เล่มที่ 6 บทที่ 165 เด็กตัวอ้วนสองคนเป็นน้องชายน้องสาวของเขาหรอกหรือ

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

พระอาทิตย์เคลื่อนลงทางทิศตะวันตก บ้านผู้คนจำนวนไม่น้อยก็เริ่มมีควันลอยล่อง ถึงช่วงเย็น ต้องทำอาหารเย็นแล้ว

เซี่ยยวี่หลัวจับปลาใหญ่สองตัวมาจากบ่อน้ำในสวนหลังบ้าน

ตอนนี้ปลาบนภูเขาต่างก็ตัวใหญ่แล้ว ช่วงหลายวันนี้เซี่ยยวี่หลัวจับปลาหลายสิบตัวมาเลี้ยงไว้ในบ่อน้ำ

เมื่อน้ำมันร้อนแล้วจึงเจียวหอมและขิงจนหอม ใส่ปลาที่หั่นไว้แล้วลงไปทอดจนสุกทั้งสองด้าน เด็กสองคนนำถั่วแขกที่ล้างจนสะอาดแล้วมาให้เซี่ยยวี่หลัว จากนั้นจึงยิ้มพร้อมบอกว่าจะออกไปเล่น

เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าพวกเขาไม่ได้จะไปเล่น แต่จะออกไปรอคน

คาดว่าเซียวยวี่คงใกล้กลับถึงบ้านแล้ว เด็กสองคนนี้ก็ไปรอเขาที่ใต้ต้นหวายขนาดใหญ่ตรงหน้าหมู่บ้านทุกวัน

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “ไปเถอะ ระวังความปลอดภัยด้วย อย่าเล่นซนริมแม่น้ำ อีกประเดี๋ยวก็กลับมากินข้าวได้แล้ว”

เด็กสองคนออกไปด้วยท่าทางหัวเราะไปพลางเล่นซนไปพลาง

เซี่ยยวี่หลัวมองส่งแผ่นหลังของเด็กสองคน ตวัดริมฝีปากแย้มรอยยิ้ม ก่อนจะง่วนกับการเตรียมอาหารเย็นต่อ

เด็กสองคนวิ่งออกจากบ้าน ในทุกๆ วันถ้าไม่ได้กินเนื้อหมู ก็ได้กินเนื้อปลา กินข้าวหุง ผ่านมาสามเดือน เด็กสองคนตัวโตขึ้นมาก ใบหน้ามีสีแดงเลือดฝาด ริมฝีปากสีแดงฟันสีขาว เสื้อผ้าที่สวมใส่บนกายก็เป็นชุดฤดูร้อนที่เซี่ยยวี่หลัวตระเตรียมให้อย่างเอาใจใส่ เสื้อของเซียวจื่อเซวียนเป็นสีน้ำเงินเข้ม สีน้ำเงินเข้มขับให้สีผิวดูเด่น โดยเฉพาะผิวสีขาว ยิ่งขับให้ผิวสีขาวที่มีสีแดงเลือดฝาด ริมฝีปากสีแดงฟันสีขาวดูเด่นยิ่งขึ้น

เซียวจื่อเมิ่งสวมชุดกระโปรงสีชมพู บนศีรษะทำผมทรงซาลาเปากลมสองลูก ใช้แถบผ้าสีชมพูผูกไว้ บนแถบผ้าปักไข่มุกเม็ดกลมสีขาวสองเม็ด ผูกไว้บนผม ขณะวิ่งและกระโดด แถบผ้าสีชมพูก็โบกพลิ้วไปมาตามสายลม พอมองดู ไม่ต่างจากเทพธิดาตัวน้อยในภาพวาดเลย

เด็กสองคนกระโดดโลดเต้นมาถึงหน้าหมู่บ้านก็นั่งลง เมื่อชาวบ้านที่ผ่านไปมาเห็นเด็กสองคนมาอีกแล้ว จึงยิ้มพร้อมกล่าวอย่างหยอกเย้า “มารอพี่ใหญ่ของพวกเจ้าอีกแล้วงั้นหรือ? “

“อื้ม พี่ใหญ่ใกล้กลับมาแล้ว” เด็กสองคนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

