มีเสี่ยวเฉียงอยู่ ต่อให้ในใจมีเรื่องกังวลมากแค่ไหนก็ถูกเขาพาออกนอกทะเลจนลืมไปหมด ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ดีขึ้นมากแล้ว
พอเห็นเธอหัวเราะอวี๋หมิงหลางก็วางใจ ขอแค่เธอยิ้มได้ต่อให้เขาต้องเป็นคนหน้าด้านแล้วไงล่ะ
เขายอมใช้ทุกอย่างเพื่อแลกกับใบหน้าที่มีความสุขของเธอ
เดิมก็ดึกมากแล้ว นี่ทั้งสองคนยังมาทำเรื่องหน้าไม่อายข้างนอกกันอีก เสี่ยวเชี่ยนนอนพิงพนักด้วยความสะลึมสะลือ
ทันใดนั้นอวี๋หมิงหลางก็เหยียบเบรก เสี่ยวเชี่ยนลืมตาจ้องเขาด้วยความไม่พอใจ ตานี่จะก่อเรื่องอะไรอีกเนี่ย?
“อยู่บนรถอย่าไปไหนนะ เดี๋ยวถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามส่งเสียง” อวี๋หมิงหลางไม่มีรอยยิ้มแบบเมื่อครู่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เสี่ยวเชี่ยนเห็นสีหน้าเขาแปลกๆจึงลุกขึ้นมานั่ง
“มีอะไรเหรอ?”
“ข้างหน้ามีคนทำลับๆล่อๆ ผมจะลงไปดูหน่อย”
“ระวังตัวด้วย” เสี่ยวเชี่ยนได้ยินดังนั้นก็เครียดตาม
“ไม่เป็นไร คุณจำไว้ว่าปิดประตูหน้าต่างให้สนิท จะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามเปิด ใช้โทรศัพท์ของผมโทรหาต้ากว่างด้วย”
อวี๋หมิงหลางพูดเสร็จก็ลงจากรถ เสี่ยวเชี่ยนล็อคประตู ไม่กล้าเปิดไฟเพราะกลัวบุคคลต้องสงสัยจะรู้ตัว
เธอโทรศัพท์พลางมองอวี๋หมิงหลาง
เสื้อของเขายังสวมอยู่ที่ตัวเธอ เขาวิ่งไปด้วยสภาพเปลือยท่อนบน ความมืดช่วยอำพรางร่องรอยของเขา มือถือของเสี่ยวเชี่ยนบอกเวลาตีสองแล้วในตอนนี้
เวลานี้ถนนเส้นนี้ไม่มีรถเท่าไรแล้ว ด้านหน้าเป็นเขตที่พักอาศัย ดูท่าทางสงบเงียบ เสี่ยวเชี่ยนไม่เคยได้รับการฝึกมาก่อน ไม่ได้มีความสามารถชนิดที่แค่มองไปก็พบความผิดปกติได้อย่างอวี๋หมิงหลาง แต่เธอกลับเชื่อใจเขาโดยไม่มีเงื่อนไข
ปลายสายมีคนรับอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเชี่ยนเล่าเรื่องทางนี้ให้ฟัง ต้ากว่างบอกว่าไม่เกินสามนาทีจะมาถึง
ตอนนี้ทั้งเมืองอยู่ในสภาวะเฝ้าระวัง แทบจะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวกับด้านความปลอดภัยมีการออกลาดตระเวนถี่ขึ้น
แต่ผู้ต้องสงสัยดวงซวยคนนี้หลบรถลาดตระเวนได้ แต่กลับไม่รอดสายตาอันเฉียบคมของอวี๋หมิงหลาง
ฟ้ามืดมาก ไฟข้างทางแถวนี้ก็มาเสียอีก อวี๋หมิงหลางวิ่งไปไกลแล้วเสี่ยวเชี่ยนมองเห็นเหตุการณ์ไม่ชัด ทำได้แค่รออยู่ในรถเงียบๆ
