บทที่ 77 ผงาด
หนึ่งชั่วยามต่อมา
ผืนน้ำบ้าคลั่งก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้งหนึ่ง
จระเข้ยักษ์ยาวเกือบ 60 หมี่ตัวหนึ่งว่ายน้ำเคียงไปกับ ‘วาโยเลื่อน’ ด้วยความสงบ ส่ายหางไปมาในน้ำราวกับสุนัข สูญเสียกลิ่นอายน่าเกรงขามข้าคลั่งที่เคยมีไปสิ้น
“เฮ้อ สำเร็จสักที” โจวจวินเจียว่า ยกมือปาดเหงื่อที่หน้าผาก “พลังข้าตอนนี้ จะให้คุมอสูรกายระดับกลางได้สมบูรณ์คงจะตึงมือไปหน่อย ต้องใช้โอสถปลุกวิญญาณถึง 3 ขวดเลย”
“อย่างไรมันก็อสูรกายระดับกลาง จะคุมมันได้ง่าย ๆ ได้อย่างไรเล่า ? แต่คุมจิตมันได้แล้วก็คงไม่ต้องเปลี่ยนไปอีกนาน ถือว่าคุ้มอยู่นะ !” เจียงหานเฟิงหัวเราะพลางแสดงความยินดีกับนาง
หากเป็นเรื่องระดับพลัง อสูรกายระดับกลางนั้นพอจะเทียบได้กับคนด่านทะลวงลมปราณระดับสูง
แต่หากเป็นเรื่องพละกำลังกายจะต่างกันราวฟ้ากับเหว ในหมู่อสูรกายทั้งหลายนั้นมีความต่างเรื่องพละกำลังแตกต่างกันไปมากมาย ก็เหมือนกับที่มนุษย์ที่แม้จะอยู่ด่านเดียวกันแต่แข็งแกร่งไม่เท่ากัน อสูรกายระดับกลางที่ทรงพลังหน่อยจะมีพละกำลังเกินหยั่งถึงเลยทีเดียว
อสูรธารโลหิตที่เป็นอสูรกายระดับเจ้าอสูรนั้นต้องใช้กำลังจากคนด่านสู่พิสดาร 4 คน อีกทั้งยังใช้ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดระดับต่ำลดหลั่นกันไปอีกมากมาย การต่อสู้ยาวนานถึง 4 วัน แสดงให้เห็นถึงกำลังความแกร่งของอสูรกายได้เป็นอย่างดี
จระเข้ปีศาจตัวนี้ก็เช่นกัน แม้จะเป็นเพียงอสูรกายระดับกลาง แต่หากอยู่ในน้ำก็จะมีกำลังมาก กระทั่งคนด่านทะลวงลมปราณ 7-8 คนล้อมมันไว้ยังไม่แน่ว่าจะกำราบมันได้ ไม่เช่นนั้นเหตุใดกองกำลังขุนเขาหยกเจอมันแล้วต้องหนีด้วย ?
“เอาล่ะ มีจระเข้ปีศาจแล้วก็เริ่มเตรียมแผนรับมือกับกองกำลังขุนเขาหยกกับกองกำลังวิทูรกระจ่างได้” ถังหมิงเอ่ยอย่างมั่นใจ
“รีบร้อนไปไย” โจวจวินเจียเอ่ย “ศิษย์พี่สามบอกว่าเรายังไม่ต้องรีบรับมือกับสองกองทัพนั่นก็ได้ สำคัญคือต้องสร้างรากฐานกำลังให้แกร่ง ขยายอำนาจออกไปเสียก่อน”
“นี่ล่ะคือปัญหายามซูเฉินลงมือ เขามั่นคงหนักแน่น ขาดแรงเคลื่อนตัวเกินเหตุ” ถังหมิงเอ่ยเสียงไม่พอใจอยู่บ้าง
โจวจวินเจียตอบนิ่ง ๆ “เรื่องนี้เจ้าต้องเรียนรู้จากเขา การตัดสินใจของซูเฉินตั้งอยู่บนหลักเหตุผล อย่างไรพื้นฐานการบ่มเพาะพลังก็ยังต่ำเตี้ย ส่วนสิบตระกูลสายเลือดชั้นสูงนั้นมีกิจการใหญ่โต มีลูกน้องมากมาย มีปัญหายุ่งยากให้จัดการล้นมือ ไม่มีเวลามาใส่ใจกับพวกเราทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรับมือเราไม่ได้”
“ที่เราได้เปรียบตอนนี้คือศัตรูยังไม่มุ่งสู้เต็มกำลังเท่านั้น แต่หากเราลงมือมากไปต้องถูกโต้กลับมารุนแรงเป็นแน่ หากไปทำให้คนด่านสู่พิสดารระคายเคืองใจแล้วออกมาจัดการพวกเราก็คงเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว”
เหตุใดซูเฉินจึงไม่กวาดเอาหมู่บ้านแม่น้ำตะวันตกมาอยู่ในกำมือทั้งหมดเล่า ?
