เขตท่องเที่ยวนี้มีถนนขึ้นเขา ถึงจะขับรถขึ้นได้ตามทางที่ไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ขับไปไม่ได้ถึงยอดเขา ไปได้แค่ครึ่งเขา แต่มันก็ใกล้จุดหมายปลายทางของพวกเขามากกว่า
ช่วงสองปีมานี้เนื่องจากมีละครแนวชนบทโด่งดังขึ้นมา รีสอร์ทในภูเขากับพวกฟาร์มต่างๆจึงเป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศ หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ได้สนับสนุนให้มีการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติท้องถิ่น จุดหมายปลายทางของเสี่ยวเชี่ยนกับอวี๋หมิงหลางในครั้งนี้คือฟาร์มที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเขตท่องเที่ยวภูเขาเสี่ยวเจียวที่ใช้เวลาขับรถไปชั่วโมงกว่า
ชาติที่แล้วเสี่ยวเชี่ยนไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่แห่งนี้ ฟาร์มชื่อดังในจินตนาการยังไงก็ต้องเป็นตึกหลังใหญ่โดดๆอยู่ในภูเขา สภาพแวดล้อมเงียบสงบสดชื่นมีสายน้ำไหลมีภูเขาโอบล้อม รถเข้าออกสะดวก เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง อีกทั้งอุปกรณ์ต่างๆก็มีความทันสมัย ทุกอย่างสะดวกสบาย
แผนของเธอคือขับรถขึ้นเขา พอถึงครึ่งทางไปต่อไม่ได้แล้วก็จอดรถไว้ที่ลานจอดรถ จากนั้นก็เดินขึ้นเขากับอวี๋หมิงหลางไปนิดหน่อย ไม่กี่สิบนาทีก็คงถึงจุดหมายปลายทาง
แต่กลับถูกเขาปฏิเสธความต้องการอย่างสิ้นเชิง
เหตุผลของเขาคือ การมาขึ้นเขาก็ต้องให้ความรู้สึกของการมาเที่ยวหน่อย ถ้าไม่ได้เหงื่อจะกล้าพูดเหรอว่ามาขึ้นเขา?
เขายังกล้าบอกเสี่ยวเชี่ยนอีกว่า ชั่วโมงเดียวก็ไปถึงจุดหมายแล้ว ปรากฏว่าตอนนี้ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่ถึง
เขาเป็นคนแบกกระเป๋ากับสัมภาระ เสี่ยวเชี่ยนกางร่มดูแลตัวเองก็พอแล้ว แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็ยังเหนื่อยเสียจนเหมือนขาจะหลุด
“อดทนหน่อยนะเบบี๋ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” อวี๋หมิงหลางยังคงดูสดชื่น ไม่ได้มีอาการเหนื่อยล้าเลยสักนิด
“ฉันไม่เดินแล้ว ฉันจะไม่เดินอีกแล้วแม้แต่ก้าวเดียว ไอ้คนหลอกลวง ไหนว่าชั่วโมงเดียวก็ถึงไง?” เสี่ยวเชี่ยนไม่สนเรื่องภาพลักษณ์อีกต่อไปแล้ว เธอหาก้อนหินใหญ่นั่งพักเป็นตายก็ไม่ขอขยับ
“ผมไม่ได้หลอกคุณนะ ถ้าตามความเร็วของพวกเรา ชั่วโมงเดียวนี่ถือว่าช้าแล้ว ใครจะไปคิดว่าคุณจะอ่อนแอขนาดนี้…”
พูดความจริงโดนทุบแน่นอน แล้วอวี๋หมิงหลางก็โดนทุบอย่างไม่ต้องสงสัย
เสี่ยวเชี่ยนเอาร่มตีเขา “ยังจะกล้าพูด ร่างกายผิดมนุษย์อย่างพวกนายเอามาเทียบกับฉันได้เหรอ?”
“เป็นเพราะปกติคุณไม่ออกกำลังกายชัดๆ ดูคุณสิ เดินสองก้าวพักสามนาที ความเร็วแบบนี้ฟ้ามืดพวกเราก็ยังไม่ถึงจุดหมาย”
“ฉันไม่เดินแล้ว นายอยากไปก็ไปคนเดียวเลย ฉันจะกลับบ้าน” อากาศร้อนๆแบบนี้พาตัวเองมาทรมานเหมือนคนเพี้ยน ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนผิดหวังจริงๆที่รับปากเขา
“เสียวเหม่ย รู้ไหมว่าทำไมผมพาคุณออกมาเที่ยว?”
