ตอนที่ 138 ช่วยเปลี่ยนรูปมีด

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

จูหลินพิมพ์กลับไปทันที “ไสหัวไปๆๆๆ…”

จูหลินเห็นว่าทำอะไรฟางเจิ้งไม่ได้ กระทั่งอีกฝ่ายไม่มีพิรุธเผยธาตุแท้อะไรเลย พลันเกิดความรู้สึกพ่ายแพ้ ทว่าก็ไม่ยอม ชนฟางเจิ้งอีกครั้งจนฟางเจิ้งไม่พอใจเล็กน้อย สีกาท่านนี้ ไม่มีอะไรจะมาชนอะไรกันนักหนา? ไม่มีมารยาทรึไง?

แต่ไม่ได้เอ่ยออกไป เพียงแค่มองจูหลินอย่างจนปัญญา

จูหลินกล่าว “ไต้ซือ ขอถามหน่อยสิ”

ฟางเจิ้ง “อุบาสิกา ถามมา ถ้าอาตมารู้จะตอบ แต่อาตมาเรียนรู้มาน้อย มีหลายสิ่งที่ยังไม่รู้”

จูหลินไม่สนคำพูดข้างหลังของฟางเจิ้ง พูดยิ้มๆ “ท่านว่ายังไงกับเรื่องพระถังซัมจั๋งกว่าจะสำเร็จพระอรหันต์ต้องเดินทางไปเอาพระไตรปิฎกอย่างยากลำบาก แต่ราชาปีศาจกระทิงจะสำเร็จพระอรหันต์ แค่วางดาบก็สำเร็จแล้ว ทำไมคนดีสำเร็จพระอรหันต์ยากจัง? แต่ทำไมคนเลวถึงง่ายขนาดนั้น? ท่านว่าเท่าเทียมกันเหรอ?”

ฟางเจิ้งไม่นึกเลยว่าจูหลินจะถามแบบนี้ ตอนแรกคิดว่าเธอจะพูดไร้สาระต่อซะอีก

ฟางเจิ้งยังไม่ทันตอบ พลันมีคนกล่าวขึ้นมาข้างหลัง “ก็เขาถือดาบมาด้วยนี่ เป็นเธอจะกล้าจู้จี้จุกจิกกับเขาเหรอ ถึงบอกให้วางดาบลงก่อนค่อยคุยกันไง…”

ฟางเจิ้งหงุดหงิดแล้ว

มีคนกล่าวต่ออีกทันที “ราชาปีศาจกระทิงไปหาพระยูไลแล้วพูดว่า ‘ฉันจะสำเร็จพระอรหันต์ได้ไหม?’ พระยูไลตอบว่า ‘พวกเราวางดาบกันลงก่อน ค่อยๆ คุยกัน…’ ”

สองคนพูดแทรกมา หัวข้อคำถามพลันบิดเบี้ยว คนในรถก็พากันจินตนาการตาม

“ไม่อยากถูกฆ่าเลยให้เขาวางดาบลง”

“ดาบอยู่ในมือ ใครจะกล้าไม่ให้นายสำเร็จพระอรหันต์?”

………

ฟางเจิ้ง จูหลินมองตากันแล้วอึ้งไป พวกยอดฝีมือแต่งเรื่องตลกอยู่บนรถหมดแล้ว!

พอมีคนพูดแทรกแบบนี้ สองคนจึงคุยกันไม่ได้ ประกอบกับรถแล่นเข้าอุโมงค์เลยไม่มีสัญญาณ จูหลินเห็นว่าไม่ว่าจะแหย่ฟางเจิ้งยังไง อีกฝ่ายก็จะยิ้มอบอุ่นและนอบน้อม รักษาระยะห่างตลอดเวลา จึงไม่มีอารมณ์หยอกล้อฟางเจิ้งต่อ เลยนอนหลับไป

รถแล่นออกจากเขตเมือง เริ่มมีคนขึ้นรถมาเรื่อยๆ คนมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟางเจิ้งพิงอยู่ข้างหน้าต่าง ตรึกตรองถึงภาพหลังไปวัดเมฆาขาว น่าเสียดายไม่เคยไป ได้แต่นึกถึงเรื่องลามก

ตอนนี้เองมือข้างหนึ่งยื่นเข้ามาเงียบๆ คลำที่กระเป๋าถือใบเล็กข้างจูหลิน

ฟางเจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองเห็นชายร่างกำยำกำลังมองเขาเหมือนกัน ดวงตาถลึงโตราวกับดวงตาวัว ปาดมือตรงปาก วางมาดว่าฉันโหดมากพร้อมพูดเบาๆ “ดูวิวข้างนอกไป!”

