เล่มที่ 6 บทที่ 177 เจ้าเชิญมาเจ้าก็ทำอาหารเอง

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ท่านลุงสี่ไปในตัวเมืองแต่เช้า ซื้อเนื้อหมูมาสองจิน ปลาอีกหนึ่งตัว และสุราหนึ่งไห เมื่อเห็นสามีตัวเองใช้เงินไปมากอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ท่านป้าสี่จึงเอ่ยถามด้วยความตกใจ “นี่ตาแก่ เจ้าเป็นบ้าอะไรกัน ทำไมถึงซื้ออาหารมาเยอะขนาดนี้! ”

ท่านลุงสี่กล่าวด้วยความตื่นเต้น “เซียวยวี่กลับมาแล้ว ข้าเชิญเซียวยวี่มากินข้าวมื้อหนึ่ง คุยกันไว้แล้ว”

พอท่านป้าสี่ได้ยินชื่อเซียวยวี่ รอยยิ้มบนใบหน้าพลันหายไปทันที “เจ้าเชิญเขากินข้าวทำไม? ”

ท่านลุงสี่ฟังไม่ออกว่าน้ำเสียงภรรยาตัวเองแฝงเร้นด้วยความไม่พอใจ กล่าวต่อด้วยความตื่นเต้น “เซียวยวี่ออกเดินทางไปสามเดือนกว่า กลับมาทั้งที ข้าย่อมต้องเชิญเขามากินข้าว ในอนาคตหากเป็นท่านซิ่วไฉแล้ว ไม่แน่ว่าเชิญเขามา เขาอาจไม่อยากมาแล้วก็ได้! ”

ท่านป้าสี่พึมพำ “หากเขาสอบเป็นซิ่วไฉได้ คอของข้าก็คงบิดเป็นเกลียวได้”

ท่านลุงสี่หันมาเอ่ยถามนาง “แม่หมิงจู เมื่อครู่เจ้าพูดอะไรนะ? ”

“เปล่า ไม่ได้พูดอะไร! ” ท่านป้าสี่รีบส่ายหน้า

“เจ้าช่วยข้านำเนื้อหมูไปตุ๋นก่อน ข้าจะไปฆ่าปลา ฆ่าปลาเสร็จข้าจะไปเชิญเซียวยวี่มากินข้าว ต้องไปเชิญแต่เช้าถึงจะดูจริงใจ! ” ท่านลุงสี่หัวเราะอย่างมีความสุข หิ้วปลาออกจากห้องครัว ท่านป้าสี่มองเนื้อหมูสองจินบนเตาปรุงอาหาร รู้สึกอึดอัดจนถอนหายใจอีกครั้ง

ไม่ได้ จะปล่อยให้หมิงจูพบเซียวยวี่ไม่ได้

ท่านป้าสี่พุ่งพรวดออกจากห้องครัว กำลังคิดจะหลอกให้หมิงจูกลับบ้านท่านยาย เซียวหมิงจูหิ้วถังไม้ที่ใส่เสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วเดินเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าขึ้นสีแดง

น่าจะได้ยินเรื่องที่เซียวยวี่จะมากินข้าวแล้ว

เซียวหมิงจูแสดงสีหน้าเขินอาย ไม่สนใจท่านป้าสี่ โยนถังไม้ไว้ก็วิ่งออกไปข้างนอก “ท่านพ่อ ท่านฆ่าปลาเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปตามพี่อายวี่เอง”

ท่านป้าสี่ตะโกนเสียงดังด้วยท่าทางดุดันอยู่ข้างหลัง “เซียวหมิงจู เจ้ากลับมาประเดี๋ยวนี้…”

เซียวหมิงจูวิ่งไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

ท่านป้าสี่จะวิ่งออกไปจับนางกลับมา ท่านลุงสี่เอ่ยถามด้วยท่าทีสงสัย “หมิงจูไปตามมาก็ได้นี่นา ยายแก่ เจ้าเป็นอะไรไป? ”

ท่านป้าสี่รู้สึกอัดอั้นอยู่ในใจ แทบอยากกระอักเลือดออกมา

ไม่กี่วันก่อนนางเพิ่งย้ำกำชับกับเซียวหมิงจูว่าอย่าพบเซียวยวี่อีก พริบตาเดียวสามีตนเองก็ชักศึกเข้าบ้าน เท่ากับเอาชีวิตนางไม่ใช่หรือ!

