ตอนที่ 590 แก้ปัญหากับลาป่วย

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

“งั้นก็พูดยากละ เขาเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีอยู่ๆก็กลับมา ที่เขามาร้านผมก็เพราะอยากมาลองใช้ชีวิต” เจ้าของร้านตอบ 

 

 

“งั้นผมทิ้งเบอร์ติดต่อไว้นะครับ ถ้าเขากลับมารบกวนให้เขาโทรหาผมด้วย ฝากด้วยนะครับ” 

 

 

อวี๋หมิงหลางเดินออกจากร้าน เขามองถุงที่อยู่ในมือพลางครุ่นคิด 

 

 

คนแบบไหนกันที่ตั้งใจมาลองใช้ชีวิตในร้านขายโจ๊ก แถมยังแจกของราคาแพงแบบนี้ด้วย? 

 

 

แล้วทำไมเขาต้องพาลูกเชี่ยนมากินไกลขนาดนี้ด้วย? 

 

 

อวี๋หมิงหลางกลับไปที่รถ เขานั่งมองขวดเหล้าพลางคิดอีกสักพัก แล้วสมองก็ปรากฏภาพเหตุการณ์ 

 

 

นึกออกแล้ว ตอนที่เขาไปปรึกษาศาสตราจารย์หลิวเรื่องโรคกลัวการแต่งงาน ในตอนท้ายศาสตราจารย์หลิวได้พูดออกมา 

 

 

แถวนี้มีร้านโจ๊กที่เปิด24 ชั่วโมง ซาลาเปาน้ำไข่ปูของที่นั่นอร่อยมาก บอกให้เขามีเวลาก็พาเสี่ยวเชี่ยนไปบำรุง เสี่ยวเชี่ยนต้องทำงานดึกๆข้ามคืนบ่อยๆไม่ดีต่อร่างกาย 

 

 

ศาสตราจารย์หลิวแนะนำก็แสดงว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ส่วนผู้ชายที่ชื่อเซวียนคนนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ…หรือเปล่า 

 

 

เขารู้ว่าพอกลับถึงบ้านเสี่ยวเชี่ยนจะต้องถามเรื่องเหล้าขวดนี้อย่างแน่นอน อวี๋หมิงหลางไม่อยากให้เธอกลุ้มใจ ครั้นแล้วจึงตั้งใจขับรถไปหาพี่รองเพื่อให้เหล้าขวดนี้เอาไปวางประดับในห้องทำงาน 

 

 

รอจนผู้ชายที่ชื่อเซวียนโทรหาเขาเมื่อไรค่อยเอาไปคืน 

 

 

จากการวิเคราะห์เบื้องต้นผู้ชายคนนั้นไม่ได้มีท่าทีเป็นภัยต่อเสี่ยวเชี่ยน อย่างไรเสียการที่อยู่ๆเขาก็จับจ้องเสี่ยวเชี่ยน บางทีอาจเป็นสไตล์การใช้ชีวิตของคนมีเงิน เจอใครถูกใจก็เลยให้ของ 

 

 

อีกทั้งพออวี๋หมิงหลางนึกถึงตอนที่ได้คุยกับเซวียน ถึงเซ้นส์จะบอกว่าผู้ชายคนนั้นจะต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดา แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงเจตนาร้ายแอบแฝง 

 

 

ดังนั้นเรื่องนี้จึงถูกอวี๋หมิงหลางพักเอาไว้ก่อน 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนตื่นขึ้นมาก็เห็นอวี๋หมิงหลางกำลังทำกับข้าวแล้ว สิ่งแรกที่เธอทำคือถามเรื่องเหล้า 

 

 

“เหล้าขวดนั้นล่ะ?” 

 

 

“ผมเอาไปคืนแล้ว” 

 

 

“ตกลงเจ้าของร้านทำไปทำไม?” 