ช่วงเวลาไม่กี่นาทีนี้รู้สึกเหมือนยาวนานมาก ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะรู้ว่าฝีมือด้านการทหารของอวี๋หมิงหลางจะเก่งกาจ รู้ว่าโจรกระจอกเอาชนะเขาไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นห่วง
ถ้าอีกฝ่ายมีอาวุธจะทำไง ถ้าอีกฝ่ายคนเยอะกว่าจะทำไง ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนร้ายคนเดียวกับที่ถือมีดไล่แทงตามที่หัวหน้าตำรวจสืบสวนพิเศษบอกจะทำไง อวี๋หมิงหลางจะบาดเจ็บหรือเปล่า…
มีเสียงดังมาจากด้านนอกทำให้เสี่ยวเชี่ยนหยุดจินตนาการในแง่ร้าย
เสียงตะโกนของอวี๋หมิงหลางดังลอยมา
“บอกว่าอย่าหนียังจะคิดหนี”
“ผมผิดไปแล้วครับพี่”
เสี่ยวเชี่ยนรีบเปิดไฟรถ ห่างจากรถไม่ไกลออกไปอวี๋หมิงหลางกำลังลากตัวผู้ชายคนหนึ่งมา ผู้ชายคนนั้นผอมแห้ง สายตาล่อกแล่ก ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี
ในเวลานี้เองหลินเจ๋อกว่างก็มาถึง
เสี่ยวเชี่ยนอยากลงจากรถ ทันใดนั้นก็รู้สึกแปลกๆ เธอก้มหน้ามอง
เธอใส่เสื้อของอวี๋หมิงหลางอยู่ ส่วนเสื้อของเธอขาดเป็นชิ้นๆอยู่ในรถ
รวมถึงกางเกงผ้าไหมด้วย…
นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ตัวเธอโล่งมาก
ก็ได้ เสี่ยวเชี่ยนคนตัวโล่งนั่งตามเดิม
“หมิงหลางเกิดอะไรขึ้น?” หลินเจ๋อกว่างลงจากรถวิ่งไปหาอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางชี้ไปที่ผู้ชายมีพิรุธที่เขาควบคุมตัวไว้พลางพูด “ฉันเห็นคนๆนี้ทำลับๆล่อๆปีนหน้าต่างเหล็กดัด อีกทั้งยังมีมีดติดตัวด้วย”
ตามคาด ที่เอวของผู้ชายคนนี้มีมีดเหน็บอยู่ หลินเจ๋อกว่างหันไปสั่งให้ลูกน้องคุมตัวไว้
“พี่ชาย ผมเพิ่งทำผิดเป็นครั้งแรก ได้ยินจากคนบ้านเดียวกันว่าทำงานนี้ได้เงินเยอะ ผมอยากได้ของไม่ได้คิดทำร้ายคน อีกอย่างทำวันแรกก็โดนจับได้แล้ว ผมพูดความจริงนะครับ”
อวี๋หมิงหลางเห็นกระเป๋าของผู้ชายคนนี้ตุงๆจึงยื่นมือไปดึง จากนั้นของก็ร่วงออกมา…
เสี่ยวเชี่ยนนั่งมองจากไหนรถด้วยระยะที่ค่อนข้างไกล อีกทั้งอวี๋หมิงหลางยังหันข้างให้ เธอจึงมองเห็นสีหน้าของเขาไม่ค่อยชัด
แต่ดูจากกางเกงในของผู้หญิงวัยดึก ชุดชั้นในหลากสีรุ่นคุณป้าที่หล่นเต็มพื้น สีหน้าของอวี๋หมิงหลางในเวลานี้คงสะอิดสะเอียน
“ยังมีอะไรจะพูดอีก” หลินเจ๋อกว่างพอเห็นเสื้อผ้าผู้หญิงกองเต็มพื้นก็มองคนร้ายคนนี้ด้วยสายตาเหยียดๆ
ตอนนี้เป็นหน้าร้อน คนส่วนมากชอบนอนเปิดหน้าต่าง ซึ่งก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนร้าย
