ภาคที่ 3 บทที่ 79 สหาย

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 79 สหาย

ตัวนำพลังต้นกำเนิดเป็นสิ่งประดิษฐ์ในยุคอาณาจักรอาร์คาน่า นับเป็นผลงานชิ้นเอกที่สรรค์สร้างขึ้นโดยเหล่าปรมาจารย์เครื่องกล

ในขณะที่เครื่องมือต้นกำเนิดนั้นคล้ายกับทักษะต้นกำเนิดที่สามารถจับต้องได้จริง ตัวนำพลังต้นกำเนิดก็สร้างขึ้นเพื่อควบคุมสสารต้นกำเนิด ใช่แล้ว เผ่าอาร์คาน่าค้นพบสสารต้นกำเนิดมาแล้วนับหมื่นปี เริ่มวิเคราะห์คุณสมบัติพื้นฐานและประโยชน์ของมันนับแต่นั้นมา

ข้อแตกต่างระหว่างตัวนำพลังต้นกำเนิดและเครื่องมือต้นกำเนิด คือการที่เมื่อมันกลายเป็นสิ่งของจับต้องได้ที่ใช้คุมสสารต้นกำเนิดโดยตรง พลังของมันจึงสามารถพัฒนาให้สูงขึ้นได้อีก

ด้วยเหตุนี้จึงมีตำนานว่าในยุคอาณาจักรอาร์คาน่ามีเครื่องมือต้นกำเนิดที่สามารถพัฒนาต่อยอดไปเรื่อย ๆ ได้อยู่

แต่จริง ๆ แล้วมันคือตัวนำพลังต้นกำเนิดต่างหาก

หลังอาณาจักรอาร์คาน่าล่มสลายไป ก็ไม่มีใครมีเนตรมองโลกจุลภาคหรือแบบสร้างตัวนำพลังต้นกำเนิดอีก เหลือเพียงเครื่องมือที่ใช้ควบคุมพลังต้นกำเนิดที่เรียบง่ายที่สุดอย่างเครื่องมือต้นกำเนิดเท่านั้น

ดังนั้นจนถึงตอนนี้ ก็ยังมีหลายคนที่เฝ้าฝันถึง ‘เครื่องมือต้นกำเนิดที่สามารถพัฒนาให้แกร่งขึ้นได้’ ในโลกยุคโบราณอยู่ แต่พวกเขาก็เชื่อว่ามันเป็นของที่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น

แต่ตอนนี้ฝันนั้นได้เป็นจริงด้วยสองมือของซูเฉินแล้ว

ความสำเร็จนี้มาจากทั้งความพยายามของเขาเองและคำชี้แนะของผ้าเท่อลั่วเค่อที่มีให้ไม่ขาด

“ตัวนำพลังต้นกำเนิด ? คือเจ้านี่เองหรือ ?” ซูเฉินพึมพำพลางจ้องมองถุงมือ

ผ้าเท่อลั่วเค่อหัวเราะ “แม้ข้าจะไม่ใช่ปรมาจารย์เครื่องกล ไม่รู้วิธีสร้างตัวนำพลังต้นกำเนิด แต่ข้าก็บอกได้ว่าเจ้านี่คือตัวนำพลังต้นกำเนิด ฝีมืออาจจะแตกต่างกัน แต่โดยเนื้อแท้แล้วก็เหมือนกัน ยินดีด้วยซูเฉิน เจ้าได้สร้างความรุ่งเรืองแห่งอดีตขึ้นมาใหม่ ฟื้นชีวิตให้กับวิชาที่หายสาบสูญไปแล้ว”

ชายหนุ่มหยิบถุงมือขึ้นมา เส้นคล้ายเส้นด้ายจากถุงมือพลันซอกเจ้ามาที่ข้อมือเขา แต่ครั้งนี้มันไม่คิดจะดูดพลังเขาจนร่างแห้งอีก ก่อนที่ซูเฉินจะรู้สึกได้ว่าเลือดในกาย พลังปราณ และพลังต้นกำเนิดนั้นเชื่อมต่อกับเส้นสายนี้ ราวกับถุงมือกลายเป็นส่วนขยายหนึ่งของร่างกายไปแล้ว เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับการใช้เครื่องมือต้นกำเนิดอย่างสิ้นเชิง

ใช่แล้ว ตัวนำพลังต้นกำเนิดนี้ก็เหมือนกับส่วนขยายของร่างกายมนุษย์ไงเล่า !

