ตอนที่ 325 ผู้ใดเก็บเงิน ผู้นั้นเป็นคนรักษา / ตอนที่ 326 มีแขกผู้สูงศักดิ์มาเยือน

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 325 ผู้ใดเก็บเงิน ผู้นั้นเป็นคนรักษา

สาวใช้ขมวดคิ้วในทันที มีที่ไหนยังไม่ทันได้ดูอาการก็เก็บค่ารักษาก่อนแล้ว

กู้ผิงฮุ่ยมีเงินอยู่แล้ว นางเพียงสนใจแต่อาการป่วยของบุตรชาย เรื่องเงินจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่ เทียบกับบุตรชายของตนแล้ว เรื่องเงินเล็กน้อยกว่าเศษดินเสียอีก

นางพยักหน้าให้สาวใช้ “ให้นางไป”

สาวใช้หยิบถุงเงินอันหนักอึ้งออกมาถุงหนึ่ง ข้างในใส่เงินไว้สองก้อน หนึ่งก้อนสิบตำลึง รวมทั้งหมดยี่สิบตำลึง ก่อนจะยื่นถุงเงินไปตรงหน้าของหญิงชรา

“ตอนนี้นำพวกข้าไปพบแม่นางไป๋ได้แล้วใช่หรือไม่” สาวใช้ถาม

หญิงชรารับถุงเงิน ยิ้มยิงฟันด้วยความเบิกบาน “แน่นอน ตอนนี้ไปได้แล้ว”

เหล่าฝูงชนที่มุงดูได้แต่ยิ้มเยาะ พลางกล่าวในใจว่าหญิงชราผู้นี้อยากได้เงินจนเป็นบ้าไปแล้ว ตอนนี้ไป๋จื่อมีความสัมพันธ์ใดกับนางกัน รับเงินแทนไป๋จื่ออย่างเห็นแก่ตัวเช่นนี้ ด้วยนิสัยของไป๋จื่อแล้ว หญิงชราต้องพบกับความซวยเป็นแน่

แต่อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของสกุลไป๋ พวกเขาพูดมากไม่ได้ ครั้นเห็นหญิงชรานำอีกฝ่ายไปยังสกุลหู ทุกคนจึงพากันแยกย้ายไป

หญิงชรามาถึงด้านหน้ารั้วบ้านของสกุลหู เห็นหูจ่างหลินกับหูเฟิงกำลังสนทนากันอยู่ด้านใน ด้านหลังของพวกเขาตากหนังเสือผืนใหญ่ผืนหนึ่ง และหนังหมาป่าเอาไว้สามผืน นางมองแล้วรู้สึกอิจฉายิ่งนัก หนังสัตว์พวกนี้ อย่างน้อยๆ น่าจะขายได้หลายสิบถึงร้อยตำลึงเงินกระมัง หนังเสือเป็นของหายาก เหล่านายท่านผู้ร่ำรวยในเมืองเหล่านั้น มีใครเล่าจะไม่อยากจ่ายเงินซื้อสักผืน

ว่ากันว่าหนังเสือนี้มาจากเสือที่ไป๋จื่อและอาอู่ฆ่าตาย หากคิดคำนวณดูดีๆ ก็ควรจะมีส่วนหนึ่งเป็นของสกุลไป๋ถึงจะถูกต้อง

“จ่างหลิน…ไป๋จื่ออยู่หรือไม่” หญิงชราถามหูจ่างหลินที่อยู่ในรั้วบ้าน

หูจ่างหลินเห็นหญิงชราไม่เพียงมาด้วยตนเอง ยังนำสตรีแปลกหน้ามากด้วย ดูจากท่าทางร่ำรวยมีเกียรตินั้นแล้ว ย่อมมาจากในเมืองอย่างแน่นอน

สีหน้าของหูเฟิงหม่นลงในทันที ก่อนจะทำหน้าบึ้งถามหญิงชราว่า “มีธุระอะไร”

หญิงชรายิ้มเจื่อน “ดูเจ้าพูดเข้าสิ ข้าเป็นย่าขอนาง ไยข้าจะมาหานางไม่ได้”

หูเฟิงเดินเข้าไปใกล้ประตูรั้ว สองมือกอดอก หลุบตามองหญิงชราเจ้าเล่ห์เบื้องหน้า “เจ้าเป็นย่าของผู้ใดกัน อย่าได้ยกยอตัวเองหน่อยเลย ไปเสีย!”