คนบางพื้นที่ปีนป่ายเก่งมาก ชาวบ้านที่อาศัยตามตึกตอนนี้นิยมติดเหล็กดัดที่หน้าต่าง กันขโมยได้ก็จริงแต่ก็เป็นโอกาสให้พวกหัวขโมยปีนป่ายได้ง่ายขึ้น บางคนอาศัยอยู่ชั้นสี่ชั้นห้า คิดว่าอาศัยอยู่บนชั้นสูงๆไม่จำเป็นต้องติดเหล็กดัดก็ได้ คนร้ายจึงฉวยโอกาสยามค่ำคืนที่เงียบสงบปีนเหล็กดัดจากชั้นล่างขึ้นไปยังชั้นบน
“เสื้อผ้าพวกนี้แกไปเอามาจากไหน นอกจากขโมยของพวกนี้ยังทำอะไรอีก” หลินเจ๋อกว่างสอบสวนด้วยน้ำเสียงดุดัน
หัวขโมยปีนป่ายที่ถูกจับได้นี้ถึงกับขาอ่อนทรุดลงไปคุกเข่า “ผมหยิบมาจากห้องชั้นสอง อยากจะปีนไปชั้นสี่ ยังไม่ทันถึงพี่ตำรวจคนนี้ก็มาจับพอดี ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”
หลินเจ๋อกว่างเหลือบมองอวี๋หมิงหลาง “เขาไม่ใช่ตำรวจ”
หลินเจ๋อกว่างส่งสายตาให้ลูกน้อง ลูกน้องของเขาสองคนจึงรีบเอาตัวคนร้ายออกไป ส่วนเขาไปคุยกับอยู่หมิงหลางที่ด้านข้าง เดิมอวี๋หมิงหลางคิดจะลากเพื่อนไปคุยใกล้ๆรถ แต่ก็นึกได้ถึงสภาพของเสียวเหม่ยในเวลานี้ กลัวเพื่อนจะสังเกตเห็นอะไร ครั้นแล้วจึงลากเพื่อนไปคุยอีกด้านหนึ่ง
“คนๆนี้ไม่เหมือนคนที่พวกเราตามหา” ถึงหลินเจ๋อกว่างจะยังไม่ได้สอบสวนอย่างละเอียด แต่ดูจากท่าทางของโจรกระจอกคนนี้แล้วไม่เหมือนคนร้ายโรคจิตที่ท้าทายตำรวจ
“ไม่ใช่แน่นอน” อวี๋หมิงหลางเองก็มองออก คนที่พอเห็นตำรวจก็เข่าทรุดแบบนี้เป็นโจรกระจอกทั่วไป
“แกมาอยู่ที่นี่ได้ไง อีกทั้งยังแต่งตัว…สภาพนี้?” หลินเจ๋อกว่างกวาดตามองอวี๋หมิงหลางตั้งแต่บนลงล่าง
ถึงแม้ผู้ชายเปลือยท่อนบนในหน้าร้อนจะเป็นเรื่องปกติ แต่เขารู้จักอวี๋หมิงหลางมานาน ไม่เคยเห็นอวี๋หมิงหลางทำอะไรตามใจแบบนี้ ทันใดนั้นสายตาของหลินเจ๋อกว่างก็ไปหยุดอยู่ที่ไหล่ของอวี๋หมิงหลาง
ด้วยประสบการณ์การทำคดีอันมากมายของเขา แค่ดูก็รู้ว่าถูกข่วน
“ฉันไปขับรถเล่นกินลมกับคู่หมั้น ไม่ได้หรือไง?” อวี๋หมิงหลางเชิ่ดหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างหาเรื่อง
“กินลมน่ะได้…”
อวี๋หมิงหลางหันไป “จับคนร้ายให้แล้วพวกแกก็เอาไปสอบสวนต่อ ฉันจะกลับบ้านละ”
โวะ ด้านหลังโคตรเยอะ
หลินเจ๋อกว่างมองรอยข่วนจำนวนมากบนหลังของอวี๋หมิงหลาง จึ๊ๆ ไม่ใช่แค่รอยข่วนยังมีรอยจูบด้วย ดูตรงหัวไหล่นั่นสิ
นึกไม่ถึงว่าว่าที่น้องสะใภ้เห็นเรียบร้อยแบบนั้นจะมีความป่าเถื่อนในบางเรื่อง
“เห้ย เพื่อนเก่า” หลินเจ๋อกว่างตะโกนเรียกอวี๋หมิงหลาง
“หืม?” อวี๋หมิงหลางหันไป หลินเจ๋อกว่างโยนของบางอย่างให้อวี๋หมิงหลาง เขารับได้พอดี
ช็อคโกแลต?
“หลังออกกำลังกายต้องเติมพลังงานหน่อย” หลินเจ๋อกว่างยกนิ้วโป้งชี้ไปที่ไหล่ตัวเอง อวี๋หมิงหลางจึงก้มมอง
โวะ