 

 

“คนนั้นไม่ใช่เจ้าของร้าน เป็นเพื่อนกับเจ้าของร้าน ดูเหมือนแค่อยากมาลองใช้ชีวิต อาจเพราะถูกชะตากับพวกเราก็เลยให้เหล้าก็ได้มั้ง คุณไม่ต้องคิดมาก ไม่มีอะไรหรอก” 

 

 

“งั้นคนชื่อเซวียนนั่นไปไหนแล้ว?” เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงกระดาษโน้ตที่ปรากฏพร้อมขวดเหล้านี้เมื่อชาติก่อน ในใจก็ยังคงสงสัย เธออยากไปคุยกับคนๆนั้นด้วยตัวเอง 

 

 

“คืนของเสร็จเขาก็ไปต่างประเทศแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร” 

 

 

อย่างนั้นเหรอ…เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกว่ามันแปลกๆ 

 

 

แต่มาคิดๆดู บางทีเธออาจคิดมากไปเองจริงๆ 

 

 

เธอไม่เคยเจอคนชื่อเซวียนมาก่อน ชาติที่แล้วก็ไม่เคยมีความทรงจำเกี่ยวกับคนๆนี้ ช่วงเวลาสั้นๆที่ได้คุยด้วยก็ไม่รู้สึกว่าเขามีเจตนาร้ายอะไร 

 

 

งั้นก็เป็นไปได้ว่าไม่ใช่เซวียนเป็นคนส่งเหล้าขวดนี้ให้เธอเมื่อชาติก่อน 

 

 

ถ้าคนๆหนึ่งสามารถเอาของมีราคาให้คนสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ไม่ว่าเขาจะรู้ราคาของขวดใบนั้นหรือไม่ ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเอง เขาให้เหล้าเธอก็อาจจะให้คนอื่นเหมือนกัน 

 

 

การเปลี่ยนมือของวัตถุโบราณนั้นเป็นเรื่องปกติ บางทีเมื่อชาติก่อนเซวียนอาจจะยกเหล้าให้คนอื่น หลังจากเปลี่ยนไปหลายมือถึงจะตกมาถึงเธอ อีกอย่างเมื่อชาติก่อนเธอเป็นบอสสาวที่ล่วงเกินคนไปตั้งมากมาย โดยเฉพาะคนในวงการเดียวกัน 

 

 

ไหนจะยังพวกคนรวยที่เธอรักษาจนหาย มีหลายคนที่สถานะค่อนข้างมีความพิเศษ เดิมทีเป็นโรคจิตเวชอย่างหนักคิดว่าไม่หายแล้ว แต่พอมาหาเสี่ยวเชี่ยนกลับรักษาหาย พอพวกเขาหายดีพวกคู่แข่งก็ยิ้มไม่ออก บางทีอาจเป็นคู่แข็งของคนไข้เสี่ยวเชี่ยนไม่พอใจเลยส่งเหล้าขวดนี้พร้อมกระดาษโน้ตมาให้เธอก็เป็นได้ 

 

 

หรืออาจจะเป็นคนไข้เมื่อชาติก่อนเล่นพิเรนทร์ ส่งเหล้ามาแกล้งเธอให้ตกใจเล่น แต่เสี่ยวเหวยเกิดเรื่องพอดี เหล้าขวดนี้เลยถูกมองว่านำพาโชคร้าย 

 

 

ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ต่อให้เป็นคนฉลาดแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้ความจริงได้ เสี่ยวเชี่ยนทำได้แค่วิเคราะห์ความเป็นไปได้จากข้อมูลที่มีอยู่ 

 

 

สุดท้ายเธอคิดว่าเหล้าขวดนี้กับเหล้าที่มาปรากฏตอนเวลาที่ไม่ใช่เมื่อชาติก่อนเป็นแค่เรื่องบังเอิญ และความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ผู้ชายชื่อเซวียนคนนี้นำพามาให้เธอก็เป็นแค่เรื่องเพียงชั่วคราว เรื่องที่คลุมเครือมาตั้งแต่เมื่อชาติก่อนนี้ได้ถูกเสี่ยวเชี่ยนพักเอาไว้ก่อน 

 

 

ผลจากการต้องทำงานดึกทำให้เวลาพักผ่อนของเสี่ยวเชี่ยนรวน ตีสองกว่ากลับถึงบ้านก็กลิ้งเล่นบนเตียงกับอวี๋หมิงหลางอีกสักพัก กว่าจะได้นอนก็เกือบตีสาม ตื่นมาอีกทีก็สิบโมงพอดี ข้าวมื้อนี้จึงเป็นทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวัน 

 

 

ระหว่างกินข้าวทางสถานีโทรทัศน์ก็โทรมาบอกให้เสี่ยวเชี่ยนไม่ต้องไปทำงานสามวัน 

 

 

