดาด้วย

 

 

ฉินหร่านรู้จักคนพวกนี้ได้อย่างไร

 

 

ฉินหร่านเพิ่งกลับมาจากห้องน้ำ ทั้งที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ แต่ความอึมครึมรอบตัว ทำให้เสียงพูดคุยภายในห้องค่อยๆ เบาลง

 

 

หลินซือหรานหันมอง จ้องฉินหร่านอย่างไม่วางตา “เวยป๋อ…”

 

 

ฉินหร่านยัดหูฟังใส่หู น้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่รู้จักเขา ไม่รู้ว่าเขามีบัญชีของฉันได้ยังไง”

 

 

เธอพูดนิ่งๆ แทบจะไม่พบพิรุธอะไร

 

 

หากตั้งใจฟัง คล้ายว่าจะกัดฟันเล็กน้อย

 

 

หลินซือหรานเอียงหัว พยักหน้า ได้สติกลับมาสักที

 

 

แน่นอนว่าไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอ ไม่เพียงแค่สนิทกันหยางเฟยเป็นอย่างมาก แต่ยังเป็นผู้สร้างการ์ดเทพทั้งสามใบของเขาอีกด้วย

 

 

หลินซือหรานหยิบมือถือขึ้น มองอย่างว้าวุ่นใจอีกครั้ง

 

 

 

 

ความเคลื่อนไหวในเวยป๋อมีเยอะมาก

 

 

ไม่นับการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ของเมิ่งซินหราน แต่การเคลื่อนไหวของเรื่องที่เกี่ยวกับเกมเมอร์หญิงของ OST ในภายหลังมีเยอะเหลือเกิน

 

 

OST ออฟฟิเชียลจึงโพสต์เวยป๋อโดยตรง ยืนยันว่าทีม OST มีสมาชิกผู้หญิงตั้งแต่รุ่นที่หนึ่งแล้ว

 

 

ไม่ได้สร้างเรื่องราวที่มีสมาชิกผู้หญิงขึ้นมาเพราะใครบางคน

 

 

อีกนัยหนึ่ง หยางเฟยเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาเกมเมอร์ของเกมท่องยุทธภพอย่างไร้ข้อกังขา

 

 

ไม่ว่าจะเป็นการ์ดเทพสามใบของเขา หรือความสามารถส่วนตัวของเขา และเขาเป็นคนพาทีมภายในประเทศไปสู่การแข่งขันระดับนานาชาติ…

 

 

เขาเป็นจักรพรรดิไร้มงกุฎในประเทศมานานแล้ว

 

 

เมื่อคำว่า ‘เก่งกว่าผม’ โผล่มา จึงสะเทือนใจแฟนคลับของหยางเฟยก่อน

 

 

จากนั้นก็สะเทือนเกมเมอร์มืออาชีพของวงการอีสปอร์ต

 

 

มีคนขุดคลิปวิดีโอที่หยางเฟยเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าค่า APM ของเขาเป็นแค่ที่สอง ต่างพากันคาดเดาว่า ‘qr’ คนนี้จะใช่คนที่เป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า

 

 

พวกเขากดเข้าไปในบัญชี qr แต่ไม่เห็นอะไรเลย

 

 

เห็นได้ชัดว่าเป็นบัญชีส่วนตัว ติดตามแค่คนเดียว ผู้ติดตามมีแค่ไม่กี่คน แถมยังมีผู้ติดตามหลอกอีกเป็นครึ่ง

 

 

ไม่เจอเบาะแสอะไรเลยสักนิด

 

 

จากนั้นพวกเขาก็พบว่าอี้จี้หมิงกับโค้ชของทีม OST ต่างก็ติดตามบัญชีนี้

 

 

เมื่อข่าวนี้หลุดออกมา โค้ชหลายคนของทีมเกมเมอร์ระดับท็อปกับเกมเมอร์เก่าระดับเอซก็แอบติดตามบัญชีนี้ด้วยเช่นกัน

 

 

‘คนคนนี้ต้องเป็นบิ๊กบอสแน่!’

 

 

‘เพิ่งเคยเห็นเกมเมอร์เก่าระดับเอซรุ่นแรกที่อำลาวงการไปแล้วออกมาเป็นครั้งแรก อยากรู้จังเลยว่า qr เป็นใคร!’

