“ท่านลุงสี่ ท่านป้าสี่ ผู้นี้… คือน้องหมิงจูงั้นหรือขอรับ? ” ถึงแม้เซียวหยวนจะตกตะลึงในความงาม แต่ก็ไม่ได้เสียมารยาท รีบละสายตาอย่างมีมารยาททันที ก่อนเอ่ยถามท่านลุงสี่และท่านป้าสี่ที่อยู่ข้างๆ
เมื่อท่านป้าสี่เห็นท่าทางของเซียวหยวนที่ทั้งมีมารยาทและเคารพอ่อนน้อม ภายในใจก็รู้สึกพึงพอใจเสียยิ่งกว่ากระไร
สายตาที่เขามองหมิงจูเมื่อครู่นี้ ถึงแม้จะตกตะลึงในความงาม แต่ก็สะกดตัวเองไว้และรู้มารยาท ไม่มีท่าทีเหลาะแหละหยาบคายแม้แต่น้อย
เซียวหมิงจูเข้าห้องมาด้วยความเขินอาย กำลังจะเงยหน้าเอ่ยเรียกพี่อายวี่ พอคนในห้องปริปากพูด ก็ไม่ต่างจากเอาน้ำเย็นรดศีรษะนาง
เสียงนี่ ไม่ใช่พี่อายวี่!
เซียวหมิงจูเงยหน้าขึ้นอย่างฉับพลัน พอเห็นคนตรงหน้าที่มีรูปร่างหน้าตาแสนจะธรรมดา เป็นพี่อายวี่ที่นางเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันที่ไหนกัน คนผู้นี้…
นางไม่รู้จัก!
ท่าทางเขินอายของเซียวหมิงจูเมื่อครู่นี้พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันใด “ท่านพ่อ ท่านแม่ เขาเป็นใครเจ้าคะ? ”
ท่านป้าสี่เดินขึ้นหน้าไปจับมือเซียวหมิงจูอย่างมีความสุข กล่าวด้วยท่าทางดีอกดีใจ “นี่คือพี่อาหยวนของเจ้าอย่างไรเล่า? เจ้าลืมแล้วงั้นหรือ ตอนเด็กเจ้าชอบตามอยู่ข้างหลังพี่อาหยวนของเจ้า ให้เขาพาเจ้าไปเล่น เจ้ายังจำได้หรือไม่? ”
วาจาของท่านป้าสี่ทำให้เซียวหยวนหวนคิดถึงความทรงจำในอดีต ยิ้มพร้อมกล่าว “ข้าจำได้มีครั้งหนึ่งน้องหมิงจูจะเอารังนกบนต้นไม้ ไม่ทันระวังจึงตกลงมา ตอนนั้นข้าตกใจแทบตาย”
ท่านป้าสี่กล่าวตำหนิ “เรื่องนี้จะโทษเจ้าได้อย่างไร ในเวลานั้นเด็กคนนี้จะปีนขึ้นต้นไม้ไปเอารังนกเอง ตอนที่นางตกลงมา หากไม่ได้เจ้าช่วยรับอยู่ด้านล่าง เด็กคนนี้ต้องกระดูกหักแน่! จะยังกระโดดโลดเต้นได้อย่างไร แต่ก็ทำให้เจ้าลำบากแล้ว ต้องนอนอยู่บนเตียงนานหนึ่งเดือนกว่า”
ทั้งสองคนคุยกันคนละประโยคสองประโยค พูดคุยถึงเรื่องในวัยเด็กอย่างมีความสุข มีเพียงเซียวหมิงจูที่ฟังด้วยท่าทางเย็นชา ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง ไม่สนใจแม้แต่น้อย
ท่านป้าสี่ไม่พอใจ “เด็กคนนี้ เจ้าเรียกชื่อทักทายสิ! เมื่อก่อนไม่ให้เจ้าเรียก เจ้าก็วิ่งตามอาหยวนเรียกแต่ชื่อเขา คอยตามติดเขาอยู่ตลอด เวลานี้ให้เจ้าเรียก ทำไมถึงไม่เรียกเล่า”
เซียวหมิงจูเอ่ยเรียกพี่อาหยวนด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เรื่องนี้ทำให้ท่านป้าสี่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จับมือเซียวหมิงจูไว้ไม่ให้นางไปไหน จะระลึกถึงความหลังให้ได้