ท่านป้าสี่ไม่อาจตามเซียวหมิงจูกลับมาได้ ทำได้เพียงจ้องท่านลุงสี่ด้วยท่าทางดุร้าย ท่านลุงสี่โดนจ้องก็รู้สึกฉงน “นี่ยายแก่ เจ้าเป็นอะไรกันแน่? ทำไมถึงมองข้าเช่นนั้น? ”

ท่านป้าสี่พยายามกล้ำกลืนฝืนทนความโมโห “เจ้าเชิญแขกก็ไม่รู้จักปรึกษากับข้าก่อน”

ท่านลุงสี่รู้สึกงงงวยยิ่งนัก “วันที่ข้ารู้ว่าเซียวยวี่กลับมาก็บอกเจ้าแล้วนี่ ข้าบอกว่าอีกสองวันจะเชิญเซียวยวี่มากินข้าว ตอนนั้นเจ้าก็ขานตอบอย่างดี ข้านึกว่าเจ้าตอบตกลงแล้วเสียอีก! ”

วันนั้นท่านป้าสี่กำลังคิดเรื่องหาคู่ครองดีๆ ให้หมิงจู จะตั้งใจฟังได้อย่างไร

อาหารก็ซื้อมาแล้ว ทั้งยังไปตามคนแล้ว ดูท่าคงต้องเลี้ยงอาหารมื้อนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้

ท่านป้าสี่โมโหแทบตาย เช่นนี้เท่ากับชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่หรือ นางหนูเซียวหมิงจูจะตัดใจได้อย่างไร

“เจ้าเป็นคนเชิญ ข้าไม่ได้เชิญเสียหน่อย ใครเชิญคนนั้นก็ทำอาหาร ข้าจะไปรดน้ำในแปลงผักแล้ว! ”

กล่าวจบ ก็ออกจากประตูบ้านไปด้วยอารมณ์โมโห

มือของท่านลุงสี่เต็มไปด้วยเกล็ดปลาและเลือดปลา ตะโกนเรียกสองที รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก “สองแม่ลูกนี่เป็นอะไรไป แต่ละคนเหมือนกินดินระเบิดมาอย่างไรอย่างนั้น”

เขาไม่ได้คิดมาก เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าสองแม่ลูกมีเรื่องผิดใจกันอีก จึงกลับไปฆ่าปลาต่อด้วยความยินดี

เซียวหมิงจูวิ่งไปถึงบ้านเซียวยวี่ พอคิดว่าอีกประเดี๋ยวจะได้พบเซียวยวี่แล้ว นางตื่นเต้นจนหัวใจแทบหลุดออกจากช่องอก

เมื่อเห็นบ้านเซียวยวี่อยู่ใกล้แค่คืบ เซียวหมิงจูจึงหยุดฝีเท้า

นางมองดูเสื้อผ้าบนกายตัวเอง เมื่อครู่ไปซักเสื้อผ้าริมแม่น้ำ แขนเสื้อและชายกระโปรงเปียกหมด เสื้อบนกายก็มีรอยยับไม่น้อย รีบเอื้อมมือไปดึงเสื้อตัวเองให้เรียบ จัดเส้นผมของตัวเองที่ไม่ยุ่งแม้แต่น้อย เตรียมตัวเสร็จแล้ว แต่กลับยังรู้สึกหงุดหงิดนัก!

ถ้าเป็นเวลาปกติ เซียวหมิงจูย่อมไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่กำลังจะไปพบ คือเซียวยวี่!

หากนางแต่งตัวไม่เด่นพอ จะทำให้พี่อายวี่สังเกตนางได้อย่างไร?