เพราะเกิดเรื่องโรคจิตโทรมาก่อกวน ทางสถานีจึงตัดสินใจพักการออกอากาศรายการพาสเวิร์ดหัวใจสามวัน ให้เวลาเสี่ยวเชี่ยนได้ฟื้นฟูสภาพจิตใจ ซึ่งในช่วงเวลาสามวันนี้ก็ให้คนอื่นจัดรายการไปก่อน 

 

 

ตอนได้ยินแบบนั้นเสี่ยวเชี่ยนกำลังจะบอกว่าไม่จำเป็น เธอไม่ได้ตกใจกับสายก่อกวนของโรคจิตเพียงแค่นี้ อาจารย์กำหนดไว้ว่าเธอต้องฝึกงานที่นี่ให้เต็มหกสิบวัน ถ้าลาก็ต้องยืดออกไปอีก 

 

 

แต่เธอยังไม่ทันจะได้ตอบอวี๋หมิงหลางก็แย่งโทรศัพท์ไปแล้วรีบพูดขอบคุณ พร้อมทั้งยังแสดงตัวเป็นคนในครอบครัวบอกว่าเสี่ยวเชี่ยนตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อคืนตีสามกว่าถึงจะได้นอน 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนั่งฟังอยู่ข้างๆด้วยความหมั่นไส้ 

 

 

เห้ย เมื่อคืนที่เธอนอนดึกมันเป็นเพราะอะไรกันแน่? 

 

 

ไอ้คนหน้าด้านนี่เอาแต่บอกว่าโรคย้ำคิดย้ำทำของเธอกำเริบ บังคับฉีดยาโดยไม่สนว่าเธอขัดขืน ออกกำลังกายฉีดยาแบบนั้นเธอนอนได้ก็ผีแล้ว คนบ้านี่พูดโกหกได้หน้าตาเฉย ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือไง? 

 

 

“ครับ ผมรู้ว่ารายการนี้ยอดคนฟังเยอะ แต่ในฐานะของคนในครอบครัว ผมเห็นคู่หมั้นนอนไม่หลับแบบนั้นก็ปวดใจนะครับ…” อวี๋หมิงหลางทำตัวพลิ้วเป็นปลาไหลหลบมือเสี่ยวเชี่ยนที่กำลังจะหยิก ในที่สุดก็พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา 

 

 

“ผมเลยคิดว่าหยุดสามวันอาจไม่พอขอเพิ่มอีกสองวันได้หรือเปล่าครับ ให้เธอลาห้าวันเป็นไงครับ? พักผ่อนก็เพื่อให้มีแรงเดินไปได้ไกลกว่าเดิม ครับๆๆ ขอบคุณครับหัวหน้า สวัสดีครับ” 

 

 

พอวางสายก็ขยิบตาให้เสี่ยวเชี่ยน เป็นไง พี่สุดยอดเลยใช่ปะล่ะ 

 

 

วิธีลางานที่ถูกต้องคือทำแบบนี้ เขาทำให้เสียวเหม่ยได้วันลาอันมีค่าเพิ่มอีกสองวัน เพอร์เฟค 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกหมดแรง 

 

 

“ฉันตกลงกับอาจารย์ไว้ว่าจะทำหกสิบวัน นายลางานให้ฉันก็ต้องเพิ่มวันทำออกไปอีกนะ” 

 

 

งานน่าเบื่อแบบนี้ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยนรีบทำให้เสร็จไวๆเป็นดีที่สุด 

 

 

“รอผมกลับไปก่อนคุณค่อยทำสิ กว่าผมจะได้หยุดยาวแบบนี้คุณไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนผมเหรอ?” 

 

 

“งานนี้ก็แค่ทำตอนกลางคืนแปบเดียว นายก็อยู่กับฉันตลอดไม่ใช่หรือไง?” 

 

 

“ไม่ๆๆ มันต้องให้เวลากันทั้งสองคน พี่เห็นน้องอารมณ์ไม่ดี โรคย้ำคิดย้ำทำจะกำเริบได้ทุกเมื่อ—” 

 

 

“ฉันไม่ได้เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ฉันหายดีแล้ว นายอย่าคิดนะว่าช่วงไม่กี่วันนี้จะขังฉันไว้ในบ้านวันๆไม่ทำอะไรแล้วไปกลิ้งบนเตียงกับนายไม่หยุดเหมือนสัตว์น่ะ”