ทุกคนได้ยินดังนั้นก็พูดไม่ออก คนขับรถทำถึงขนาดนี้ก็ถือว่าไม่เลวแล้วจริงๆ จึงไม่ได้พูดอะไร

ดีที่หลังทุกคนตรวจทรัพย์สินของตนแล้วไม่มีอะไรหายเลยวางใจ ก่อนทุกคนจะสนทนากันว่าทำไมโจรพวกนั้นยังไม่ได้อะไรก็หนีไป? ไม่พูดอะไรสักคำ ไม่มีใครรู้เรื่องมีดเป็นขนมหมาฮวา

คึกคักแบบนี้ไป คนที่หลับก็ไม่กล้าหลับแล้ว ต่างเบิกตาโต พอไม่มีอะไรทำก็เริ่มคุยโม้ไปเรื่อยเปื่อย คึกคักตลอดทาง

ยามเย็น ในที่สุดรถก็มาถึงพื้นที่อำเภอไป๋อวิ๋น จากอำเภอไป๋อวิ๋นไปนี้ง่ายแล้ว มีรถไปโดยเฉพาะ

ฟางเจิ้งลงรถก็งงเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยว่าควรจะไปยังไงต่อ

ตอนนี้เองมีเสียงคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง

“ไต้ซือจะไปไหนคะ? วัดเมฆาขาวเหรอ?”

ฟางเจิ้งหันไปมองก็เห็นจูหลินแบกกระเป๋าเล็กสีดำข้างหลัง สวมที่ครอบหูขนสัตว์สีชมพูยิ้มมองเขา เพียงแต่ว่าตอนนี้สวมกางเกงขายาวแล้ว ดูน่าจะอบอุ่นมาก

ฟางเจิ้งเห็นแบบนั้นก็หัวเราะในใจ ‘ที่แท้เธอก็กลัวหนาวนี่…’ แต่เอ่ยไปว่า “อมิตาพุทธ อาตมาจะไปวัดเมฆาขาว อุบาสิกามีอะไรรึเปล่า?”

“บังเอิญจัง ถ้าไปวัดเมฆาขาวต้องไปท่าเรือเมฆาขาวก่อน ท่าเรือเมฆาขาวเป็นบ้านเกิดฉันเอง ฉันก็จะไปเหมือนกัน ไปด้วยกันไหมคะ?” จูหลินถาม

“อ๋อ ขอบคุณอุบาสิกามาก อาตมาไปเองดีกว่า” ฟางเจิ้งรู้สึกว่าจูหลินพึ่งพาไม่ได้ วันๆ เอาแต่เล่น มองยังไงก็ไม่เหมือนเป็นห่วงเขา ผู้หญิงคิดไม่ซื่อแบบนี้ควรรักษาระยะห่างถึงจะถูก

“ไต้ซือ ท่านมั่นใจนะว่าจะไม่ไปด้วยกัน? ฉันจะบอกให้ อำเภอไป๋อวิ๋นเป็นเมืองที่ต้อนรับแขกดีมาก ท่านเห็นรถแท็กซี่แถวนั้นไหม?” จูหลินชี้ไปยังรถแท็กซี่

ฟางเจิ้งพยักหน้า จะไม่เห็นได้ด้วยเหรอ? เขายังสำนึกเสียใจเลยที่ไม่มีเงิน ถ้าไม่อย่างนั้นคงต้องฟุ่มเฟือยแล้ว

จูหลินกล่าว “ไต้ซือ ถ้าท่านไม่มีเงินพันแปดร้อยก็อย่านั่ง รถนี่มีปัญญาถ้าไม่บอกให้ดีนะ ถ้าท่านไปใกล้ๆ เขาจะพาอ้อมเมืองสามรอบ แล้วก็พูดสวยๆ ว่าพาท่านชมวิว ถ้าไม่ได้เงินหลายร้อยหยวนก็จะไม่ยอมให้ลง”

ถึงฟางเจิ้งจะไม่เคยออกมาไกล แต่ก็มีมือถือ อ่านข่าวทุกวัน แน่นอนว่าเข้าใจความหมายของจูหลิน เข้าใจว่าพวกนี้เป็นรถมืดทั้งหมด!

