ตอนที่ 246 สามารถวางหัวใจที่หนักอึ้งลงได้

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 246 สามารถวางหัวใจที่หนักอึ้งลงได้

 

“แม่จ๋า!” หน่วนหน่วนร้องเสียงหวาน ๆ เมื่อมองเห็นจิ่งเป่ยเฉินที่เดินเข้ามาก็เงยหน้าขึ้นพลางตะโกนอีกครั้ง “พ่อจ๋า!”

“หน่วนหน่วนเด็กดี” ในที่สุดเขาก็สามารถวางหัวใจที่หนักอึ้งลงได้

เธอที่เพิ่งเอาผ้าพันแผลมาพันที่ศีรษะเสร็จ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของโหรวโหรว เขาก็คิดว่ามันต้องเป็นเรื่องร้ายแรงแน่ ๆ

ค่อยยังชั่ว ดี ดีจริง ๆ

อันโหรวแทบไม่สามารถปล่อยวางหัวใจที่หนักอึ้งลงได้ง่าย ๆ เหมือนกับจิ่งเป่ยเฉิน เธอเองก็คิดอยากจะเรียนรู้แบบเขาเหมือนกัน ก่อนที่จะสำรวจร่างกายของหน่วนหน่วนอย่างละเอียด แต่เมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นอะไรจึงค่อย ๆ ถอนหายใจขึ้นมา

สายตาของเธอเหลือบมองไปยังผ้าพันแผลที่ถูกพันอยู่บนหัวของลูกสาว ก่อนจะพูดว่า “เจ็บหรือเปล่า?”

“ไม่เจ็บค่ะ เป็นเพราะหน่วนหน่วนไม่ระวังเลยล้มลงค่ะ” หน่วนหน่วนมองไปที่แม่อย่างเสียใจ “หัวของหนูโขกกับบันได ฮือฮือ หลังจากนี้หน่วนหน่วนจะไม่มีรอยแผลเป็นใช่ไหมคะ ถ้ามีหน่วนหน่วนจะไม่สวยแล้วใช่ไหมคะ? แม่จ๋ากับพ่อจ๋าและพี่จะไม่ชอบหนูแล้วใช่ไหม?”

แต่เดิมเธอก็นิ่งสงบเงียบอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นแม่จ๋ากับพ่อจ๋ามา เธอก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที

อันโหรวรีบพุ่งเข้าไปกอดลูกสาวของตัวเองทันที ก่อนจะพูดว่า “หน่วนหน่วนสวยที่สุดแล้ว แม่จ๋า พ่อจ๋า และพี่ต่างก็ชอบหนูกันทั้งนั้น”

“จริงเหรอคะ?” เธอเบ้ริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่จิ่งเป่ยเฉินผ่านไหล่ของอันโหรว

จิ่งเป่ยเฉินโน้มตัวเข้ามาใกล้กับตัวลูกสาว ก่อนจะยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่ตอนนี้กำลังไหลออกมาจากดวงตาของเธอ “พ่อจ๋าชอบหน่วนหน่วนอยู่แล้ว”

เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งเขาต้องมาปลอบโยนลูกสาวตัวน้อยอย่างอ่อนโยนแบบนี้ แต่เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลของเธอ หัวใจของเขาก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันที

“พี่เองก็เหมือนกันนะ” หยางหยางพูดประโยคหนึ่งแทรกขึ้นมา

เขามองท่าทางของหน่วนหน่วน ภายในใจของเขาพลันรู้สึกโทษตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะตัวเขาไม่ได้ดูแลน้องสาวให้ดี

อันโหรวที่กำลังกอดตัวหน่วนหน่วนอยู่มองดูครูที่เดินมาขอโทษ เมื่อเห็นว่าเธอรู้สึกผิดอย่างหนักหน่วง เธอก็กวาดสายตามองไปที่จิ่งเป่ยเฉินอย่างเย็นชา ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาบาง ๆ พลางเอ่ยว่า “อาจารย์ลู่ คุณกลับไปก่อนนะคะ! ขอบคุณอาจารย์ที่คอยดูแล”

ตัวเธอเหลือบมองไปที่อันโหรวอยู่หลายรอย ก่อนจะหันไปมองที่จิ่งเป่ยเฉิน บรรยากาศของผู้ชายที่อยู่ตรงนี้ดูแล้วแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย อีกทั้งลูกน้อยสองคนก็ทั้งหล่อและสวย

 

แต่บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของจิ่งเป่ยเฉินนั้นดูกดดันมากเกินไป เธอจึงรีบออกจากห้องผู้ป่วยไปทันทีที่อันโหรวพูดจบ

เมื่ออาจารย์เดินออกไป คุณหมอก็ได้เข้ามาตรวจดูอาการทันที

จิ่งเป่ยเฉินกอดไปที่เอวของเธออย่างแน่นและมองไปที่หน่วนหน่วนอย่างเป็นกังวล เพื่อรอลุ้นผลตรวจ

