เซียวหยวนถือของไว้ในมือ เร่งฝีเท้าเดินมายังประตูใหญ่ เอ่ยเรียกอย่างสนิทสนม “ท่านป้าสี่…”
“มาแล้วงั้นหรือ เร็วเร็วเร็ว เข้ามานั่ง เข้ามานั่ง! ” ท่านป้าสี่ต้อนรับอย่างเป็นกันเอง เชิญเขาเข้ามาในห้องโถง
ท่านลุงสี่นั่งอยู่ในห้องโถงพอดี เมื่อเห็นเซียวหยวนมาแล้ว กล่าวทักทายเสร็จก็เปิดบทสนทนาทันที
“เจ้าไม่ได้กลับมาปีกว่าแล้วสินะ ตอนเช้าท่านป้าสี่ของเจ้าบอกว่าจำเจ้าแทบไม่ได้ หากเป็นข้า เกรงว่าก็คงจำไม่ได้เหมือนกัน ไม่ได้พบกันหนึ่งปีกว่า เปลี่ยนไปมากทีเดียว! เป็นอย่างไร ตอนนี้ชีวิตเป็นอย่างไรบ้าง? เมื่อไรต้องกลับไปอีก? ” ท่านลุงสี่กล่าวอย่างมีความสุข
เซียวหยวนก็ยิ้ม “ท่านลุงสี่ ข้าเพียงทำงานหาเงินเพื่อประทังชีวิตอยู่ข้างนอกขอรับ ช่วงหลายปีมานี้ก็สะสมเงินได้ไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ไม่มีงานอะไรทำ ข้าจึงคิดจะกลับบ้านมาพักผ่อนสักสองสามเดือน พักผ่อนเสร็จแล้วค่อยออกไปหางานทำขอรับ”
“ควรพักผ่อนจริงๆ เจ้าดูสิเจ้าไม่อยู่บ้านทั้งปี แม้แต่เรื่องใหญ่ในชีวิตของเจ้ายังไม่ได้จัดการ เจ้าเองอายุก็ไม่น้อยแล้ว เด็กผู้ชายอายุไล่เลี่ยกับเจ้า หลายคนล้วนมีลูกแล้ว ต่อให้ไม่มีลูก ก็แต่งงานมีครอบครัวกันแล้ว บิดามารดาของเจ้าไม่อยู่แล้ว เจ้าเองก็อย่าละเลย เข้าใจหรือไม่? ”
เซียวหยวนหน้าแดง ขานตอบด้วยความเขินอาย
ท่านป้าสี่ยกสุราอาหารเข้ามาในห้อง พอเข้าห้องก็ยิ้มทันที “เจ้าต้องเชื่อฟังท่านลุงสี่ของเจ้า เขากล่าวไม่ผิด เป็นบุรุษก็ต้องสร้างครอบครัวและทำงาน เรื่องมีครอบครัวย่อมต้องมาก่อนการทำงาน จริงหรือไม่? ”
เซียวหยวนลุกขึ้นไปรับอาหารในมือท่านป้าสี่ตามสัญชาตญาณ จากนั้นจึงวางลงบนโต๊ะเบาๆ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่รู้ความ เอาใจใส่ผู้อื่น และทำงานบ้านเป็น อย่าให้กล่าวเลยว่าภายในใจท่านป้าสี่รู้สึกพึงพอใจเพียงใด
“ท่านลุงสี่ ข้านำสุราสองไหจากในอำเภอมาให้ท่านขอรับ! ”
พอเห็นสุรา ท่านลุงสี่ก็ยิ้มจนตาหยี “ของขวัญนี้ข้าโปรดปรานนัก อาหยวน ลำบากเจ้าแล้ว”
ท่านป้าสี่กล่าวเป็นเชิงตำหนิ “ท่านลุงสี่ของเจ้า พอดื่มสุรา ก็ไม่รู้จักพอ เจ้ายังจะมอบสุราให้เขาอีก ถึงเวลาหากดื่มจนเมาทุกวันข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า”
เซียวหยวนยิ้ม “ท่านลุงสี่ ท่านป้าสี่ นี่ไม่ใช่สุราธรรมดาขอรับ สุรานี่ดื่มแล้วไม่มึนเมา ทั้งยังไม่มีผลเสียต่อร่างกายแม้แต่น้อย ท่านลุงสี่สามารถดื่มวันละเล็กน้อยได้ทุกวัน ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ทั้งยังช่วยให้อายุยืนด้วยขอรับ! ”