จูหลินเอ่ยต่อ “แล้วยังมีโรงแรมอะไรพวกนี้อีก ถ้าท่านไม่คิดว่าเป็นคุ้นเคยท้องถิ่น ห้องละร้อยหยวนท่านต้องจ่ายสามถึงห้าร้อยหยวน! แล้วก็นะ ถ้าไปวัดเมฆาขาวจะต้องไปร่วมพิธีสวดมนต์เพื่อสิริมงคลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิแน่ๆ ตอนนี้เป็นช่วงที่คนเยอะมาก นักท่องเที่ยวก็เยอะ ดังนั้นของทุกอย่างขึ้นราคาหมด โดยเฉพาะที่พัก เฮ้อ…สามถึงห้าร้อยหยวนถึงพักโรงแรมได้ ท่านต้องขอบคุณพระพุทธองค์ล่ะนะ”

ฟางเจิ้งยิ่งฟังยิ่งรู้สึกผิดปกติ ทำไมรู้สึกว่าจูหลินจะบอกว่าอำเภอไป๋อวิ๋นไม่มีคนดีเลย?

จูหลินเห็นฟางเจิ้งระแวงเหมือนจะกลัวๆ เล็กน้อย เลยรู้ว่าคำพูดโกหกของตนได้ผล จึงคิดในใจอย่างภูมิใจ ‘ทำไมฉันฉลาดอย่างนี้! เสียดายไม่ได้เป็นนักแสดง ไม่อย่างนั้นคงได้รางวัลออสก้ามาหลายอันแล้ว…’

“ไต้ซือ ฉันบอกสิ่งที่ควรจะบอกแล้วนะ ท่านอย่าคิดว่าฉันหลอกเลย ฉันเห็นหมดแล้วที่ท่านทำบนรถ ฉันขอบคุณจริงๆ เลยชี้ทางให้ ไม่อย่างนั้นฉันที่เป็นดาวไลฟ์สดหาเงินได้หลายร้อยหยวนทุกนาทีจะหยุดไลฟ์สดแล้วลากหลวงจีนอย่างท่านมาคุยทำไม?” จูหลินพูดเสริม

ถึงยังไงฟางเจิ้งก็ยังอ่อนต่อประสบการณ์ทางสังคม เขานึกถึงสถิติที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเล็กน้อยจากในอินเทอร์เน็ต ก็เลยเชื่อคำพูดจูหลิน ที่สำคัญที่สุดคือถึงเขาจะมีเงิน แต่เงินส่วนใหญ่เป็นเงินจุดธูป! และกฎของระบบคือเงินจุดธูปใช้ซื้อของทางโลกไม่ได้!

ดังนั้นเงินติดตัวเขาจึงใช้ได้ไม่มาก ซื้อตั๋วรถก็เป็นขีดจำกัดแล้ว! กระทั่งยังขบคิดว่าขากลับจะต้องเดินกลับหรือไม่…

“ไต้ซือ ท่านเก่งขนาดนี้จะกลัวอะไร? หรือกลัวฉันจับท่านกิน? วางใจเถอะ บ้านฉันมีพ่อแม่นะ ต่อให้ฉันจะกินท่านจริงๆ อย่างน้อยก็ต้องหาถ้ำแมงมุมนั่นแหละ…” จูหลินหมดคำจะพูด นี่เป็นครั้งแรกที่ชวนคุย เป็นครั้งแรกที่เชื้อเชิญเพศตรงข้าม ไม่อยากเชื่อว่าจะเหนื่อยขนาดนี้ เธอสาบานว่าจากนี้จะไม่ชวนเพศตรงข้ามคุยก่อนอีก! นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอควรทำ!