ดูอยู่ครู่หนึ่ง ไม่เห็นคนกลับมา เด็กสองคนรู้สึกเบื่อ จึงย่อตัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ดูมดขนย้ายซากหนอนตัวหนึ่งเข้าไปในรู พวกเขามองดูอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ทันสังเกตเลยว่า เงาร่างสูงโปร่งร่างหนึ่งสาวเท้าก้าวใหญ่เดินมาจากตำแหน่งที่ไม่ห่างนัก

เซียวยวี่อยากรีบกลับให้ถึงบ้าน เมื่อเห็นว่าหมู่บ้านสกุลเซียวอยู่ตรงหน้า มุมปากก็ตวัดขึ้นแย้มรอยยิ้ม สาวฝีเท้าเร็วกว่าเดิม

ต้นหวายขนาดใหญ่ตรงหน้าหมู่บ้านมีอายุกว่าร้อยปีแล้ว บัดนี้เจริญเติบโตจนกลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่ ใบไม้สีเขียวบนต้นดูหนาทึบ เมื่อถึงฤดูร้อน คนสูงวัยจำนวนไม่น้อยในหมู่บ้านจะมานั่งหลบแดดและพูดคุยกันใต้ไม้ใหญ่ต้นนี้

ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันกี่เดือนกี่ปีก็ยังคงอยู่ที่เดิม เป็นประจักษ์พยานทั้งในเรื่องราวน่ายินดีและเศร้าโศกของหมู่บ้านสกุลเซียว

เซียวยวี่สะพายหีบไม้ไผ่ มองแวบเดียวก็เห็นเด็กสองคนที่ย่อตัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

เด็กสองคนสวมใส่เสื้อผ้าตามฤดูกาลที่ดูดี ย่อตัวอยู่บนพื้นมองดูมดย้ายรังอย่างใจจดใจจ่อ

เซียวยวี่เพียงมองแวบเดียว นึกว่าเป็นเด็กบ้านคนอื่น จึงละสายตาอย่างรวดเร็ว เดินไปข้างหน้าต่อ

“พี่รอง มดตัวเล็กถึงเพียงนี้ ทำไมถึงขนย้ายหนอนตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ได้? ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงใสฟังดูนุ่มนวล

เหตุใดถึงเหมือนอาเมิ่งของเขามากถึงเพียงนี้?

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่สะใภ้ใหญ่ต้องรู้แน่ พวกเรากลับไปถามพี่สะใภ้ใหญ่ดูก็รู้แล้ว” เด็กผู้ชายอีกคนที่อยู่ข้างๆ กล่าว

นี่ นี่เหมือนจะเป็นเสียงของอาเซวียน!

เซียวยวี่หยุดนิ่ง หันขวับกลับมา มองดูเด็กสองคนที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

เด็กสองคนนั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย เนื้อผ้านั่นเป็นผ้าฝ้ายละเอียด ฤดูร้อนสวมใส่เสื้อผ้าชนิดนี้ทั้งซับเหงื่อดีทั้งเย็นสบาย ในอดีตที่ท่านพ่อท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ เซียวยวี่ก็มักจะได้สวมใส่เสื้อผ้าเช่นนี้ นอกจากนั้น เด็กสองคนนี้ตัวสูง ถึงแม้จะไม่อ้วน แต่ก็ไม่ผอม แค่ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กที่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี

เด็กสองคนดูมดขนย้ายหนอนอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกน่าเบื่อ จึงลุกขึ้นยืน “พี่รอง ท่านว่าทำไมพี่ใหญ่ถึงยังไม่กลับมาอีกเจ้าคะ? “

“พี่ใหญ่กำลังอยู่ระหว่างทางกลับแน่นอน พวกเรากลับบ้านเถอะ พี่สะใภ้ใหญ่ต้องทำอาหารเสร็จแล้วแน่! “

เซียวจื่อเซวียนหันมองไปตามเส้นทางนอกหมู่บ้านอย่างละเอียดอยู่หลายรอบ มั่นใจแล้วว่าไม่มีคน จึงจูงมือเซียวจื่อเมิ่ง หันขวับกำลังจะกลับบ้าน

เซียวยวี่ยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา มองดูพวกเขาหันมาด้วยท่าทางประหลาดใจ

เขาเพียงได้ยินเสียงของเด็กสองคน รู้สึกว่าคุ้นหู แต่เด็กสองคนนี้ ดูไม่เหมือนอาเซวียนและอาเมิ่งของเขาแม้แต่น้อย!