“เพื่อทรมานฉัน?”
“ผิด เพราะความหมายของการท่องเที่ยวก็เหมือนกับชีวิตคู่ หนทางยาวไกลย่อมมีอุปสรรคเสมอ แล้วแค่เจออุปสรรคจะยอมถอยได้ยังไง?”
ปรัชญามาเต็ม พูดได้มีเหตุผลชนิดที่ไม่มีอะไรมาหักล้างได้
“งั้นฉันก็ไม่ควรมาตั้งแต่แรก” ให้เธอขลุกตัวเขียนงานอยู่ในบ้านเปิดดูคอลเลคชั่นเสื้อผ้าไม่ดีกว่าเหรอ ออกมาตั้งไกลแถมยังเหนื่อยจนแทบคลานมันเพื่ออะไรกัน
“ดูซิ คุณสุดโต่งแบบนี้อีกละ มา ดูวิวรอบๆนี่สิ เสียงน้ำตกไพเราะจับใจ เดี๋ยวพอถึงยอดเขานะพวกเราก็จะได้ดื่มด่ำกับท้องฟ้าอันสดใส ดินแดนสวรรค์อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา”
ต่อให้เขาจะบรรยายได้ดีแค่ไหน เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แต่เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่มีทางหลงไปกับอะไรแบบนี้
“นายแน่ใจว่าสภาพของฉันตอนนี้จะมีแรงอยู่รอดถึงแดนสวรรค์ที่นายพูดถึง?”
“มีคนบอกว่าก่อนแต่งงานทางที่ดีให้ไปเที่ยวด้วยกันครั้งหนึ่ง เรื่องนี้มีเหตุผลจริงๆ นี่ถ้าไม่พาคุณออกมาจากห้องแอร์ ผมคงไม่ได้เห็นท่าทางในตอนนี้ของคุณ”
ภาพของเสี่ยวเชี่ยนในความทรงจำของอวี๋หมิงหลางคือเป็นสาวทำงานเก่ง อารมณ์งี่เง่าแบบนี้เขาแทบไม่เคยเห็น
เสี่ยวเชี่ยนโมโหพองขน
“อวี๋หมิงหลาง ฉันจะไม่เดินแล้ว นายจะทำอะไรก็เชิญ” เสี่ยวเชี่ยนหรี่ตามองไปยังเส้นทางที่เดินยากขึ้นเรื่อยๆแล้วในใจก็เกิดความสงสัย
“นายแน่ใจว่าเราไม่ได้มาทางผิดนะ?” ทำไมยิ่งเดินคนยิ่งน้อยลง ยิ่งเดินทางยิ่งลำบาก?
ตอนซื้อตั๋วเธอได้ถามพนักงานของที่นี่ ภูเขาแห่งนี้ขับรถไปได้ถึงครึ่งทาง ทำไมเธอกับอวี๋หมิงหลางเดินกันมาตามทางกลับมาอยู่ตรงที่ที่ไม่เห็นมีใครเลยแบบนี้?
พอเห็นทางแคบๆคดเคี้ยวเดินลำบากที่อยู่ข้างหน้า เสี่ยวเชี่ยนก็หมดอารมณ์จะเดินต่อ
“คุณกำลังสงสัยความสามารถในการแยกทิศของทหารหน่วยรบพิเศษเหรอ? ตามพี่มาน้องจะหลงทางได้เหรอ? พวกเราเข้าไปฝึกในภูเขาบ่อยๆนะ การฝึกในเขตภูเขาเป็นหนึ่งในวิชาฝึกของเรา”
พูดด้วยน้ำเสียงแห่งความภูมิใจ~
“งั้นนายบอกฉันซิ ว่าทำไมทางแถวนี้ไม่มีคนเลย?” เสี่ยวเชี่ยนมองเขาด้วยความสงสัย
ถึงตอนนี้จะไม่ใช่วันหยุดเทศกาล คนที่มาเที่ยวมีไม่เยอะ แต่ก็คงไม่ถึงกับเดินมาหนึ่งชั่วโมงไม่เจอใครเลยไหม? ตอนเพิ่งเริ่มขึ้นเขานักท่องเที่ยวยังเยอะอยู่เลย
“ทุกคนต่างมีเป้าหมายขึ้นถึงยอดเขา แต่คนธรรมดานั้นรู้แต่ทางเดินขึ้นให้ถึงไวที่สุด มีหรือจะเข้าใจการดื่มด่ำของพวกเรา? เส้นทางนี้พี่เป็นคนตั้งใจเตรียมมาเอง เดินไปอีกหน่อยก็จะได้เห็นวิวเด็ดที่ไม่มีใครรู้ เดินถัดไปอีกนิดก็จะเจอน้ำตกที่แสนโออ่าใหญ่โต จากนั้นถ้าเดินต่อไป—”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ นายหมายความว่า นายพาฉันเดินอ้อมใช่ไหม?” เสี่ยวเชี่ยนที่ถนัดในการวิเคราะห์ปัญหาอย่างทะลุปรุโปร่งรู้ความจริงเข้าแล้ว
อวี๋หมิงหลางแก้ไขคำพูดเธอ
“ผมแค่ไม่เดินตามทางปกติ”
เดินตามทางที่ทุกคนไปกันจะสนุกอะไร?