ท่านลุงสี่ผงะไป “สุรานี่มีสรรพคุณเช่นนี้ด้วยงั้นหรือ? ”
“นี่คือสุราสมุนไพรขอรับ ในนั้นใช้สมุนไพรเจ็ดเจ็ดสี่สิบเก้าชนิดในการหมัก สมุนไพรแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณบำรุงร่างกาย เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วงที่ข้าเป็นช่างไม้อยู่ข้างนอก ในครอบครัวนายท่านคนก่อน ท่านผู้เฒ่าอายุเจ็ดสิบกว่าก็ชอบสุราชนิดนี้ จะดื่มหนึ่งคำก่อนทานข้าวทุกวัน เขาอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว ยังมีใบหน้าอ่อนเยาว์และผมดก ร่างกายแข็งแรงเสียยิ่งกว่ากระไร! ” เซียวหยวนกล่าว
ท่านลุงสี่หัวเราะทันที โอบสุราไหนั้นราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า กล่าวกับท่านป้าสี่ “เห็นหรือยัง อาหยวนบอกว่าสุรานี่สามารถทำให้อายุยืน เจ้าอยากให้ข้าอยู่นานๆ ไม่ใช่หรือ ต่อไปข้าจะดื่มสุรานี่ทุกวัน เจ้าอย่าห้ามข้าเชียว”
คนในชนบท จะเคยได้ยินเรื่องสุราสมุนไพรได้อย่างไร เกรงว่าคงมีแต่ในอำเภอถึงจะมี ท่านป้าสี่ได้ฟังดังนั้นก็รีบบอกว่าได้ ยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ห้ามเจ้า แต่อาหยวนก็บอกแล้ว ว่าสุรานี่ดื่มวันละหนึ่งคำก็พอ ต่อไปข้าจะรินให้เจ้าเพียงวันละหนึ่งคำ”
ท่านลุงสี่ได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกห่อเหี่ยว แต่พอคิดว่าจะได้จิบหนึ่งคำทุกวัน ก็ยังดีกว่าตอนนี้ที่สามถึงสี่วันได้ดื่มเพียงครึ่งถ้วย “ก็ได้ ดื่มคำเดียวก็คำเดียว แต่ต้องดื่มทุกวัน อาหยวนบอกแล้ว ว่าต้องดื่มทุกวัน”
ท่านป้าสี่หัวเราะ “รู้แล้ว ไม่ลืมแน่”
เซียวหยวนนำขนมจำนวนหนึ่งมาให้ท่านป้าสี่ด้วย “ท่านป้าสี่ นี่คือขนมกุ้ยฮวา และขนมเกาลัด ทั้งหวานทั้งนุ่ม ให้ท่านลองชิมขอรับ”
ท่านป้าสี่รับไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าเด็กคนนี้ ลำบากเจ้าแล้ว มามามา นั่งลงก่อน กินข้าวก่อน ในบ้านไม่มีอาหารดีอะไร เจ้าอย่าได้เกรงใจเชียว! ”
เด็กคนนี้ ทุกครั้งที่กลับมาในบ้านก็ไม่ได้ทำอาหาร ทั้งยังต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่ ช่วงเช้าก็ไปปลูกผัก เมื่อไรจะได้กินอาหารร้อนๆ สักมื้อก็ยังไม่รู้
เซียวหยวนมองบนโต๊ะมีทั้งเนื้อหมูและปลา นี่ยังเรียกว่าไม่มีอาหารดีอีกงั้นหรือ? รีบกล่าว “แค่นี้ก็ดีมากแล้วขอรับ ทำให้ท่านลุงสี่กับท่านป้าสี่ต้องสิ้นเปลืองแล้ว”
ท่านลุงสี่หันมองไปด้านนอก กล่าวด้วยท่าทีสงสัย “ทำไมอายวี่ถึงยังไม่มา? ”
ท่านป้าสี่หัวเราะอย่างเย็นชา “คนเขาต่อไปจะเป็นท่านซิ่วไฉ ย่อมต้องวางมาดอยู่แล้ว”
เซียวหยวนเอ่ยถาม “อายวี่? ”