“ถ้าไม่มีอาการอ้วกก็น่าจะไม่มีอะไรที่กระทบกระเทือนกับสมองนะครับ” คุณหมอหันไปมองที่ใบหน้าที่แสนเย็นชาของจิ่งเป่ยเฉิน บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเขาทำให้คุณหมอถึงกับตัวหด “ประธานจิ่ง เด็กไม่เป็นอะไรแล้ว สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”

เมื่อพูดจบเขาก็รีบเดินออกไปทันที อันโหรวเดินออกจากวงแขนของจิ่งเป่ยเฉิน ก่อนจะเข้าไปอุ้มหน่วนหน่วนและมองสองคนพ่อลูก และพูดว่า “ไปทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลกับรับยาให้เรียบร้อยด้วย”

ถ้าหากทั้งสองคนช่วยกันและกันก็อาจจะช่วยเพิ่มระดับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งตัวเธอเองก็กำลังช่วยเขาอยู่!

จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่สีหน้าของอันโหรว ก่อนจะเดินไปพร้อมกับหยางหยางและก้มหน้ามองไปที่เขา คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง หยางหยางเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับพูดว่า “ไปกันเถอะ!”

ท่าทางที่เย็นชาและดูโหดร้ายแบบนี้ช่างคล้ายกับตัวเขามาก สมกับเป็นลูกของเขาจริง ๆ ในใจของเขาเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย นี่คือลูกชายแท้ ๆ ของเขาเอง

หลังจากหยางหยางและจิ่งเป่ยเฉินออกไป เธอก็ได้ถือกระเป๋าของลูกน้อยทั้งสองคนไว้ตรงไหล่ข้างหนึ่ง ก่อนจะห่อเสื้อกันลมที่จิ่งเป่ยเฉินเอามาด้วยไว้ที่ตัวของหน่วนหน่วน เมื่อจัดแจงตัวเองเสร็จเรียบร้อย เธอก็อุ้มอันหน่วนขึ้นมาและพูดว่า “ข้างนอกหนาว อุ้มแบบนี้จะช่วยเพิ่มความอบอุ่นนะ”

“คล้ายกับพ่อจ๋าเลยใช่ไหมคะ” นัยน์ตาสีฟ้าโต ๆ กะพริบปริบ ๆ ไปมา ก่อนจะมองเธอด้วยรอยยิ้มด้วยท่าทางที่ดีใจ

“ดูเหมือนหน้าผากของหนูจะไม่เจ็บแล้วใช่ไหม” นี่ก็ถือว่าดีสุด ๆ แล้ว เธอเองก็กังวลเกี่ยวกับรอยแผลเป็นของเธอจริง ๆ เพราะถึงอย่างไรใบหน้าก็ถือว่าเป็นจุดที่มีเสน่ห์และสวยที่สุดของหญิงสาวทุกคน

ถ้าหากเธอโตขึ้นมาและเห็นรอยแผลเป็นที่ไม่ยอมจางหาย แบบนั้นเธอก็คงรู้สึกเสียใจแน่ ๆ

“ไม่เจ็บแล้ว มีแม่อยู่ก็ไม่เจ็บแล้วค่ะ” เธอจูบที่แก้มของอันโหรวทันที ก่อนจะพูดว่า “แม่จ๋า พวกเราออกไปกันเถอะ”

“ได้จ้ะ” ตอนนี้พวกเขาออกไปข้างหน้า และคงไปรอพวกเขาที่หน้าประตูโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเดินกลับไปดูพวกเขาโถงรับยา

ฤดูหนาวมาถึงแล้ว จึงทำให้มีคนป่วยเพิ่มมากขึ้น เธอเองก็รู้สึกได้ว่าการอุ้มหน่วนหน่วนแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว “แม่จ๋า พ่อจ๋ากับพี่จะมาตอนไหนคะ?”

เธอคิดอยากจะยิ้ม แต่เมื่อครู่ที่พวกเธอเพิ่งมาถึงห้องโถงใหญ่ พวกเขาก็น่าจะจ่ายยาอยู่ ไม่ได้รวดเร็วเท่าพวกเธอ

“เดี๋ยวพวกเขาก็มาแล้ว” เธอเดินช้า ๆ ไปนั่งที่ห้องโถง ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกอะไรบางอย่างแปลก ๆ กับผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้สีฟ้า เธอรู้สึกคุ้นเคยกับรูปร่างของเธอมากจริง ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นช่วงที่เธอเดินเข้ามาใกล้ เธอจงใจเอียงศีรษะหันไปดูทางอื่น ไม่กล้าสบตามองไปที่ตัวเธอ

เธอเดินผ่านไปด้วยความสงสัย ก่อนจะนั่งพร้อมกับหน่วนหน่วน เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกว่ารอบ ๆ ตัวคล้ายกับมีดที่แหลมคมจ่อมาที่ตัวเธอ ก่อนที่จะทำตัวแข็งและยืนขึ้นพลางหมุนตัวเดินออกไปจากตรงนั้น

“แม่จ๋า แม่เป็นอะไรคะ?” หน่วนหน่วนมองเธอด้วยความสงสัยและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน

“แม่จ๋าเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” น้ำเสียงของเธอยังแหบแห้ง ซึ่งเข้ากับใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอเป็นอย่างดี

ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เธอเมื่อได้ยินเสียงของเธอก็รีบลุกขึ้นอย่างกระวนกระวายทันที ทำให้รายงานการตรวจที่เธอวางไว้บนตักจะตกลงสู่พื้น

สายตาของทั้งสามคนมองไปยังจุดเดียวกัน เธอรีบย่อตัวลงอย่างประหม่า ก่อนจะรีบเก็บข้อมูลการตรวจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ข้างหูกลับมีเสียงที่เอ่ยดังขึ้นมาว่า “คุณนายโอวหยาง เห็นฉันแล้วรู้สึกกลัวขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

ถึงแม้ว่าเธอจะสวมแว่นตา แต่แว่นตาที่เธอสวมก็สะท้อนกับข้อมูลพวกนั้น ซึ่งสายตาของเธอเองก็เหลือบเห็นเข้าพอดี เธอเห็นคำว่าเหลียวเว่ยอย่างชัดเจน ผลการตรวจครั้งสุดท้ายเพื่อยืนยันเรื่องการตั้งครรภ์

ซึ่งตัวเธอเองก็ตั้งครรภ์จริง ๆ

เป็นลูกของโอวหยางลี่!

แต่ทำไมเธอต้องทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้ด้วย ดูลึกลับราวกับไม่อยากให้ใครเห็น

เมื่อเหลียวเว่ยได้ยินคำพูดของเธอก็รีบหยิบข้อมูลเหล่านั้นขึ้นมาและมองไปที่อันโหรว แต่ดวงตาของเธอกลับถูกดึงดูดอย่างรวดเร็ว สายตาของเธอนั้นมองไปยังหน่วนหน่วนที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ ดวงตากลมโตสีฟ้าครามราวกับน้ำทะเลที่สดใส มันส่องแสงราวกับแซฟไฟร์ที่งดงาม

และสิ่งที่พันรอบตัวเธอก็คือเสื้อกันลมของผู้ชาย หรือว่าจิ่งเป่ยเฉินจะอยู่ที่นี่ด้วย?

เมื่อสังเกตเห็นผ้าพันแผลที่พันอยู่ที่หัวของเธอ คงไม่น่าแปลกหากจิ่งเป่ยเฉินจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ตระกูลเหลียวถูกทำลายด้วยมือของเขา ตอนนี้เธอกลัวแทบจะตายอยู่แล้ว

“ฉันแค่ปกป้องความเป็นส่วนตัวของฉันเท่านั้นเอง ไม่ว่าคุณจะเห็นอะไรก็ตาม ฉันหวังว่าคุณจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ!” เธอรีบเดินหายไปอย่างร้อนรน

เธอกำลังตั้งครรภ์ นี่ถือว่าเป็นข่าวดี แต่ทว่าเธอเองก็เพิ่งจะรู้ว่าโอวหยางลี่กับเหอเหมียวคนนั้นแอบกลับมากินกันอีกครั้งหนึ่งแล้ว

สามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ถือว่าเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด ถึงแม้ว่าตัวเธอจะมีความสุขมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อาจพูดเรื่องนี้ออกไปได้ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยของเธอเอง

เมื่อครู่หลังจากตรวจครรภ์ก็รับรู้ว่าตัวเธอท้องแล้ว เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ข่าวที่น่าตกใจแบบนี้ไม่อาจแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่นรับรู้ได้เลย เพราะงั้นเธอจึงคิดอยากจะนั่งลงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเองสักหน่อย

คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาพบกับอันอีหานและลูกของเธอที่นั่นด้วย

เด็กผู้หญิงที่น่ารักมากแบบนั้น ดวงตาสีฟ้าที่กลมโต แม้จะมีผ้าพันแผลพันไว้ที่หัวก็ไม่มีท่าทีร้องไห้เลยสักนิด ดูท่าจะเป็นเด็กที่เข้มแข็งพอสมควร

 

เธออดไม่ได้ที่จะสัมผัสท้องของตัวเองเบา ๆ เธอหวังว่าลูกของเธอหลังจากนี้จะน่ารักแบบนั้นบ้าง

ใบหน้าอดไม่ได้ที่จะเผยอารมณ์ของแม่ที่มีความอบอุ่นและความคาดหวังอะไรบางอย่างออกมา

อันโหรวที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่นี้ เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนั้น เธอเองก็มองออกว่าเหลียวเว่ยน่าจะห่วงลูกของเธอมาก ซึ่งแม่ทุกคนก็ล้วนเป็นแบบนี้กันทุกคน

ไม่สนว่าก่อนหน้านี้เธอจะทำอะไรไว้บ้าง ถึงอย่างไรตอนนี้ท้องก็มีเด็กอยู่ ซึ่งเด็กก็ยังไร้เดียงสาและไม่ได้ผิดอะไร

จิ่งเป่ยเฉินและหยางหยางเดินมาหาทั้งสองคนพร้อมกัน ทั้งสองคนไม่มีท่าทีแม้แต่จะจูงมือ ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าล้วนแตกต่างกว่าจินตนาการที่อันโหรวคิดไว้