ไม่รู้ว่าพูดคุยถึงเรื่องในอดีตกันไปนานเพียงใด เสียงน่าฟังเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางประตู น้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับสามารถกัดกินกระดูกเซาะกร่อนวิญญาณได้
“ท่านลุงสี่ ท่านป้าสี่”
เดิมทีเซียวหมิงจูโดนมารดาของตนเองบังคับให้นั่งอยู่ข้างเซียวหยวน พอได้ยินเสียงนี้ นางก็พุ่งพรวดออกไปหลายก้าวในคราเดียวราวกับติดลวดขดก็มิปาน ความเย็นชาและปฏิกิริยาต่อต้านเมื่อครู่หายไป สะบัดมือท่านป้าสี่ออก วิ่งเหยาะๆ มาถึงตรงหน้าเซียวยวี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายน้ำ ท่าทางพราวเสน่ห์ “พี่อายวี่ ในที่สุดท่านก็มา”
เซียวยวี่ไม่อยากไปบ้านเซียวหมิงจูเร็วนัก รอให้ใกล้ถึงเวลาแล้วจึงมา
ท่านลุงสี่ก็ออกมาต้อนรับด้วยท่าทางดีอกดีใจ “อายวี่มาแล้วงั้นหรือ เร็วเร็ว รีบเข้ามา”
ท่านป้าสี่เร่งเร้า “คนมากันครบแล้ว รอเจ้าจนอาหารเย็นหมดแล้ว”
เซียวยวี่ถือว่าไม่ได้มาช้า และไม่ถือว่าเร็ว บ้านคนทั่วไปปกติเวลานี้ยังไม่เริ่มกินอาหาร ปกติเวลานี้บ้านพวกเขาก็ยังไม่กินอาหาร เพราะวันนี้จะมีแขกมา ก่อนหน้านี้เซียวหมิงจูก็บอกว่าอีกครู่หนึ่งค่อยผัดอาหาร แต่ท่านป้าสี่ให้รีบทำอาหารให้เสร็จค่อยรอคนมา ยังดีกว่าคนมาแล้วอาหารยังไม่พร้อม
วาจาของท่านป้าสี่เป็นการพูดเหน็บแนมว่าเซียวยวี่มาช้า ทุกคนรอเขาคนเดียว
เซียวหมิงจูคิดจะช่วยอธิบายแทนเซียวยวี่ ท่านป้าสี่กลับพาเซียวหยวนไปนั่งบนเตียงเตา “คนมากันครบแล้ว รีบนั่งลงกินข้าวเถอะ อาหารเย็นหมดแล้ว”
ทั้งสี่คนนั่งลง โต๊ะตัวเล็กหนึ่งตัว ต้องนั่งห้าคน ท่านลุงสี่นั่งด้านหนึ่ง ท่านป้าสี่ให้เซียวหยวนนั่งลงข้างนาง เซียวยวี่นั่งอยู่ตรงข้าม จากนั้นท่านป้าสี่ดึงเซียวหมิงจูมานั่งลงตรงข้างขวาของนาง ชิดกับเซียวหยวนที่อยู่ข้างๆ พอดี
เซียวหมิงจูไม่พอใจตำแหน่งนี้ คิดจะขยับออก แต่ถูกท่านป้าสี่กดไว้
“เร็ว หมิงจู รินสุราให้ทุกคน! ” ท่านลุงสี่ไม่เห็นการปะทะกันอย่างลับๆ ของสองแม่ลูก เขาหัวเราะพร้อมกล่าวอย่างมีความสุข
“รินให้อาหยวนก่อน” ท่านป้าสี่กดเหยือกสุราในมือเซียวหมิงจูให้รินใส่ถ้วยของเซียวหยวนที่อยู่ข้างๆ จนเต็ม
“รินให้ท่านพ่อของเจ้าด้วย! ” จากนั้นจึงรินให้ท่านลุงสี่จนเต็มถ้วย แล้วจึงเป็นเซียวยวี่
พอถึงเซียวยวี่ ท่านป้าสี่ก็ไม่กล่าวอะไร มองดูด้วยสายตาเย็นชา เซียวหมิงจูแย้มรอยยิ้มพราว ไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่หัวใจกลับเต้นแรง แม้แต่มือที่ถือเหยือกสุรายังสั่นเทิ้มเบาๆ