นั่นก็เพราะเขารู้ว่าหากทำเช่นนั้นก็จะเป็นการตัดทรัพยากรทั้งหมดของสิบตระกูลสายเลือดชั้นสูง จนดึงพวกตาแก่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งหลายให้ออกมาได้แน่
และด้วยเหตุผลเดียวกัน หากกวาดล้างกองกำลังขุนเขาหยกและกองกำลังวิทูรกระจ่างไปสิ้น ทำให้ตระกูลสายเลือดชั้นสูงแห่งเมืองธารน้ำใสสูญเสียอำนาจเหนือน่านน้ำ มันก็ดูท่าจะเป็นการดึงเอาตาแก่ทั้งหลายออกมาได้เช่นกัน
เกี่ยวพันกับการถอนรากถอนโคนทั้งสิ้น !
สิบตระกูลสายเลือดชั้นสูงนั้นก็เหมือนกับต้นไม้เก่าแก่สิบต้น รากเลื้อยยาวถึงฟ้า หากคิดจะตัดรากมันก่อนก็คงรนหาที่ตาย เว้นเสียแต่ว่าจะมีพลังสะท้านสะเทือนปฐพีจึงกล้าทำ
แต่หากไม่มีพลังเช่นนั้น หนทางที่ดีที่สุดคือการตัดกิ่งเฉือนใบเพื่อทำให้มันอ่อนแอลง ก่อนจะค่อย ๆ ขุดรากมันออกมาต่างหาก
ซูเฉินเอาหมู่บ้านสราญรมย์ในป่าแม่น้ำตะวันตกมาอยู่ในกำมือ ก่อตั้งกองกำลังสามสายธารในบึงหลิงหยวน แต่ก็ยังเหลือส่วนมากเอาไว้เพื่อเรื่องนี้
เขาทำลายอำนาจผูกขาดของสิบตระกูลสายเลือดชั้นสูงในสองด้านนั้น แต่ไม่ได้ล้วงลึกถึงรากฐานของตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งหลาย ทำให้ชายหนุ่มยังเหลือทางลงอยู่
ไม่แน่ว่าอีกไม่นานก็คงกดดันพวกตระกูลสายเลือดชั้นสูงให้จนมุม แต่อย่างน้อยซูเฉินก็ยังเป็นคนคุมเรื่องเวลา เมื่อถึงตอนจะลงมือเขาก็จะมีกำลังมากพอจะสู้กลับ
วิธีการของถังหมิงอาจเห็นผลในระยะสั้น แต่หลังจากนั้นจะหลายเป็นการถูกล่าสังหารไป
“เอาเถอะ ก็ฟังขึ้นอยู่เช่นกัน ทำตามนั้นก็ได้” ถังหมิงเอ่ยอย่างหมดหนทาง
หากเป็นคนอื่นคิดใช้เหตุผลพูดคุยเขาคงไม่รับฟัง แต่หากเป็นโจวจวินเจียที่เป็นคนรักนั้น เขาไม่อาจดื้อดึงมากได้
ถังหมิงคุมกองกำลังสามสายธารเพียงแค่ในนาม คนที่มีอำนาจตัดสินใจจริง ๆ คือโจวจวินเจียต่างหาก
ใครก็ตามที่ได้เข้าไปซากโบราณลุ่มน้ำทองต่างก็มีพรสวรรค์ของตนเอง ถังหมิงพึ่งพาสายเลือดจักรพรรดิอสูรและความสามารถในการต่อสู้อันแข็งแกร่ง ส่วนหญิงสาวไม่ได้พึ่งพาวิชาคุมอสูรกาย แต่พึ่งพาความฉลาดและไหวพริบของนาง หากมีซูเฉินอยู่ ความฉลาดของนางอาจถูกเขากลบ แต่เมื่อไม่มีซูเฉิน ความสามารถที่ถูกกลบไว้จึงถึงเวลาส่องประกาย
“แล้วจะทำอะไรต่อ ?” เจียงหานเฟิงถามขึ้น
“จะกวาดล้างกองกำลังขุนเขาหยกกับกองกำลังวิทูรกระจ่างไปหมดไม่ได้ แต่ก็ยังทอนกำลังศัตรูได้ ตระกูลสายเลือดชั้นสูงยังทำการขนส่งสินค้าอยู่ เราอาจตัดทุกเส้นทางการค้าของมันไม่ได้ แต่อะไรที่ต้องสู้ก็ยังต้องสู้”
“ยังมีคนที่เราต้องรับมืออีกมาก ทว่าเราเสียกำลังไปตั้งมากเพื่อควบคุมจระเข้ปีศาจ ดังนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่งคงได้ใช้ประโยชน์จากมัน หากทว่าเราจะไม่ทำการต่อสู้กันเต็มกำลัง แต่จะใช้วิธีสู้เป็นหย่อม ๆ เพื่อทอนกำลังศัตรู”