 

 

‘สรุปคือ qr เก่งกว่าเทพพระอาทิตย์อีกเหรอ’

 

 

‘ขอแอบถามหน่อย…มีแฟนคลับรุ่นหนึ่งไหม คิดไหมว่าเธอคือเทพฉิน…’

 

 

เพราะแฟนคลับรุ่นหนึ่งมีน้อย คอมเมนต์นี้จึงจมหายไปในกองทัพคอมเมนต์

 

 

ไม่ถึงสิบนาที

 

 

ตัวอักษร ‘qr’ ขึ้นอันดับหนึ่งของการค้นหาภายใต้สถานการณ์ที่ฉินหร่านคาดไม่ถึงเลยสักนิด

 

 

คำว่า ‘APM สูงสุด’ ก็ติดอันดับหนึ่งเช่นกัน

 

 

ข่าวนี้ใหญ่โตเหลือเกิน ถึงขั้นว่าพอมีข่าวหลุดออกมา จุดสนใจของทุกคนก็พุ่งไปที่ ‘เก่งกว่าหยางเฟย’ อย่างบ้าคลั่ง

 

 

จนกระทั่งประเด็นสงบลงเล็กน้อย คนเหล่านี้ถึงได้นึกถึงปัญหาข้อหนึ่งขึ้นมาได้

 

 

ฉะนั้นคนที่หยางเฟยพูดถึงบนเวทีการแข่งขันวันนั้นน่าจะเป็นบัญชี qr ไม่ใช่เมิ่งซินหรานแต่อย่างใด!

 

 

สรุปแล้วการเคลื่อนไหวทั้งหลายแหล่ภายหลังมันเรื่องอะไรกัน

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เมิ่งซินหรานยังโพสต์เวยป๋อที่เมนชั่นถึงสมาชิกทุกคนในทีม OST ด้วย ไม่มีใครในทีม OST ตอบกลับ แถมหยางเฟยยังโพสต์เวยป๋อแบบนี้ด้วย

 

 

เว็บไซต์ออฟฟิเชียลของทีม OST โพสต์เวยป๋อชี้แจ้งในลำดับต่อมา

 

 

เมื่อเป็นแบบนี้ โพสต์ก่อนหน้านี้ของเมิ่งซินหรานจึงดูน่าตลกนิดหน่อย

 

 

ก่อนหน้านี้ผู้ติดตามของเมิ่งซินหรานเพิ่มขึ้นล้วนเป็นแฟนคลับของหยางเฟย ตอนนี้หยางเฟยโพสต์เวยป๋อ @เจ้าตัวกับมือ แฟนคลับของหยางเฟยกับผู้ชมทั่วไปบางส่วนจึงกดยกเลิกติดตามเมิ่งซินหรานภายในพริบตา

 

 

ใต้โพสต์เวยป๋อมีคนด่าเธอว่าอาศัยประเด็นร้อนดังสนุกหรือเปล่า

 

 

การกระทำแบบนี้ของเมิ่งซินหรานทำให้คนรู้สึกไม่พอใจ ราวกับเห็นชาวเน็ตทั้งหลายเป็นคนโง่

 

 

เพราะสาเหตุนี้ แอนตี้แฟนของเมิ่งซินหรานจึงพุ่งพรวดพราด

 

 

บัญชีสื่อที่ขยี้ประเด็นร้อนก่อนหน้านี้เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่ปกติ ก็รีบลบโพสต์ก่อนหน้านี้ไปทันที

 

 

แต่โพสต์ของเมิ่งซินหรานกลับลบไม่ได้ เธอเป็นประเด็นร้อนที่ชาวเน็ตให้ความสนใจ ชาวเน็ตจับภาพเวยป๋อของเธอไว้นานแล้ว หากลบตอนนี้ จะดูร้อนตัวยิ่งกว่าเดิม

 

 

ตอนที่เมิ่งซินหรานรู้ข่าวก็ไม่สาย

 

 

เพื่อนในเมืองหลวงของเธอส่งรูปสกรีนช็อตมาให้

 

 

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะหยางเฟย เรื่องพวกนี้ดึงดูดผู้ติดตามให้เธอถึงล้านกว่าคน ตอนนี้กลายเป็นความว่างเปล่าไปหมดแล้ว

 

 

เธอมองรูปสกรีนช็อตที่เพื่อนส่งมา มือบีบกันแน่นมาก

 

 

มีคนในห้องหนึ่งแอบหันมามองเมิ่งซินหรานแล้ว

 

 

เมิ่งซินหรานเม้มปาก สีหน้าเย็นเยือก ทำไมถึงไม่ใช่เธอล่ะ!

 

 

ใน OST มีผู้หญิงแค่ไม่กี่คน ไม่มีใครมีค่า APM สูงกว่าเธอแล้ว!

