ตอนที่ 589 วิปริตกับผิดปกติ

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

‘ตราประทับแห่งรัก’ ที่เสียวเหม่ยมอบให้ ถูกคนเห็นเข้าแล้ว 

 

 

“ฮ่าๆๆ” หลินเจ๋อกว่างหัวเราะอย่างเต็มที่ที่เห็นอวี๋หมิงหลางทำหน้าเหวออย่างเห็นได้ชัด 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนที่นั่งมองทุกอย่างอยู่บนรถใบหน้าร้อนผ่าว แม่ง ทั้งโลกรู้แล้วเหรอว่าเมื่อกี้เธอมีค่ำคืนอันเร่าร้อนกับเสี่ยวเฉียงบนรถ? 

 

 

อวี๋หมิงหลางขึ้นรถ เขาสตาร์ทรถพลางยื่นช็อคโกแลตให้เสี่ยวเชี่ยน 

 

 

“เติมพลังงานหลังออกกำลังกายหน่อย” 

 

 

“ไปไกลๆเลย” 

 

 

เสียงจากด้านนอกดังลอดเข้ามาในรถผ่านหน้าต่างที่เปิดไว้ อวี๋หมิงหลางรู้สึกไม่ชอบมาพากล 

 

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ผู้ชายที่สวมชุดนอนคนหนึ่งเดินออกมาจากตึกพักอาศัย ท่าทางอายุราวๆสี่สิบ ใส่แว่นตา หัวโล้นๆ หน้าตาเหมือนคนนั่งทำงานในออฟฟิศ 

 

 

“หา นี่มันเสื้อผ้าของแฟนฉันไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

“มีอะไรเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถามอวี๋หมิงหลาง 

 

 

“รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคุ้นๆ—” อวี๋หมิงหลางขับรถออกไปแล้ว เขาขับผ่านหลินเจ๋อกว่างกับผู้ชายวัยกลางคนที่สวมชุดนอนคนนั้น 

 

 

“เห้ย นี่มันเสื้อผ้าแฟนฉัน” ผู้ชายคนนั้นพูดอย่างตกใจ 

 

 

อวี๋หมิงหลางพอได้ยินแค่นั้นก็รู้สึกแปลกๆ เขาหันกลับไปมอง ผู้ชายคนนั้นกำลังคุยกับหลินเจ๋อกว่าง 

 

 

“ผิดปกติเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม 

 

 

อวี๋หมิงหลางหันกลับมา “เปล่า ผู้ชายคนนั้นคงถูกขโมยขึ้นบ้าน พอได้ยินเสียงเลยออกมา” 

 

 

เนื่องจากการที่รถเคลื่อนผ่านคนเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาทีนั้นอวี๋หมิงหลางได้ยินบทสนทนาไม่ชัด ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นจึงหายไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

เมื่อวิเคราะห์จากสถานการณ์ ผู้ชายที่เพิ่งออกมานั้นคงเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตึกนั้น เสื้อผ้าที่โจรขโมยออกมาก็คงเป็นของบ้านเขา พอได้ยินเสียงจึงเดินออกมาดู 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนถามขึ้นมาลอยๆ “ผู้ชายใส่แว่นคนนี้ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีก?” 

 

 

เวลานี้คนส่วนใหญ่กำลังอยู่ในห้วงความฝัน ด้วยเหตุนี้ขโมยจึงออกก่อเหตุ 

 

 

“ดูจากท่าทางเหมือนพนักงานออฟฟิศไม่ก็คนทำงานในองค์กร คนที่ทำงานแบบนี้ความเครียดสูง มีอาการนอนไม่หลับก็เป็นเรื่องธรรมดา” 

 

 

อวี๋หมิงหลางวิเคราะห์จากตอนที่เห็นผู้ชายคนนั้นเดินออกมา 

 

 

“แต่ผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่คนดีอะไร” 

 

 

คำพูดของอวี๋หมิงหลางทำให้เสี่ยวเชี่ยนสงสัย เธอหันไปมอง รถของเธอทิ้งห่างคนพวกนั้นไปไกลแล้ว มองผ่านกระจกไปเห็นไม่ชัดเท่าไร 

 

 

“นายดูจากตรงไหนว่าเขาไม่เหมือนคนดี?” 