กู้ผิงฮุ่ยที่อยู่ด้านหลังหญิงชราพลันตะลึงลาน หญิงชราผู้นี้เป็นย่าของไป๋จื่อไม่ใช่หรือ

สาวใช้ด้านข้างกู้ผิงฮุ่ยก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง ก่อนจะพูดกับหูเฟิงว่า “พวกเขามาขอให้แม่นางไป๋ไปรักษาโรค หญิงชราผู้นี้รับเงินค่ารักษาของพวกข้าไปแล้ว หากแม่นางไป๋อยู่ ได้โปรดเชิญนางออกมาพบพวกข้าสักครั้งเถอะ”

สายตาเย็นชาของหูเฟิงมองไปยังใบหน้าของหญิงชรา ราวกับใบมีดเฉือนผิวหน้าของนางก็ไม่ปาน “ในเมื่อเจ้ารับเงินค่ารักษาของพวกนางไปแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็รักษาสิ รักษาให้ดีๆ ถึงจะรักษาจนตัวตายแล้ว เงินเหล่านี้ที่เจ้าได้มาก็พอซื้อโลงศพได้อยู่ ไม่ต้องกังวล”

หญิงชราโกรธเกรี้ยวนัก นางชี้หน้าต่อว่าหูเฟิง “เจ้าพูดอะไรของเจ้า เจ้าแช่งข้า หรือว่าแช่งคนป่วยกันแน่ เจ้าควรพูดเช่นนี้หรือไร”

กู้ผิงฮุ่ยเองก็ร้อนใจเช่นกัน นางดันสาวใช้ที่อยู่ตรงหน้าออก แล้วถลันไปถึงเบื้องหน้าของหญิงชรา ก่อนจะถามด้วยความกังวล “เจ้าบอกว่าเป็นย่าของแม่นางไป๋ไม่ใช่หรือ แล้วตัวนางเล่า เหตุใดคนเป็นย่าเช่นเจ้าต้องการพบหลานสาวของตัวเอง ยังต้องไถ่ถามผู้อื่นก่อนเช่นนี้”

หญิงชราพลันไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี จึงรีบมองไปทางหลิวซื่อ

ปกติหลิวซื่อชอบพูดจานัก ไม่ว่าสถานการณ์ใดล้วนสอดปากเข้ามาได้ ทว่าเมื่อได้พบกับฮูหยินจากตระกูลร่ำรวย นางกลับหวาดหวั่น ไม่กล้าพูดแทรก

หูจ่างหลินเอามือไพล่หลัง ก้าวเข้ามาขัดจังหวะ “เมื่อก่อนเป็นย่า แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว นางไล่ไป๋จื่อออกมา ทั้งยังเขียนหนังสือแยกบ้านแล้วเรียบร้อย บัดนี้นับเป็นสองบ้าน”

กู้ผิงฮุ่ยโมโหจนตัวสั่น สวรรค์ นางถูกหญิงชราผู้นี้ปั่นหัวหรือนี่

……….

ตอนที่ 326 มีแขกผู้สูงศักดิ์มาเยือน

หญิงชรารีบกล่าว “ฮูหยินอย่าเพิ่งร้อนใจ แม้ข้ากับไป๋จื่อจะแยกบ้านกันแล้ว ทว่าความสัมพันธ์ย่าหลานยังคงอยู่ ข้าพาพวกท่านมาหานาง ย่อมให้นางรักษาคนป่วยที่บ้านของพวกท่านอย่างแน่นอน”

กู้ผิงฮุ่ยอยากจะฉีกปากของหญิงชรายิ่งนัก นี่มันเรื่องอะไรกัน กล้าหลอกนางอย่างนั้นหรือ

ถึงแม้จะมีไฟโทสุมอยู่เต็มอก ทว่าเพื่อบุตรชายแล้ว กู้ผิงฮุ่ยจึงข่มอารมณ์โกรธไว้ชั่วคราว “นำทางสิ”

หญิงชรารับคำสั่ง รีบนำกู้ผิงฮุ่ยและคนรับใช้หลายคนไปยังเรือนไม้ด้านหลัง

ประตูเรือนไม้ปิดสนิท แต่ข้างนอกกลับไม่ได้ลงกลอนไว้ ด้านในมีเสียงสนทนาดังออกมา หญิงชราขยิบตาให้หลิวซื่อครั้งหนึ่ง อีกฝ่ายรู้กัน รีบก้าวไปเคาะประตู “จื่อเอ๋อร์อยู่หรือไม่ ท่านย่ามาหาเจ้า รีบเปิดประตูเร็ว”

เสียงพูดคุยในเรือนไม้จางหายไปโดยพลัน จากนั้นประตูเรือนไม้ก็เปิดออก จ้าวซูเอ๋อยืนมองจากตรงประตู เหลือบเห็นหญิงชราและหลิวซื่อนำหน้าสตรีแปลกหน้าอยู่ข้างนอก จึงขมวดคิ้วถาม “พวกเจ้ามีธุระอะไร”

หญิงชรารู้ว่าจ้าวซู่เอ๋อเป็นภรรยาของอาอู่ ครอบครัวของพวกเขาสามคนอยู่ในเมืองไม่ได้อีกต่อไป ไป๋จื่อจึงพาพวกเขากลับมา บัดนี้ล้วนกลายเป็นคนรับใช้ของพวกนางสองแม่ลูกไปแล้ว