พอคิดว่าในบ้านเซียวยวี่ยังมีสตรีรูปโฉมงดงามไร้ที่ตินั่น เซียวหมิงจูก็ทั้งรู้สึกเศร้าและรู้สึกโกรธ

หากไม่ใช่เพราะมารดาของนางคอยจับจ้องนางอยู่ตลอด นางต้องแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างเต็มที่แน่

อย่างไรนางก็ไม่ได้พบเซียวยวี่มาสามเดือนกว่าแล้ว ควรจะให้เซียวยวี่ได้เห็นนางในช่วงที่ดูดีที่สุด

เซียวหมิงจูยืนอยู่หน้าประตูบ้านเซียวยวี่ด้วยความลังเล ไม่รู้ว่าควรเข้าไป หรือควรกลับไปแต่งตัวให้ดีค่อยมาใหม่ แต่ก็เกรงว่ามารดาของนางจะคอยจับจ้องนางอยู่ที่บ้าน

หากกลับบ้านแล้วโดนท่านแม่จับได้ คิดจะออกมาอีกก็ยากเสียยิ่งกว่าอะไร

เมื่อตัดสินใจไม่ได้ จึงยิ่งรู้สึกร้อนใจ เซียวหมิงจูเดินวนอยู่หน้าประตูมารอบหนึ่ง ประตูบ้านเซียวยวี่ถูกเปิดออกดัง “เอี๊ยด”

เซียวหมิงจูเงยหน้ามองไปทางประตูใหญ่ เดิมทีใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี พอเห็นคนที่ออกมา ก็ชักสีหน้าทันที

เซี่ยยวี่หลัวเป็นคนเปิดประตู หิ้วถังไม้ ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ มองเซียวหมิงจูด้วยความสงสัย “เจ้ามีธุระงั้นหรือ? ”

นางไม่มีจิตปรปักษ์ต่อเซียวหมิงจู ดังนั้นจึงเอ่ยถามด้วยวาจาเรียบสงบ แต่เซียวหมิงจูได้ฟังวาจาของนาง กลับรู้สึกว่าช่างระคายหูนัก

เซียวหมิงจูคิดถึงสิ่งที่ซินแสสวี่บอกกับนางครั้งก่อน เพียงส่งเสียงเย็นทีหนึ่ง กล่าวด้วยอารมณ์โมโห “ไม่เกี่ยวกับเจ้า! ”

กล่าวจบ ก็พุ่งพรวดเข้าไปในบ้าน ประตูใหญ่ไม่ได้กว้างมากนัก เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่หน้าประตู ตอนเซียวหมิงจูพุ่งพรวดเข้าไป จึงชนใส่ไหล่ของเซี่ยยวี่หลัวอย่างรุนแรง

เซี่ยยวี่หลัวไม่ทันตั้งตัว โดนชนจนถอยหลังไปสองก้าว ชนเข้ากับบานประตูดัง “ตึ้ง” จึงทรงตัวได้

ถังไม้ที่หิ้วอยู่ก็ร่วงลงบนพื้นดัง “ตุ้บ” ยังดีที่ในนั้นมีเสื้อผ้าเยอะ ถังไม้จึงไม่พลิกคว่ำ

เซียวยวี่ออกมาพอดี เห็นกับตาว่าเซียวหมิงจูพุ่งพรวดเข้ามาด้วยอารมณ์โมโหและชนเซี่ยยวี่หลัว เขาขมวดคิ้วทันที

เซียวหมิงจูพุ่งพรวดเข้าไป เห็นเซียวยวี่ออกจากห้อง ก็แย้มรอยยิ้มราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน “พี่อายวี่ ท่านกลับมาแล้วงั้นหรือเจ้าคะ? ”

เซียวยวี่ขานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ ไม่ได้กล่าวอะไร

ท่าทีของเซียวหมิงจูที่ไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา ทำให้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เซี่ยยวี่หลัวไม่หันมองทางเซียวยวี่ด้วยซ้ำ แสยะยิ้มพร้อมส่ายหน้าด้วยความปลงอนิจจัง เซียวหมิงจูนะเซียวหมิงจู เจ้าแค้นผิดคนแล้วจริงๆ หากหนังสือหย่านั่นมีผล ตอนนี้นางกับเซียวยวี่ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว นอกจากนั้น สตรีที่อยู่ครองคู่กับเซียวยวี่ไปชั่วชีวิต เป็นคนที่มีประกายแสงเจิดจรัส ชาติตระกูลดีมีฐานะ รูปโฉมงดงามมีความสามารถ หญิงชาวบ้านจากชนบทอย่างพวกนางจะเทียบได้อย่างไร!

เซี่ยยวี่หลัวก้มตัวหิ้วถังไม้ข้างเท้าตัวเองขึ้น เดินออกไปโดยไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