 

 

“โจรที่ปีนหน้าต่างคนนั้นคงไม่ได้โกหก เขาเป็นมือใหม่เพิ่งออกก่อเหตุเลยยังไม่คล่อง ตอนปีนหน้าต่างเลยเสียงดัง ตอนที่ผมเข้าไปจับ หน้าต่างห้องนอนของผู้ชายคนนี้เปิดอยู่ ถ้าเขายังไม่หลับก็คงได้ยินเสียง” 

 

 

“นายเห็นผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอ?” 

 

 

“อืม ตอนจับโจรผมเหลือบมองเข้าไปในห้อง ผู้ชายคนนี้อยู่ชั้นสอง ห้องนอนอยู่ในตำแหน่งที่โจรปีนพอดี ไม่ได้ปิดม่าน เงาใหญ่เสียงดังขนาดนั้น ถ้าเขาสนใจ แค่ลุกขึ้นมาชะโงกหัวตะโกนก็หยุดโจรได้แล้ว แต่เขาไม่ทำ” 

 

 

แต่กลับเดินออกมาตามเสียงหลังจากที่ตำรวจมากันแล้ว เห็นได้ชัดว่าจงใจ 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนส่งเสียง หึ ออกมา “ในสังคมมีคนแบบนี้เยอะ เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองก็ไม่อยากยุ่ง ไม่มีอันตรายเขาก็ยังไม่กล้าตะโกน ถึงขนาดที่ของใช้ส่วนตัวของเมียถูกขโมยไปเขาก็ยังไม่กล้าเข้าไปห้าม บัดซบ” 

 

 

“ใช่ บัดซบ” อวี๋หมิงหลางเอาด้วย เขามองเศษเสื้อผ้าที่ถูกเสี่ยวเชี่ยนเก็บมากองรวมกันอย่างครุ่นคิด ทั้งหมดถูกนำมาใส่ไว้ในถุง 

 

 

“ชุดชั้นในของเมียผม นอกจากผมแล้วใครก็ห้ามดู เห็นไหมว่าผมใส่ใจแค่ไหน ไม่ได้ให้ต้ากว่างเดินเข้ามา ปกป้องสภาพหลังผ่านสมรภูมิของเมียไม่ให้คนอื่นเห็น” 

 

 

เขาไม่พูดก็ยังดีอยู่หรอก พอพูดเสี่ยวเชี่ยนก็โมโห ยื่นมือไปผลักเขา “ยังจะกล้าพูด คนทั้งโลกเขารู้หมดแล้วว่าเมื่อกี้พวกเราทำอะไรกัน” 

 

 

อวี๋หมิงหลางแอบน้อยใจ “ก็โทษคุณนั่นแหละ ผมบอกแล้วว่าอย่าข่วนผมคุณก็ไม่ฟัง นี่ทั้งทึ้งทั้งข่วน มีกัดด้วย” 

 

 

“นายยังจะมีหน้าพูดเรื่องนี้อีกเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนอยากจะเตะเขาจริงๆ 

 

 

“เอาล่ะๆ ผมไม่พูดแล้ว กลับไปทำต่อที่บ้านเถอะ เสียวเหม่ย นี่คุณสะเทือนใจเลยทั้งโกรธทั้งอายเลยเหรอ โอ๊ยตายๆ โรคย้ำคิดย้ำทำมันมาอีกแล้วใช่ไหม? เพื่อไม่ให้คุณทุกข์ทรมานจากโรคนี้ ผมใช้ร่างกายฉีดยาให้คุณอีกดีกว่า การรักษาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งรัก ซุปเปอร์การรักษาที่กำลังจะได้รางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ในอนาคต—โอ๊ย ผมขับรถอยู่นะอย่าหยิกสิ มันอันตราย” 

 

 

“ไอ้คนหน้าด้าน คนบ้าปากไม่มีหูรูด ไม่อยากโดนหยิกก็อย่าพูดจายั่วโมโหฉัน” 

 

 

“จริงๆนะ เสียวเหม่ยคุณอย่าเก็บไว้ ปล่อยให้มันกำเริบเลย กำเริบปุ๊บเดี๋ยวพี่รักษาให้~” 