เซียวยวี่ไม่กล้าเรียก ได้แต่มองดูอยู่ด้านหลัง นอกจากเสียงแล้ว ไม่มีอะไรยืนยันได้เลยว่านี่คือน้องชายและน้องสาวของเขา

เด็กสองคนหันตัวมา ยามได้เห็นเซียวยวี่ แววตาที่แต่เดิมฉายประกายผิดหวังพลันลุกวาวขึ้นทันที ตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น “พี่ใหญ่ พี่ใหญ่…”

“พี่ใหญ่…”

เป็นอาเซวียนกับอาเมิ่งของเขาจริงด้วย!

“อาเซวียน อาเมิ่ง…” เซียวยวี่ก็ตื่นเต้นจนทนไม่ไหว กอดเด็กสองคนดูแล้วดูอีก เมื่อเห็นเด็กสองคนใบหน้ามีสีแดงเลือดฝาด เฉลียวฉลาด สะอาดเรียบร้อย เซียวยวี่ก็รู้สึกราวกับกำลังฝันไป

สามพี่น้องพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง เซียวจื่อเซวียนก็ดึงมือเซียวยวี่ด้วยความตื่นเต้นดีใจ “พี่ใหญ่ พวกเรารีบกลับบ้านไปกินข้าวกันขอรับ! ”

เซียวจื่อเมิ่งยังถูกเซียวยวี่อุ้มไว้ กล่าวเสียงใส “พี่ใหญ่ ท่านปล่อยข้าลงเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะเดินกลับบ้านเอง”

เซียวยวี่ยิ้ม “พี่ใหญ่ไม่ได้อุ้มนานแล้ว ให้พี่ใหญ่อุ้มก่อน”

เซียวจื่อเมิ่งส่ายหน้า “อาเมิ่งตัวหนัก พี่ใหญ่อุ้มไม่ไหวแล้ว”

เซียวจื่อเซวียนหยอกเย้านาง “เช่นนั้นเจ้ายังกินมากขนาดนั้นอีก รู้ว่าตัวเองตัวหนัก ระวังต่อไปจะกินจนกลายเป็นคนตัวอ้วน ไม่มีใครกล้าแต่งกับเจ้า! ”

เซียวจื่อเมิ่งเบ้ปาก “พี่ใหญ่ ท่านดูพี่รองสิเจ้าคะ หยอกข้าอีกแล้ว! ”

เซียวยวี่อุ้มเซียวจื่อเมิ่งขึ้น หนักจริงๆ ช่วงหลายเดือนนี้เด็กคนนี้หนักขึ้นมาก

เขามองดูเด็กสองคนอย่างละเอียด เทียบกับสามเดือนก่อนที่เขาจากไป ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง

เด็กสองคนราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ร่าเริงสดใส สะอาดเรียบร้อย พอจะดูออก ว่าที่บ้านมีคนดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี

เซียวยวี่ไม่ได้ถามอะไร มือหนึ่งจูงคนหนึ่ง อีกมือหนึ่งอุ้มอีกคนไว้ กลับบ้านด้วยความดีใจ เด็กสองคนส่งเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขไปตลอดทาง ตื่นเต้นดีใจเสียยิ่งกว่ากระไร

เมื่อเห็นว่าใกล้ถึงบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ คิดถึงสตรีผู้นั้น คิ้วของเซียวยวี่ก็ค่อยๆ ขมวดเป็นปม

นางคิดจะทำอะไรกันแน่!

เซี่ยยวี่หลัวจะไปไม่ใช่หรือ?

ทำไมกัน ก่อนจะไป คิดจะสร้างภาพลักษณ์เป็นภรรยาที่แสนดี มารดาผู้โอบอ้อมอารีงั้นหรือ?

หรือว่า คิดว่าเขาสอบผ่านซิ่วไฉแล้ว จึงตั้งใจดูแลเด็กสองคนเป็นอย่างดี เพื่อแสดงความสำนึกผิดต่อเขา?

ไม่ว่าอย่างไร แค่เด็กสองคนนี้มีชีวิตที่ดี เขาก็วางใจแล้ว

ส่วนเซี่ยยวี่หลัว ไม่ว่านางจะมีจุดประสงค์อะไร แต่เพราะนางสามารถดูแลเด็กสองคนอย่างเอาใจใส่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเป้าหมายอะไร เขาก็รู้สึกขอบคุณนาง!