ฟางเจิ้งเข้าใจทันทีว่าเจอกับโจรเข้าแล้ว! แถมยังเป็นโจรที่โหดมากด้วย! มองไปรอบๆ บางคนหลับ บางคนขวางอยู่ข้างชายร่างกำยำ ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นทางนี้ เห็นได้ชัดว่านี่ทำกันเป็นขบวนการ!

“มองวิวข้างนอก!” ชายร่างกำยำกล่าวอีกครั้ง

ฟางเจิ้งมองจูหลินที่ยังคงหลับพลางถอนหายใจ ประนมสองมือ “อมิตาพุทธ โยมเบาเสียงหน่อย อย่ารบกวนฝันหวานคนอื่น”

“ไอ้ห่าไม่เข้าใจภาษาคนรึไงวะ? หันไป ไม่อย่างนั้นฉันจะหั่นแกซะ!” ชายร่างกำยำทำหน้าโหดกว่าเดิม ขณะเดียวกันยังควักมีดปลายแหลมออกมาตวัดตรงหน้าฟางเจิ้ง

ในมุมมองชายร่างกำยำ ปกติถ้าเรื่องเป็นแบบนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายโหดหรือไม่ก็ควรจะหันหน้าไปอย่างว่าง่าย ชื่อฟังทำตาม โดยเฉพาะเณรขาวอ่อนเยาว์แบบนี้ ไม่ควรจะกล้าขัดขืนหรือสร้างปัญหาสิ

ทว่ามือขาวสะอาดยื่นออกมา จากนั้นคว้าคมมีดปลายแหลมภายใต้สายตาตะลึงงันของเขา!

“แกจะทำอะไร?!” ชายร่างกำยำถามไปโดยจิตใต้สำนึก

“อมิตาพุทธ ไม่มีอะไร มีดนี่ไม่สวย เลยจะช่วยเปลี่ยนรูปให้” ฟางเจิ้งออกแรงบีบเล็กน้อย…

“ปล่อยมือ! ถ้าไม่ปล่อยฉันจะแทงแกให้ตาย!” ชายร่างกำยำถลึงตามองด้วยความโมโห พูดข่มขู่เสียงเบา

ฟางเจิ้งยิ้มเล็กน้อย “อมิตาพุทธ”

ฟางเจิ้งคลายมือออกเบาๆ ชายร่างกำยำตาค้าง มีดปลายแหลมที่ซื้อมาจากอินเทอร์เน็ต เป็นงานฝีมือดั้งเดิมยี่สิบห้าแขนง หลอมขึ้นมาจากเหล็กดั้งเดิม มีมูลค่าสูงมากกลับกลายเป็นขนมหมาฮวา[1]แล้ว!

“นะ…นี่…” ชายร่างกำยำมองหลวงจีนที่ยังคงหัวเราะ พูดไม่ออก ริมฝีปากสั่นไหว

“หูจื่อแกทำอะไรอยู่? เร็วๆ สิ” คนร่างผอมสูงอีกคนข้างๆ พูดเบาๆ โดยไม่หันมามอง

หูจื่อตอบกลับเศร้าๆ “เอามีดนายมาให้ฉันลองหน่อย”

“หมายความว่าไง? นายก็เอามาไม่ใช่เหรอ? พวกเราเป็นโจรนะ แค่ขู่ให้กลัวก็พอแล้ว นายจะแทงคนจริงๆ รึไง…” คนผอมสูงกดเสียงเบาลงพูดข้างหูหูจื่อ

“ฉันเอามา แต่ฉันสงสัยว่าจะเป็นมีดปลอม ไอ้พ่อค้าหน้าเลือดนั่นให้มีดปอกแตงโมฉันมา…” หูจื่อพูดจบก็ยัดมีดขนมหมาฮวาให้คนผอมสูง

คนผอมสูงรับไปดูก็ตกใจจนแทบกระโดด ดีที่รู้สึกตัวเร็ว จึงตะโกนคำพูดที่อยู่ตรงริมฝีปากในใจแทน ‘นี่มันห่าอะไรวะเนี่ย’

คนผอมสูงส่งมีดปอกแตงโมให้หูจื่อ หูจื่อจึงชี้ฟางเจิ้งอีกครั้งพร้อมพูดเหี้ยมๆ “แน่จริงแกก็บีบให้เป็นขนมหมาฮวาอีกสิ!”