 

 

เธอจ้องบัญชี qr เขม็ง คิดย้อนไปว่าเมื่อกี้เธอยังโพสต์เวยป๋อที่เมนชั่นถึงทุกคนด้วย ใบหน้าของเธอก็ขึ้นสี

 

 

เริ่มทนสายตาของคนอื่นไม่ไหวแล้ว เธอหยิบแว่นกันแดด ไปขอลากับอาจารย์หลี่อ้ายหรงที่ห้องพักครูทันที

 

 

เจอกับฉินหร่านที่ถูกอาจารย์ฟิสิกส์เรียกพบพอดี

 

 

เมิ่งซินหรานยังคงไม่ชายตามองเธอ ผ่านเธอไปหน้าตาเฉย

 

 

ไม่มีเจตนาจะเหยียดหยาม เพียงแค่ไม่เห็นเธออยู่ในสายตา

 

 

สำหรับเมิ่งซินหรานแล้ว แม้เธอจะจนตรอก ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนแบบนี้จะเทียบชั้นได้

 

 

 

 

อีจงกำลังเรียนคาบเช้า ข่าวประเด็นร้อนในเวยป๋อ จึงกระจายในขอบเขตเล็กๆ เท่านั้น

 

 

จนกระทั่งเลิกเรียนตอนบ่าย จึงค่อยๆ แพร่ในหมู่นักเรียนอีจงพวกนี้

 

 

ฉินหร่านตรงไปที่ห้องพยาบาล

 

 

ลู่จ้าวอิ่งกำลังตรวจคอให้ผู้ชายคนหนึ่งในห้องพยาบาลอยู่ ท่าทางเหมือนอีกฝ่ายจะนอนตกหมอน ลู่จ้าวอิ่งกำลังแปะปลาสเตอร์ยาให้เขาอยู่

 

 

ฉินหร่านวางเป้ของตัวเองลงบนโต๊ะ เฉิงเจวี้ยนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย

 

 

“เพื่อนของเธอชอบปากกาของเธอมากเลยเหรอ” เฉิงเจวี้ยนเก็บมีดผ่าตัด ขณะที่ถามอย่างเอื่อยเฉื่อย

 

 

ฉินหร่านนั่งทิ้งตัวบนเก้าอี้ ใบหน้าที่ดูไม่น่าเข้าใกล้ก้มต่ำ พูดเสียงอู้อี้ว่า “อืม”

 

 

เฉิงเจวี้ยนดึงลิ้นชักออก หยิบปากกาแท่งหนึ่งออกมา “เหมือนแท่งของเธอ เอาไปให้เพื่อนเธอสิ”

 

 

หยุดคิดนิดหน่อยแล้วเฉิงเจวี้ยนก็พูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า “เธออารมณ์เหวี่ยง มีคนยอมเป็นเพื่อนกับเธอไม่มากนัก”

 

 

ฉินหร่าน “…”

 

 

เธอนึกถึงคำพูดที่ยายเธอมักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่า กลัวท่านตายแล้วเธอจะโดดเดี่ยวเดียวดาย

 

 

รู้สึกว่ามีจุดที่คล้ายคลึงกัน

 

 

ข้างนอก

 

 

ลู่จ้าวอิ่งส่งนักเรียนที่นอนตกหมอนออกไป

 

 

พูดคุยกับเฉิงมู่ขณะที่เล่นเวยป๋อไปด้วย วันนี้เขาไม่ค่อยได้เข้าเวยป๋อ เขากลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหวจัดการเมิ่งซินหราน

 

 

ประตูของห้องพยาบาลถูกเคาะอีกครั้ง

 

 

“นักเรียน จะเลิกงานแล้ว…” ลู่จ้าวอิ่งลูบมือถือเล่นพร้อมกับเงยหน้าขึ้น ประโยคยังพูดไม่ทันจบ ก็ติดอยู่ในลำคอแล้ว

 

 

ผู้มาเยือนใส่เสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีดำ หมวกของเสื้อกันหนาวคลุมอยู่บนหัว สวมผ้าปิดปากปิดหน้า

 

 

พอได้ยินคำพูดของลู่จ้าวอิ่ง เขาก็ถอดผ้าปิดปากออก ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่สุภาพเป็นอย่างมาก “ไม่ทราบว่า ฉิน…เอ่อ ฉินหร่านอยู่ที่นี่ไหม”

 

 

ลู่จ้าวอิ่งได้ยินวิญญาณของตัวเองกำลังเปล่งเสียงว่า “ฉิน…ฉินเสี่ยวหร่าน เธอรีบออกมาเดี๋ยวนี้เลย!”