ตอนนี้ซูเฉินได้มีประบการณ์ตรงแล้ว

เพียงแค่คิด หลุมดำก็พลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือซ้ายของชายหนุ่ม

หลุมดำขยายออกเรื่อย ๆ เริ่มกลืนมือซ้ายซูเฉินไป จากนั้นลามไปทั่วแขนและทั่วร่าง

ไม่นาน ทั้งร่างซูเฉินก็ถูกความมืดมิดปกคลุม

ซ่อนเงา !

ซูเฉินสามารถใช้ซ่อนเงาขั้นสุดได้ในที่สุด แต่ที่ทำได้เพราะได้ถุงมือเข้าช่วย

หากแต่เขากลับพบว่าการใช้ตัวนำพลังต้นกำเนิดควบคุมวิชาซ่อนเงา ทำให้วิชาออกมาต่างกับที่กุยต้าซาน ฉางเอ้อร์ และคนอื่น ๆ ใช้ มันจะเริ่มจากมือก่อน ต้องใช้เวลาชั่วประเดี๋ยวจึงจะกลืนไปทั่วร่าง

แม้จะไม่นาน แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดแล้ว พลาดเพียงนิดก็พลิกสถานการณ์ได้ การหายตัวภายในพริบตาจะต้องกลายเป็นประเด็นใหญ่แน่

แต่ทว่าชายหนุ่มก็ทำอะไรไม่ได้ ด้วยที่เป็นเช่นนี้เพราะตัวนำพลังต้นกำเนิด ทำให้การใช้วิชาแตกต่างจากฉางเอ้อร์ และคนอื่น ๆ ที่ทั่วร่างสลักลายโทเทมโลหิตสลายไว้

ต่อมา ซูเฉินก็เผยกายออกจากความมืด จากนั้นชูมือซ้ายขึ้นอีกครั้ง มีแสงเร่าร้อนเรืองออกมา ก่อนเป็นเพลิงเงายักษ์ ที่เริ่มก่อรูปร่างขึ้นในฝ่ามือ

พริบตาต่อมา ซูเฉินก็ดับเพลิงเงายักษ์ลง

การใช้วิชาซ่อนเงาและเพลิงเงายักษ์ติดต่อกันเช่นนี้ใช้สสารเงาในถุงมือไปไม่น้อย แต่ค่ายกลภายในก็เริ่มทำงาน ดูดซับสสารเงาที่แผ่ออกมาในอากาศกลับเข้าไปดังเดิม

สสารเงาจะดูดซับได้ในสถานที่มืดมิดเท่านั้น ด้วยตอนนี้ไม่ใช่เวลากลางคืนจึงดูดซับมาได้ไม่ดีนัก ซูเฉินลองคิดคำนวณดู พบว่าหากใช้สสารเงาในถุงมือจนหมด จะต้องใช้เวลาถึง 3 คืนในการฟื้นคืนจนเต็มดังเดิม

การกักเก็บสสารได้ต่ำและการฟื้นคืนพลังช้าคือข้อบกพร่องของตัวนำพลังต้นกำเนิด

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สามารถพัฒนาต่อยอดไปได้อีก

การค้นคว้านั้นไร้ที่สิ้นสุด ชายหนุ่มคิดวางแผนก่อนลงมือพัฒนามันต่อ ด้วยเขาใช้ชีวิตเช่นนี้จนกลายเป็นวิถีชีวิตไปแล้ว

“โดยรวมแล้วก็ดีมาก” ซูเฉินเอ่ยเสียงพอใจ “ใช่แล้ว เรื่องการวิเคราะห์วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายของท่านไปถึงไหนแล้ว ?”