 

 

“ไม่ จำ เป็น” 

 

 

สายลมยามค่ำคืนหอบเอาเสียงทะเลาะของทั้งสองคนลอยไปไกล เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าตัวกาลกิณีของโรคย้ำคิดย้ำทำเสพติดการล้างมือก็คือความหน้าด้าน อวี๋หมิงหลางแหย่เธอตลอดทางให้เธออาการกำเริบ เขาจะได้ฉีดยาให้ 

 

 

แต่คืนนี้ไม่มีโรคย้ำคิดย้ำทำ ไม่มีฝันร้ายที่ทำให้นอนไม่หลับ 

 

 

มีแค่ชายหญิงที่นอนกอดกันด้วยความรัก ไร้ความฝันตลอดคืน 

 

 

เช้าตรู่วันต่อมา ในขณะที่เสี่ยวเชี่ยนยังคงหลับลึก อวี๋หมิงหลางได้หยิบเหล้าขวดนั้นออกจากบ้าน 

 

 

เมื่อวานเสี่ยวเชี่ยนเจอเรื่องมากมายแต่ไม่เป็นอะไร ตอนที่จัดการเรื่องคนโรคจิตโทรมาเธอก็ใจเย็นมาก แต่หลังได้เหล้าราคาแพงจากเจ้าของร้านอย่างไม่มีเหตุผลอาการเธอก็กำเริบ 

 

 

อวี๋หมิงหลางไม่อยากให้เสี่ยวเชี่ยนไปเจอเจ้าของร้านพิลึกนั่นอีก ถึงจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เสี่ยวเชี่ยนอาการกำเริบ แต่เซ้นส์ของเขาบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับเหล้าขวดนี้ 

 

 

ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการให้เธอไปด้วย เขาขับรถไปที่ร้านอาหารร้านนั้นเพื่อคืนเหล้า พลางคิดว่าเดี๋ยวจะถามเจ้าของร้านว่าทำไมถึงได้ให้ของขวัญราคาแพงแบบนั้นกับเสี่ยวเชี่ยน 

 

 

พอไปถึงประตูเหล็กดัดได้ถูกดึงขึ้นไปแล้ว ผู้ชายร่างอ้วนคนหนึ่งกำลังถูพื้นอยู่ พอเห็นอวี๋หมิงหลางเข้ามาก็พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้น 

 

 

“ร้านเปิดสิบเอ็ดโมง ถ้าจะกินซาลาเปาอีกเดี๋ยวค่อยมา” 

 

 

“เจ้าของร้านนี้ล่ะครับ?” อวี๋หมิงหลางดูออก ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เขาตามหา 

 

 

ผู้ชายอ้วนคนนั้นเงยหน้า “ผมนี่แหละ มีธุระอะไรรึ?” 

 

 

“เจ้าของร้านคนเมื่อวานล่ะครับ?” อวี๋หมิงหลางถาม 

 

 

“เมื่อวาน? อ๋อ เมื่อวานผมมีธุระหยุดหนึ่งวันเลยให้เพื่อนมาเฝ้าร้านแทน” 

 

 

“เพื่อนคุณชื่อเซวียนหรือเปล่าครับ?” 

 

 

“มีธุระกับเขาเหรอ?” 

 

 

“เขาไปไหนแล้วครับ?” 

 

 

“ต่างประเทศ” 

 

 

“ต่างประเทศ? เขาทำงานอะไรเหรอครับ?” 

 

 

“ผมบอกคุณไม่ได้หรอก นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อนผม คุณมีธุระอะไรกับเขาหรือเปล่า?” 

 

 

อวี๋หมิงหลางมองถุงที่อยู่ในมือ ลูกเชี่ยนบอกว่าขวดใบนี้เป็นวัตถุโบราณของแท้ ของมีค่าแบบนี้ถ้าไม่เจอเจ้าตัวย่อมคืนให้ไม่ได้ 

 

 

“คุณมีวิธีติดต่อเขาไหมครับ หรือไม่ก็บอกผมได้ไหมว่าเขาจะกลับมาเมื่อไร?”