สิ้นเสียง ดวงตาพร่าเลือน มีดไปอยู่ในมือเณรตรงหน้าแล้ว จากนั้นเณรยิ้ม ออกแรงสองมือบีบ!

เอี๊ยด เสียงโลหะบิดเบี้ยวดังขึ้น จากนั้นมีดปอกแตงโมกลายเป็นขนมหมาฮวา ก่อนเณรจะยัดใส่มือหูจื่ออีกครั้ง ยิ้มน้อยๆ “โยม ยังต้องการอะไรอีกไหม? หรืออยากได้เป็นเงื่อนผีเสื้อ?”

“คนขับรถ! จอดรถ! ฉันจะลง!”

“ร้องอะไรวะ จะมาลงรถอะไรในป่าเขาแบบนี้?”

“จอด จอด! ฉันจะลง! ถ้าไม่จอด ฉันจะใช้ขนมหมาฮวานี่แทงแกให้ตาย!”

“เอี๊ยด…”

รถโดยสารทางไกลจอดข้างทาง จากนั้นชายสามคนวิ่งลงรถไปอย่างคลุ้มคลั่ง วิ่งมั่วซั่วไปในทุ่งนากลางหิมะ ราวกับเป็นวัยหนุ่มสาวที่ผ่านไป

คนขับรถเพิ่งได้สติกลับมา ขนมหมาฮวาแทงคนตายได้ด้วยเหรอ? ไอ้พวกนี้ล้อเล่นกันรึไง?

ฟางเจิ้งเห็นดังนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย พิงข้างหน้าต่าง หรี่ตาลงงีบไป ส่วนการเปลี่ยนใจโจรพวกนั้น? เขาก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะ การดึงพวกเข้าเข้าฝันแล้วรถโยกเยก มันยากจะรับประกันความปลอดภัยให้ได้…เลยได้แต่ทำแบบนี้

แต่ทุกคนไม่มีใครรู้ เด็กสาวข้างๆ ลืมตาเล็กน้อยแล้ว จากนั้นถอนหายใจยาวโล่งอก…ที่แท้จูหลินไม่ได้หลับ แต่ตกใจไม่กล้าขยับ คิดว่าจะมีคนมาฮีโร่มาช่วยหญิงงามหรือไม่ก็ยอมให้ปล้นไปเลยแกล้งหลับ

แต่เธอไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นภาพที่น่าตกใจมาก ใช้มือบิดมีด? นี่…มหัศจรรย์ไปรึเปล่า เป็นไปได้หรือ?

ตอนนี้เองเสียงคนขับรถดังขึ้น “ทุกคนดูว่ามีของอะไรหายไหมนะครับ ถ้ามีให้รีบแจ้งตำรวจ พวกเขายังไปไม่ไกล”

“เวร คนขับรถนายรู้ว่าพวกนั้นเป็นโจร แต่ทำไมไม่บอกล่ะ?” มีคนบนรถโวยขึ้นมา จากนั้นทุกคนก็เริ่มตรวจสิ่งของ

“ทำไมผมไม่บอกแต่แรก? ผมวิ่งเส้นนี้ทุกวัน เจ้าพวกนี้ถูกจับเข้าคุกและปล่อยออกมาแล้ว ปล่อยออกมาก็จับเข้าไปอีก ไปๆ มาๆ เส้นนี้ ถ้าผมบอกผมก็ไม่ต้องขับรถแล้วมั้ง? อีกอย่าง ตอนที่พวกเขามา ผมประกาศให้ระวังแล้วไม่ใช่เหรอ?” คนขับรถไม่พอใจ

ทว่ามีคนพอใจ

“ศิษย์พี่อู้หมิง สำเร็จแล้ว! จัดการทุกอย่างเรียบร้อย แค่ฟางเจิ้งไปท่าเรือวัดเมฆาขาว รับรองว่ามันได้เข้าใจแน่ว่าอะไรที่เรียกว่าผู้อื่นยิ่งใหญ่แต่ตนต่ำต้อย!” หงเสียงพูดผ่านโทรศัพท์

อู้หมิงพยักหน้าอย่างพอใจ “ทำดี หึหึ ครั้งนี้มันได้เห็นดีกันแน่”

…………………….

[1] ขนมหมาฮวา ทำจากนวดแป้งและทอดแบบง่ายๆ เหมือนปาท่องโก๋ ลักษณะเป็นเกลียว กรอบและแข็ง เนื้อแน่น