ซูเฉินสอนกฎแห่งบรูคให้ผ้าเท่อลั่วเค่อ เมื่อชายชราได้กฎนั้นมา ก็ถอนหายใจเอ่ยชมว่าเหมยอิงปู้ลู่เค่อนับเป็นอัจฉริยะวิชาโบราณอาร์คาน่าโดยแท้

มีอัจฉริยะเผ่าอาร์คาน่าอยู่มากมาย แต่พวกเขาต่างสูญหายไปกับกาลเวลาแล้ว เหลือไว้เพียงไฟแห่งปัญญาที่ไม่มีวันมอด

“เริ่มเห็นผลในขั้นแรกแล้ว” ผ้าเท่อลั่วเค่อเอ่ยตอบ เขาโบกมือมายาตนเอง ก่อนที่รูปแบบพลังต้นกำเนิดอันสลับซับซ้อนจะปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซูเฉิน

ผ้าเท่อลั่วเค่อจึงอธิบายซูเฉินถึงจุดประสงค์ของการเรียบเรียงและตัดทอนรูปแบบพลังต้นกำเนิดที่เขาลงมือไป

ซูเฉินฟังไปพยักหน้าไป เห็นได้ชัดว่าผ้าเท่อลั่วเค่อตั้งใจมาก

“ท่านทำได้ดีมากผ้าเท่อลั่วเค่อ แต่ข้าว่าวิธีของท่านยังรอบคอบมากเกินไป” ซูเฉินว่า

“รอบคอบ ?”

“ถูก อบคอบ อาทิเช่น ท่านดูตรงนี้” ซูเฉินชี้ไปที่รูปแบบพลังต้นกำเนิดส่วนหนึ่ง “รูปแบบนี้ใช้เพื่อคุ้มครองผู้ใช้ใช่หรือไม่ ? เอาออกไปก็ได้”

“การกระโจนฝ่ามิติเป็นภาระกับร่างกายมากแม้จะเคลื่อนที่ในระยะใกล้มากก็ตาม ชิ้นส่วนรูปแบบพลังต้นกำเนิดกว่าครึ่งในวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายมีขึ้นมาเพื่อปกป้องผู้ใช้ระดับต่ำ แต่เจ้าคิดจะปลดออกสักส่วนหนึ่งหรือ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อถามเสียงประหลาดใจ

“นั่นเพราะวิชาอาร์คาน่าไม่ได้ออกแบบมาให้มนุษย์ใช้ แต่มนุษย์มีร่างกายแข็งแกร่งกว่าเผ่าอาร์คาน่า ปลดออกสักหน่อยไร้ปัญหา ยามข้าใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรู้สึกมึนหัวมึนงงมาก่อน หมายความว่าวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายมีส่วนที่ปกป้องร่างกายข้ามากเกินพอ…… เกินพอก็คือสูญเปล่า ข้าเพียงต้องการให้วิชาใช้ได้รวดเร็วฉับไวและไกลขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่ให้ปลอดภัยกับร่างกาย”

“อ้อ” ผ้าเท่อลั่วเค่อลูบคาง “ก็สมเหตุสมผล เช่นนั้นข้าจะลองลดความซับซ้อนมันลงอีก หากเจ้าไม่กลัวว่าข้ามีใจคิดสังหารเจ้า”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ผ้าเท่อลั่วเค่อ ข้ามีคุณธรรมากพอ รู้ว่าใครมิตรใครศัตรู หากท่านยังทำงานได้ดี ต่อไปข้าจะลองหาร่างให้ท่านสักร่าง”

“เดี๋ยวนี้รู้จักใช้วิธีการหลอกล่อแล้วหรือ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อหัวเราะ

“ไม่หรอก เป็นคำสัญญาระหว่างสหายต่างหาก”

“สหาย” ผ้าเท่อลั่วเค่อทวนคำเขา

จากนั้นก็หัวเราะ “เราเป็นสหายกันแล้วหรือ ?”

“ใช่แล้วผ้าเท่อลั่วเค่อ เว้นเสียแต่ท่านไม่คิดอยากเป็น”

“ไม่ ข้าเต็มใจ ! ข้าย่อมเต็มใจเป็นสหายกับเจ้า ! ข้าเป็นผีมา 3 หมื่น 6 พันปี ตอนนี้มีสหายกับเขาสักคน อีกทั้งยังเป็นคนที่มีอนาคตไกลอีก ! ฮ่า ๆ เช่นนั้นซูเฉิน เจ้าอย่าเพิ่งตายเสียเล่า ข้าจะรอร่างที่เจ้ารับปากกับข้า”

“เช่นนั้นก็เป็นอันตกลง !” ซูเฉินตอบ