“ทำให้เราสามารถควบคุมกำลังศัตรู จำกัดอำนาจเหนือน่านน้ำของมัน และก็เพิ่มกำลังของฝ่ายเราไปพร้อมกัน ซูเฉินอยากได้ตัวทดลอง เราก็ต้องการทหารมาเพิ่มเติม ตอนสู้ก็คัดเอาคนฝีมือห่วยส่งให้ซูเฉินเสีย ส่วนคนฝีมือดีก็ตกรางวัลด้วยโทเทมโลหิตสลาย” โจวจวินเจียเอ่ยเสียงเรียบ
สายลมพัดผ่านเรือนผมหญิงสาว นางเอ่ยวาจาเรียบเฉย แต่คำทั้งหลายของนางจะส่งผลถึงการผันเปลี่ยนของสถานการณ์ในบึงหลิงหยวนได้ทีเดียว…
จากนี้ต่อไป กองกำลังสามสายธารจะเริ่มออกโจมตีโจรสลัดทั้งหลายทุกทิศ ซุ่มโจมตีทุกทาง ดักปล้นโดยใช้ทางน้ำ
มองเผิน ๆ อาจเห็นว่าพวกเขาโจมตีทุกฝ่าย แต่แท้จริงแล้วเป้าหมายหลักคือเรือของตระกูลสายเลือดชั้นสูงหรือพวกโจรสลัดที่มีเส้นสายกับสิบตระกูล
แม้จะไม่แตะต้องกองกำลังขุนเขาหยกกับกองกำลังวิทูรกระจ่าง แต่พวกกองโจรเล็ก ๆ ที่พึ่งพาทั้งสองกองกำลังต่างก็พบกับเภทภัยทั้งสิ้น
กองกำลังสามสายธารเริ่มกลืนกองกำลังเล็กไปเรื่อยอย่างไร้เมตตา ใช้ความเจ้าเล่ห์ทำให้ทุกคนปวดหัวไปตาม ๆ กัน
และถึงจะมีโจรสลัดที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ด้วยกองกำลังสามสายธารลงมือทำสิ่งใดไม่มีคำว่ายั้งมือ !
อีกทั้งผลประโยชน์ของตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งหลายไม่ใช่ผลประโยชน์ของโจรสลัดทุกฝ่าย ทำให้ในการต่อกรกับตระกูลสายเลือดชั้นสูงแห่งธารน้ำใสครั้งนี้ กองกำลังสามสายธารเองก็ได้รับแรงสนับสนุนจากโจรสลัดอื่นบางส่วนด้วยเช่นกัน
อาทิเช่น กองกำลังสายธารมืดนั้นไม่เคยสนิทสนมกับตระกูลสายเลือดชั้นสูง
พวกเขาจึงขว้างกิ่งมะกอก (แสดงความเป็นมิตร) ให้กองกำลังสามสายธาร
ณ เดือนที่สามหลังจากโจวจวินเจียเข้าคุมกองกำลังสามสายธาร กองกำลังสามสายธารก็ทำการประมือครั้งใหญ่กับกองกำลังหลิงหยวน ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มโจรสลัดของตระกูลสายเลือดชั้นสูง ส่วนกองกำลังขุนเขาหยกนั้น ก็ไม่อาจเข้าช่วยเหลือได้ เพราะพวกเขาต่อสู้ติดพันอยู่กับกองกำลังสายธารมืด
ผลที่ออกมานั้นเกินคาดมาก
กองกำลังหลิงหยวนที่ดูแล้วน่าจะแข็งแกร่งกว่ากลับพ่ายแพ้ย่อยยับ กระทั่งผู้บัญชาการกองกำลังหลิงหยวนที่อยู่ด่านทะลวงลมปราณขั้นสุดยังถูกจระเข้ปีศาจกลืนลงท้องไปในคราเดียว
โจรสลัดที่อยู่ในน้ำแล้วทรงพลังยิ่งนัก ประกอบกับเรือรบหุ้มเกราะที่มีค่ายกลทรงพลังอยู่ รวมถึงมีคนสายเลือดจักรพรรดิอสูรและยังมีจระเข้ปีศาจอันดุดันน่าเกรงขาม กลายเป็นตำนานเล่าขานที่มักเล่ากันในวงน้ำชา
ในโลกแห่งโจรสลัดมีดาวดวงใหม่กำลังฉายแสง กองกำลังสามสายธารผงาดขึ้นเป็นกองกำลังที่มีอำนาจสูงสุดเหนือน่านน้ำหลิงหยวน
ส่วนกองกำลังวิทูรกระจ่างยังคงมีอยู่ แต่อำนาจกลับไม่แกร่งเท่าแต่ก่อน ความแกร่งลดลงมาก
ในที่สุดฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึง กิ่งไม้ใบไม้ทั้งหลายของตระกูลสายเลือดชั้นสูงต่างก็พากันบิดปลิวร่วงหล่นไป