คนรับใช้ของไป๋จื่อ ตามหลักแล้วก็เป็นคนรับใช้ของสกุลไป๋ สายตาที่นางมองจ้าวซู่เอ๋อย่อมไม่มีความเกรงใจอะไรนัก “เจ้าไม่มีสิทธิ์ถาม พาไป๋จื่อออกมาเร็ว มีแขกผู้สูงศักดิ์มาเยือน”

จ้าวซูเอ๋อแม้จะอยู่ในหมู่บ้านนี้ไม่กี่วัน ทว่าบุญคุณความแค้นของสองแม่ลูกไป๋จื่อและสกุลไป๋ นางนับว่ารู้อยู่เจ็ดแปดส่วนเช่นกัน ความประทับใจที่มีต่อเหล่าคนสกุลไป๋จึงย่ำแย่จนถึงขีดสุด

“แม่นางไป๋ไม่สบาย ต้อนรับไม่ได้ พวกเจ้ามีธุระอะไรก็พูดมา หากไม่มีธุระอะไรก็ไปเสีย” ก่อนจะเปิดประตู ไป๋จื่อกำชับไว้แล้วว่านางไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับสองคนนี้

หญิงชราเห็นฮูหยินผู้นั้นโมโหจนหน้าเขียว จึงรีบก้าวไปลากจ้าวซู่เอ๋อออกมา “ข้ามาหาหลานสาวของข้า แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย หลีกไป!”

ภายในเรือนเหมือนกับครั้งก่อนที่นางมา เรียบร้อยเป็นระเบียบ เล็กทว่างดงาม บนเตียงไม้เพียงหลังเดียวมีคนนอนอยู่ จ้าวหลานนั่งเย็บผ้าอยู่ข้างเตียง ตรงมุมเรือนมีเด็กหญิงกำลังเล่นกับตนเองอยู่เพียงลำพัง

สายตาของหญิงชรากวาดมองไป๋จื่อที่นอนอยู่บนเตียง นางขมวดคิ้วทันที “นี่มันกี่ยามแล้ว เหตุใดยังนอนอยู่อีก รีบลุกขึ้นมาเร็ว มีแขกมาหา”

จ้าวหลานหยุดงานเย็บปักในมือ ก่อนจะช้อนสายตาเย็นชาขึ้นมองหญิงชรา “ไม่เห็นหรือว่าจื่อเอ๋อร์ไม่สบาย เอะอะอะไรกัน”

ขณะนี้กู้ผิงฮุ่ยนำสาวใช้สองคนเข้ามาแล้ว พื้นที่ในเรือนที่เดิมทีเล็กแคบพลันแน่นขนัด กู้ผิงฮุ่ยขมวดคิ้วเป็นปม เรือนไม้หลังนี้เล็กกว่ากระท่อมที่บ้านของนางเสียอีก เหตุใดถึงมีคนอยู่เยอะถึงเพียงนี้

นางมองจ้าวหลาน พิจารณาอีกฝ่ายเสียรอบหนึ่ง ถามว่า “เจ้าคือไป๋จื่อ?”

จ้าวหลานพิจารณากู้ผิงฮุ่ยเช่นกัน กล่าวเสียงเย็น “ไป๋จื่อเป็นบุตรสาวของข้า พวกท่านเป็นใคร ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือ”

หญิงชรารีบตอบ “คืออย่างนี้ ในบ้านของฮูหยินท่านนี้มีคนป่วยอยู่คนหนึ่ง อยากขอให้ไป๋จื่อไปตรวจดูสักหน่อย เจ้ารีบปลุกไป๋จื่อให้ตื่นสิ เก็บของเสร็จแล้วก็ตามพวกนางไป”

แววตาเฉยชาของจ้าวหลานกวาดผ่านหญิงชราอย่างรวดเร็ว นางยิ้มอย่างไม่จริงใจ “จื่อเอ๋อร์ของข้าต้องทำตามการจัดการของเจ้าตั้งแต่เมื่อใด”

สาวใช้ข้างกายของกู้ผิงฮุ่ยรีบกล่าว “ไม่ไปไม่ได้นะ นางรับค่ารักษายี่สิบตำลึงเงินของพวกข้าไปแล้ว ไม่ยอมอย่างไรพวกเจ้าก็ต้องไป”

จ้าวหลานพลันหัวเราะ จะพูดอย่างไรดีล่ะ คนที่ไม่เห็นประโยชน์ไม่ยอมตื่นเช้าอย่างหญิงชราและหลิวซื่อ จะเจตนาดีพาคนมาขอให้ไป๋จื่อทำการรักษาให้อย่างไร

นางพูดกับสาวใช้ว่า “ใครรับเงินค่ารักษาของพวกเจ้า พวกเจ้าก็ให้คนนั้นรักษา พวกข้าไม่ได้รับเงินสักหน่อย”