ท่านป้าสี่ “ก็คือเซียวยวี่ คนที่เมื่อก่อนเคยอยู่ในอำเภอกว่างชาง บิดามารดาป่วยหนักจึงกลับมา เจ้ารู้ใช่หรือไม่? ”
เซียวหยวนไม่ค่อยได้กลับหมู่บ้านสกุลเซียว ต่อให้กลับมาก็อยู่เพียงสองวันก็ไปแล้ว ดังนั้น เรื่องของเซียวยวี่เขาจึงไม่ค่อยรู้มากนัก ทว่าล้วนแต่แซ่เซียวเหมือนกัน และเป็นคนในหมู่บ้าน เช่นนั้นก็ถือเป็นคนบ้านเดียวกัน
“พอจะรู้บ้าง เขาก็จะมาเช่นกันหรือขอรับ? ”
“อืม ช่วงเดือนสองเขาไปสอบซิ่วไฉในอำเภอ เมื่อไม่กี่วันก่อนเพิ่งกลับมา ท่านลุงสี่ของเจ้าจะเลี้ยงต้อนรับเขา จึงให้มาวันนี้พอดี” ท่านป้าสี่เกรงว่าเซียวหยวนจะเข้าใจผิด จึงรีบกล่าว
เซียวหยวนขานตอบทีหนึ่ง “เช่นนั้นพวกเราก็รอก่อน”
เซียวหมิงจูแต่งแต้มเครื่องประทินโฉมจุดสุดท้ายเสร็จ ได้ยินเสียงพูดคุยจากห้องข้างๆ นึกว่าเซียวยวี่มาแล้ว รีบจัดแต่งผมที่เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้วอีกครั้ง ดึงเสื้อที่เพิ่งเปลี่ยนให้เรียบตรง นำเสื้อที่นางเตรียมให้เซียวยวี่ไปวางไว้ในตู้ จากนั้นจึงออกจากประตูมายังห้องข้างๆ
เซียวหยวนกำลังพูดคุยกับท่านลุงสี่และท่านป้าสี่ บอกเล่าเรื่องราวน่าสนใจที่เขาประสบพบเจอจากข้างนอก หยอกจนผู้สูงวัยทั้งสองหัวเราะเสียงดัง เซียวหมิงจูได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขจากด้านใน ก็เขินอายจนหน้าแดง ท่านแม่ต้อนรับเซียวยวี่อย่างใหญ่โตเช่นนี้ ทำให้ภายในใจเซียวหมิงจูรู้สึกยินดียิ่งขึ้น จัดเสื้อผ้าตรงหน้าประตูอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงผลักเปิดประตูเข้าไปอย่างอดรนทนรอไม่ไหว
คนข้างในได้ยินเสียง จึงหันมองไปทางประตู
เซียวหยวนเห็นแล้ว สายตาพลันหยุดนิ่งทันที!
เพียงเห็นสตรีที่เข้ามาสวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงกุหลาบ ขับให้รูปร่างดูอรชรอ่อนช้อย ใบหน้ารูปไข่ที่ใหญ่เพียงหนึ่งฝ่ามือแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉม ใต้คิ้วทรงใบหลิวโก่งโค้งคือดวงตาสดใสคู่โตประหนึ่งผลซิ่ง สันจมูกโด่งดูดี ริมฝีปากสีแดงชุ่มฉ่ำ ริมฝีปากสีแดงสดขับให้ผิวดูขาวผ่องดุจหิมะ ทรงเสน่ห์ยิ่งนัก
เซียวหยวนลุกพรวดขึ้นทันที ดวงตาราวกับถูกทากาวติดไว้ ไม่อาจละสายตาได้เลย
ท่านป้าสี่เห็นเซียวหมิงจูแต่งตัวอย่างงดงามมาร่วมทานอาหาร ก่อนมองเซียวหยวนที่ถูกสะกดจนมีท่าทางเหม่อลอย ก็แอบยิ้มอยู่ในใจ
ในหมู่บ้านสกุลเซียวแห่งนี้ นอกจากเซี่ยยวี่หลัว บุตรสาวของนางก็ถือว่ามีรูปลักษณ์หน้าตาเป็นเลิศ ปกติไม่แต่งเนื้อแต่งตัว พอแต่งเนื้อแต่งตัวแล้ว หากบุรุษยังละสายตาได้สิถึงจะแปลก!