ฟางเจิ้งได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะ แล้วกล่าวยิ้มๆ “อมิตาพุทธ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนโยมแล้ว”

นักบวชออกมาอยู่ข้างนอก บิณฑบาตหรือที่พักไม่ใช่ปัญหา เขาแค่กังวลว่าจะถูกจูหลินกินก็เท่านั้น ถ้าอีกฝ่ายจะเอาจริงๆ เขาจะตะโกนเสียงดังว่าปีศาจจงตาย แต่ถ้าตบเธอทีเดียวตายล่ะ? หรือจะนอนสวดมนต์ ยอมโดนเงียบๆ? นี่ก็เป็นปัญญาอีก…

จูหลินได้ยินก็ดีใจ เรียกฟางเจิ้งให้เดินออกไปนอกสถานีรถ แล้วเรียกรถแท็กซี่มา

ฟางเจิ้งงง ถามไปว่า “โยม นี่…”

“ไม่เป็นไร ฉันเป็นคนพื้นที่! อืมๆ?!” จูหลินยักคิ้วด้วยท่าทางขบขัน เหมือนกับปีศาจที่ใช้อุบายหลอกพระถังซัมจั๋งเข้าไปในถ้ำหลายส่วน

ฟางเจิ้งยิ้มแห้ง กล่าวในใจ ‘เธอเป็นผู้หญิงยังไม่กลัว ฉันจะกลัวอะไร? สถานการณ์แปลกๆ ต้องรีบชิ่งแล้ว’

คิดได้ดังนั้นฟางเจิ้งเข้าไปนั่ง เป็นครั้งแรกเลยที่นั่งแท็กซี่ ความรู้สึกแรกคือเบาะนั่งนุ่มมาก พิงหลังก็สบายสุดๆ แต่คุณภาพอากาศแย่เล็กน้อย…

รถแท็กซี่ขับไปท่าเรือเมฆาขาว ทว่าตอนที่มาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านเมฆาขาวข้างๆ ท่าเรือ จูหลินพลันร้องขึ้น “จอด จอด จอด!”

หลังจากรถจอด จูหลินจ่ายเงิน จากนั้นเปิดประตูรถพุ่งลงไป

ฟางเจิ้งลงรถตามด้วยสีหน้าสงสัย หางตาเห็นแบงก์สีแดงสองใบในมือคนขับแท็กซี่! เจ้านี่นี่ นั่งแปบเดียวสองร้อยหยวนเลยเหรอ? ฟางเจิ้งแอบดุนลิ้น ทั้งยังสาบานว่าจากนี้จะไม่นั่งแท็กซี่อีก เว้นแต่จะมีคนออกเงินให้! แพงเกินไปแล้ว!

“แม่! มายังไงเนี่ย?” จูหลินลงรถก็เห็นตรงว่าทางเข้าหมู่บ้านมีผู้หญิงยืนอยู่คนหนึ่ง จึงตะโกนพลางวิ่งเข้าไป

ฟางเจิ้งช่วยจูหลินถือสัมภาระเดินตามไป

“แม่มีลางสังหรณ์ว่าลูกสาวแม่จะกลับบ้าน เลยมารอที่ทางเข้าหมู่บ้าน ไม่นึกเลยว่าลางสังหรณ์จะแม่นจริงๆ! ฮ่าๆ กลับมาก็ดี แล้วท่านนี้ใคร?” ผู้หญิงคนนี้สวมเสื้อผ้าเรียบง่าย เส้นผมสีขาวดอกเลาบางๆ ดวงตาขุ่นมัวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าดวงตาไม่ค่อยดี อย่างน้อยฟางเจิ้งที่หัวโล้น สวมจีวรอยู่ไกลๆ เธอก็ยังเห็นไม่ชัด

“นี่ไต้ซือที่จะไปร่วมพิธีสวดมนต์ที่วัดเมฆาขาวที่หนูเจอระหว่างทาง หนูเชิญให้เขามาพักที่บ้านเราด้วย แม่ แม่เชื่อพุทธศาสนาที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ หนูเชิญไต้ซือท่านนี้มาให้แม่ด้วย ไหนจะพูดขอบคุณหนูยังไงนะ? เอาล่ะๆ ไม่พูดแล้ว รีบกลับบ้านกัน หนูหิวจะแย่ แม่ แม่ทำอะไรอร่อยๆ ไว้รึเปล่า?” จูหลินพูดและเริ่มวิ่งกลับบ้านไป

ฟางเจิ้งเดินเข้ามาแสดงความเคารพ “อมิตาพุทธ อาตมาฟางเจิ้ง สวัสดีอุบาสิกา”

………………