เซียวยวี่สีหน้าไม่เปลี่ยน ท่าทีเรียบสงบ นั่งตัวตรง ในแววตาไม่มีความนัยเป็นอื่นแม้แต่น้อย
ไม่ง่ายเลยกว่าเซียวหมิงจูจะรินสุราจนเต็มถ้วย ท่านลุงสี่ยกถ้วยสุราขึ้น หัวเราะพร้อมกล่าว “วันนี้ช่างบังเอิญนัก อายวี่สอบเสร็จกลับมา อาหยวนอยู่ข้างนอกหนึ่งปีกว่า ก็กลับมาแล้ว วันนี้ลุงสี่ของพวกเจ้าก็อยากดื่มสุราพอดี วันนี้ทุกคนไม่เมาไม่เลิก! ”
กล่าวจบ ยกถ้วยสุราขึ้น ดื่มรวดเดียวจนหมด
เซียวยวี่เห็นดังนั้น ก็แหงนหน้าดื่มรวดเดียวจนหมดเช่นกัน หันถ้วยลง เผยให้เห็นก้นถ้วย ไม่เหลือสุราแม้แต่หยดเดียว
ท่านลุงสี่ปรบมือ “ดี สาแก่ใจนัก! ”
เซียวหยวนเพียงจิบคำเล็ก ก็ไม่ดื่มอีก วางถ้วยสุราลง ท่านลุงสี่จ้องเขาอยู่ตลอด เห็นดังนั้นก็ไม่ยอม “เอ๋เอ๋เอ๋ ทำอะไรน่ะ ทำไมถึงจิบเพียงคำเดียว เร็วเร็วเร็ว รีบดื่มให้หมด! เจ้าดูสิอายวี่ยังดื่มจนหมดเลย! ”
เซียวหยวนจับถ้วยสุราไว้ กล่าวด้วยท่าทางเก้อเขิน “ท่านลุงสี่ ข้า… ข้าดื่มสุราไม่เป็นจริงๆ ขอรับ ท่านดูสิ ข้าดื่มไปคำเดียว ก็หน้าแดงแล้ว”
ใบหน้าของเขาเริ่มกลายเป็นสีแดงจริงๆ
ท่านลุงสี่ยังเกลี้ยกล่อม “มีบุรุษคนไหนบ้างดื่มสุราไม่เป็น เจ้าไม่ได้กลับมาหนึ่งปีกว่า สุรานี่เจ้าต้องดื่มให้ได้! ” กล่าวจบ ยังจะเกลี้ยกล่อมต่อ ท่านป้าสี่ที่อยู่ข้างๆ ตีท่านลุงสี่ทีหนึ่ง กล่าวเป็นเชิงตำหนิ “นี่ตาแก่ เจ้าชอบดื่มสุราก็แล้วไป ยังจะให้เซียวหยวนกลายเป็นคนขี้เมาเหมือนเจ้าหรือ? อาหยวนดื่มไม่เป็น เจ้ายังจะบังคับให้เขาดื่มหรืออย่างไร? เขาดื่มไม่เป็นก็ไม่ต้องดื่มแล้ว…”
“ไอย๊า ยายแก่นี่ ข้าก็เกรงว่าอาหยวนอุตส่าห์มาทั้งที กลับไม่ได้ดื่มสุราอย่างหนำใจไม่ใช่หรือ จะว่าเราใจแคบเอาได้! ” ท่านลุงสี่หัวเราะพร้อมกล่าว
เซียวหยวนรีบกล่าวว่าไม่เป็นเช่นนั้น “ข้าดื่มสุราไม่เป็นจริงๆ ท่านลุงสี่ ข้าดื่มเท่านี้ก็พอแล้วขอรับ ดื่มอีกอาจเมาได้”
ท่านลุงสี่เห็นเขายืนกรานว่าดื่มไม่เป็น ก็ได้แต่ปล่อยไป หันมองเซียวยวี่ที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ “อายวี่ พวกเราลุงหลานสองคนดื่มกัน”
เซียวยวี่ย่อมดื่มเป็นเพื่อน พยักหน้า “ได้ขอรับ! ”
“มา หมิงจู รินสุราให้เซียวยวี่! ” ท่านลุงสี่กล่าวกับเซียวหมิงจู
อย่างไรเสียก็ไม่ต้องรินสุราให้เซียวหยวนแล้ว เซียวหมิงจูเหมือนจะหาข้ออ้างหนีไปได้ ยกเหยือกสุรามาอยู่ข้างกายท่านลุงสี่และเซียวยวี่ อ้างว่าจะได้รินสุราสะดวก แต่พอสายตามองไปทางเซียวยวี่ ก็ไม่อาจละสายตาได้อีก ใครจะรู้ว่าสิ่งที่นางรินเป็นสุราหรือความรัก!