นี่ดีจะตาย รู้สึกเหมือนเป็นภูเขาส่วนตัว มีแค่เธอกับเขาท่ามกลางความเขียวชอุ่ม นี่แหละการท่องเที่ยวที่แท้จริงในสายตาของอวี๋หมิงหลาง
เสี่ยวเชี่ยนอยากจะหักคอเขาให้ตาย
“อวี๋ เสี่ยว เฉียง งั้นก็หมายความว่ามันควรจะไปถึงได้แล้ว แต่นายพาฉันอ้อมเขา นายหลอกให้ฉันเดินเป็นคนโง่มาตั้งนาน แม่งเอ๊ย ที่นี่ไม่มีสัญญาณ”
เสี่ยวเชี่ยนหยิบมือถือออกมาดูก็พบว่าไม่มีสัญญาณแม้แต่ขีดเดียว
ต่อให้ตอนนี้อยากเรียกรถลงเขาก็ทำไม่ได้ ติดอยู่ตรงที่ครึ่งๆกลางๆแบบนี้ ชีวิตอันชาญฉลาดของเธอ ไม่สิ ชีวิตอันชาญฉลาดทั้งสองชาติของเธอไม่เคยทำเรื่องโง่ๆแบบนี้มาก่อนเลย ทำไมพอเจอเขา ไอคิวของเธอก็เจอกับการท้าทาย?
“ลูกเชี่ยน เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วคุณจะบ่นก็ดี จะไม่ยินยอมก็ช่าง แต่พวกเราเดินกลับไม่ได้แล้ว ขอแค่คุณเดินตามผมไปก็พอ การบ่นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา เวลาเกิดเรื่องเราต้องคิดหาวิธี หนีไม่ได้พวกเราก็ดื่มด่ำกับวิวไปสิ”
อวี๋หมิงหลางพยายามโน้มน้าวอีกรอบ อารมณ์ของเสี่ยวเชี่ยนพุ่งมาถึงขีดสุดแล้ว
เธอกระโดดลงจากก้อนหินแล้วถีบอวี๋หมิงหลางเต็มแรง
“ไปดื่มด่ำคนเดียวเลยไป”
รู้อยู่แล้วว่าเสียวเหม่ยต้องอาละวาด เมื่อต้องเผชิญกับใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของเสี่ยวเชี่ยนเขาก็ไม่ได้ตกใจลนลาน ถึงขนาดที่ว่าภูมิใจด้วยซ้ำ
เขาคิดแผนสำรองไว้อยู่ก่อนแล้ว เชื่อว่าเสียวเหม่ยจะต้องชอบเขามากขึ้นอย่างแน่นอน หึหึ
แผนการรักษาของศาสตราจารย์หลิวก็คือให้อวี๋หมิงหลางพาเสี่ยวเชี่ยนมาขึ้นเขาอันนี้ไม่ผิดแน่
แต่เรื่องเปลี่ยนเส้นทาง เลือกทางที่เดินยากไม่ค่อยมีคน ทำให้เสี่ยวเชี่ยนโมโห ทดสอบความอดทนของเสี่ยวเชี่ยน ทั้งหมดนี้อวี๋หมิงหลางคิดเองทั้งนั้น
ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนจะระเบิดอารมณ์แล้ว อวี๋หมิงหลางจึงใช้ไม้เด็ด